ย้อนไป 22 ปีพอดี มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นในเมืองไทย ประชาชนจำนวนมากออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมและถูกรัฐบาลปราบปรามอย่างโหดร้าย ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองอย่างกว้างขวางส่งผลให้ประชาชนล้มตายและเกิดความเสียหายร้ายแรงเพิ่มขึ้น บุคคลคณะหนึ่งได้ขอพึ่งพระบารมี (ภาพ) เหตุการณ์จึงคลี่คลายและการบาดเจ็บล้มตายยุติลง ณ วันนี้ เหตุการณ์บ่งชี้ว่าคงถึงเวลาขอพึ่งพระบารมีกันอีกครั้ง แต่พวกทรชนที่หวังจะครองอำนาจเพื่อโกงกินประเทศชาติต่อไปไม่ยอมทำ ในภาวะเช่นนี้ หากคนดีที่ออกมาต่อต้านการโกงกินหมดใจ หรือถูกพาไปหลงประเด็น เมืองไทยจะเป็นของทรชนโดยสมบูรณ์
คงจำกันได้ดี ห้าปีหลังเหตุการณ์ 2535 นั้นคลี่คลาย เมืองไทยเดินเข้าสู่ภาวะล้มละลายจนต้องคลานไปหาไอเอ็มเอฟและถูกองค์การนั้นสั่งให้ทำสิ่งที่ไม่ควรทำหลายอย่าง การล้มละลายครั้งนั้นมักมองกันว่าเป็นปัญหาเศรษฐกิจ แต่มันเป็นอาการของวิกฤตทางศีลธรรมจรรยาของคนไทยที่นำไปสู่ความมักง่าย การอยากได้ของเปล่าและความฉ้อฉลจนเศรษฐกิจทนไม่ไหวจึงพังทลายลง
ความถดถอยทางศีลธรรมจรรยาซึ่งแสดงออกมาทางความฉ้อฉล การอยากได้ของเปล่าและความมักง่ายที่ทำให้เมืองไทยล้มละลายครั้งนั้นปูฐานให้เกิดการบริหารจัดการชื่อ “ระบอบทักษิณ” (Taksinocracy) มันถูกนำมาใช้ในปี 2544 ระบอบนั้นเลวร้ายมากเนื่องจากมันเป็นเสมือนเข่ง 5 เหลี่ยมสำหรับจับคนไทยใส่แล้วนำไปถ่วงน้ำ หากแก้ไขไม่ทัน มันจะทำให้จมน้ำ หรือเกิดความหายนะ คอลัมน์นี้เคยเอ่ยถึงเหลี่ยมทั้ง 5 มาแล้ว ขอทบทวนสั้นๆ นั่นคือ
อัตตาธิปไตย (Autocracy) ผู้นำเป็นใหญ่และสั่งการแต่เพียงผู้เดียวไม่ว่ารูปแบบของรัฐบาลจะเป็นการเลือกตั้งโดยประชนหรือไม่ ตามธรรมดามันเป็นประชาธิปไตยเพียงเปลือกนอกสำหรับใช้หลอกผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
ธนาธิปไตย (Plutocracy) ยึดเงินเป็นพระเจ้า ทำทุกอย่างเพื่อเงินและใช้เงินเบิกทางและหล่อลื่นทุกอย่างที่ทำ
โจราธิปไตย หรือขโมยาธิปไตย (Kleptocracy) ใช้ความฉ้อฉลเป็นหนทางในกิจการทุกอย่างที่ทำ
ญาติกาธิปไตย (Cronyismocracy) ยึดผลประโยชน์ของผู้นำ ญาติพี่น้องและพวกพ้องของเขาเป็นที่ตั้ง
ประชานิยมาธิปไตย (Populismocracy) ใช้นโยบายประชานิยมแบบร้ายเพื่อหลอกลวงและปูทางสร้างความนิยมชมชอบในตัวผู้นำ
ระบอบเข่ง 5 เหลี่ยมชั่วร้ายนี้มีลักษณะแตกต่างจากเผด็จการทหารในนัยสำคัญ นั่นคือ มันเจาะกินแก่นในของสังคมไทย ส่วนเผด็จการทหารนำโดยจอมพลทั้งหลายเกาะกินแต่เพียงเปลือกนอก คนไทยกลุ่มใหญ่รู้เท่าทันความชั่วร้ายของระบอบเข่ง 5 เหลี่ยมจึงออกมาต่อต้านอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กระบวนการต่อต้านนั้นมีผลดีหลายอย่างรวมทั้งการกดดันให้เกิดการยุบพรรคการเมืองของคนฉ้อฉลและปลดนายกรัฐมนตรีที่ยึดระบอบเข่ง 5 เหลี่ยมเป็นฐานของการบริหารประเทศ แต่แทนที่จะตาย ระบอบเลวร้ายกลับแพร่ขยายและแทรกซึมเข้าไปในแทบทุกอณูของสังคมไทยด้วยปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เช่น กลุ่มผู้นำที่แสนชั่วร้ายยังไม่ตายไปจากโลก คนไทยกลุ่มใหญ่เลวทรามไม่ต่ำกว่าผู้นำเหล่านั้น คนไทยส่วนใหญ่มักง่ายและดูดายแบบเข้ากระดูกดำ ไม่ว่าใครจะทำอะไรต่อประเทศชาติก็ยังสามารถนั่งดูอยู่เฉยๆ ได้
อย่างไรก็ดี กลุ่มที่รู้เท่าทันและต่อต้านระบอบชั่วร้ายยังอยู่และวิวัฒน์ต่อมาเป็นกระบวนการเคลื่อนไหวในปัจจุบันซึ่งมี กปปส.เป็นแกนนำหลัก การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีคนดีที่ทนดูทรชนโกงกินบ้านเมืองต่อไปไม่ได้ออกมาร่วมนับล้าน มันได้ผลแล้วอย่างน้อย 3 ประการ นั่นคือ หยุดกฎหมายอภัยโทษให้แก่นักการเมืองที่ฉ้อฉลจนเป็นที่ประจักษ์ หยุดการโกงกินของทรชนในรัฐบาลเลวร้ายได้ชั่วคราว และคนไทยได้รับรู้ข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความชั่วของทรชนอย่างกว้างขวางขึ้น
อย่างไรก็ตาม คนทรามในรัฐบาลมีความหน้าด้านเกินคาด การขาดมารยาททางการเมืองโดยยังพยายามดันทุรังเกาะเก้าอี้แม้กระทั่งหลังนายกรัฐมนตรีมีความผิดจนถูกไล่ออกไปส่งผลให้การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือนแล้ว พวกทรชนรู้ดีว่า กระบวนการเคลื่อนไหวต้องใช้ปัจจัยรายวันสูงมากพร้อมกับความอดกลั้นอดทนของคนนับล้าน ฉะนั้น พวกเขามองว่าในเวลาอีกไม่ช้าไม่นาน ผู้ต่อต้านจะขาดปัจจัยและไม่สามารถอดทนต่อไปได้อีก เมื่อถึงวันนั้น ผู้เคลื่อนไหวจะพ่ายแพ้
แต่แน่ละ ผู้แพ้ไม่จำกัดอยู่ที่ผู้เคลื่อนไหว หากเป็นชาติไทยทั้งหมด ผู้ที่คิดว่าตนชนะก็จะสูญเสียในระยะยาว ส่วนผู้ดูดายหลายสิบล้านจะต้องรับบาปกรรมที่ตนกระทำด้วยการดูดายแบบเสมอต้นเสมอปลายด้วยเช่นกัน
เนื่องจากกระบวนการต่อต้านรัฐบาลครั้งนี้ยืดเยื้อมานาน มันก่อให้เกิดอาการอ่อนล้าของผู้เข้าร่วมมากขึ้นทั้งในด้านร่างกาย แรงใจและปัจจัยที่จะต้องใช้รายวัน อาการของความอ่อนล้านี้อาจมีผลให้เกิดการมองหาทางออกแบบง่ายๆ ซึ่งจะมีผลทำให้การเคลื่อนไหวเดินไปไม่ถึงฝั่งฝัน นอกจากนั้น ยังมีการเคลื่อนไหวและข้อเสนอแนะของกลุ่มผู้หวังดีเช่นนักสันติวิธีและวุฒิสภา การเคลื่อนไหวและข้อเสนอแนะของผู้หวังดีเหล่านี้มีโอกาสจูงใจผู้เคลื่อนไหวให้ไขว้เขวจนหลงประเด็นโดยเฉพาะผู้ที่อ่อนล้าจากการร่วมเคลื่อนไหวมานาน
ฉะนั้น ผู้เคลื่อนไหวจะต้องเตือนใจตัวเองเสมอว่า ถ้าหมดใจ หรือถูกชักนำไปหลงประเด็นเมื่อไร การเคลื่อนไหวจะไปไม่ถึงฝั่งฝันอันได้แก่การกำจัดความฉ้อฉลซึ่งส่วนหนึ่งแสดงออกมาในรูปของระบอบทักษิณ หรือเข่ง 5 เหลี่ยมและพัฒนาประเทศต่อไป การหมดใจและการหลงประเด็นจะส่งผลให้เมืองไทยตกเป็นของทรชนโดยสมบูรณ์ ผลสุดท้ายความล่มสลายหายนะก็จะมาเยือน หากหมดทั้งใจและปัจจัยจนเคลื่อนไหวต่อไปไม่ได้จริงๆ ขอให้พิจารณาหาทางขอพึ่งพระบารมีดังที่รุ่นพี่เคยทำก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านหลังยุติการชุมนุม
คงจำกันได้ดี ห้าปีหลังเหตุการณ์ 2535 นั้นคลี่คลาย เมืองไทยเดินเข้าสู่ภาวะล้มละลายจนต้องคลานไปหาไอเอ็มเอฟและถูกองค์การนั้นสั่งให้ทำสิ่งที่ไม่ควรทำหลายอย่าง การล้มละลายครั้งนั้นมักมองกันว่าเป็นปัญหาเศรษฐกิจ แต่มันเป็นอาการของวิกฤตทางศีลธรรมจรรยาของคนไทยที่นำไปสู่ความมักง่าย การอยากได้ของเปล่าและความฉ้อฉลจนเศรษฐกิจทนไม่ไหวจึงพังทลายลง
ความถดถอยทางศีลธรรมจรรยาซึ่งแสดงออกมาทางความฉ้อฉล การอยากได้ของเปล่าและความมักง่ายที่ทำให้เมืองไทยล้มละลายครั้งนั้นปูฐานให้เกิดการบริหารจัดการชื่อ “ระบอบทักษิณ” (Taksinocracy) มันถูกนำมาใช้ในปี 2544 ระบอบนั้นเลวร้ายมากเนื่องจากมันเป็นเสมือนเข่ง 5 เหลี่ยมสำหรับจับคนไทยใส่แล้วนำไปถ่วงน้ำ หากแก้ไขไม่ทัน มันจะทำให้จมน้ำ หรือเกิดความหายนะ คอลัมน์นี้เคยเอ่ยถึงเหลี่ยมทั้ง 5 มาแล้ว ขอทบทวนสั้นๆ นั่นคือ
อัตตาธิปไตย (Autocracy) ผู้นำเป็นใหญ่และสั่งการแต่เพียงผู้เดียวไม่ว่ารูปแบบของรัฐบาลจะเป็นการเลือกตั้งโดยประชนหรือไม่ ตามธรรมดามันเป็นประชาธิปไตยเพียงเปลือกนอกสำหรับใช้หลอกผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
ธนาธิปไตย (Plutocracy) ยึดเงินเป็นพระเจ้า ทำทุกอย่างเพื่อเงินและใช้เงินเบิกทางและหล่อลื่นทุกอย่างที่ทำ
โจราธิปไตย หรือขโมยาธิปไตย (Kleptocracy) ใช้ความฉ้อฉลเป็นหนทางในกิจการทุกอย่างที่ทำ
ญาติกาธิปไตย (Cronyismocracy) ยึดผลประโยชน์ของผู้นำ ญาติพี่น้องและพวกพ้องของเขาเป็นที่ตั้ง
ประชานิยมาธิปไตย (Populismocracy) ใช้นโยบายประชานิยมแบบร้ายเพื่อหลอกลวงและปูทางสร้างความนิยมชมชอบในตัวผู้นำ
ระบอบเข่ง 5 เหลี่ยมชั่วร้ายนี้มีลักษณะแตกต่างจากเผด็จการทหารในนัยสำคัญ นั่นคือ มันเจาะกินแก่นในของสังคมไทย ส่วนเผด็จการทหารนำโดยจอมพลทั้งหลายเกาะกินแต่เพียงเปลือกนอก คนไทยกลุ่มใหญ่รู้เท่าทันความชั่วร้ายของระบอบเข่ง 5 เหลี่ยมจึงออกมาต่อต้านอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กระบวนการต่อต้านนั้นมีผลดีหลายอย่างรวมทั้งการกดดันให้เกิดการยุบพรรคการเมืองของคนฉ้อฉลและปลดนายกรัฐมนตรีที่ยึดระบอบเข่ง 5 เหลี่ยมเป็นฐานของการบริหารประเทศ แต่แทนที่จะตาย ระบอบเลวร้ายกลับแพร่ขยายและแทรกซึมเข้าไปในแทบทุกอณูของสังคมไทยด้วยปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เช่น กลุ่มผู้นำที่แสนชั่วร้ายยังไม่ตายไปจากโลก คนไทยกลุ่มใหญ่เลวทรามไม่ต่ำกว่าผู้นำเหล่านั้น คนไทยส่วนใหญ่มักง่ายและดูดายแบบเข้ากระดูกดำ ไม่ว่าใครจะทำอะไรต่อประเทศชาติก็ยังสามารถนั่งดูอยู่เฉยๆ ได้
อย่างไรก็ดี กลุ่มที่รู้เท่าทันและต่อต้านระบอบชั่วร้ายยังอยู่และวิวัฒน์ต่อมาเป็นกระบวนการเคลื่อนไหวในปัจจุบันซึ่งมี กปปส.เป็นแกนนำหลัก การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีคนดีที่ทนดูทรชนโกงกินบ้านเมืองต่อไปไม่ได้ออกมาร่วมนับล้าน มันได้ผลแล้วอย่างน้อย 3 ประการ นั่นคือ หยุดกฎหมายอภัยโทษให้แก่นักการเมืองที่ฉ้อฉลจนเป็นที่ประจักษ์ หยุดการโกงกินของทรชนในรัฐบาลเลวร้ายได้ชั่วคราว และคนไทยได้รับรู้ข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความชั่วของทรชนอย่างกว้างขวางขึ้น
อย่างไรก็ตาม คนทรามในรัฐบาลมีความหน้าด้านเกินคาด การขาดมารยาททางการเมืองโดยยังพยายามดันทุรังเกาะเก้าอี้แม้กระทั่งหลังนายกรัฐมนตรีมีความผิดจนถูกไล่ออกไปส่งผลให้การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือนแล้ว พวกทรชนรู้ดีว่า กระบวนการเคลื่อนไหวต้องใช้ปัจจัยรายวันสูงมากพร้อมกับความอดกลั้นอดทนของคนนับล้าน ฉะนั้น พวกเขามองว่าในเวลาอีกไม่ช้าไม่นาน ผู้ต่อต้านจะขาดปัจจัยและไม่สามารถอดทนต่อไปได้อีก เมื่อถึงวันนั้น ผู้เคลื่อนไหวจะพ่ายแพ้
แต่แน่ละ ผู้แพ้ไม่จำกัดอยู่ที่ผู้เคลื่อนไหว หากเป็นชาติไทยทั้งหมด ผู้ที่คิดว่าตนชนะก็จะสูญเสียในระยะยาว ส่วนผู้ดูดายหลายสิบล้านจะต้องรับบาปกรรมที่ตนกระทำด้วยการดูดายแบบเสมอต้นเสมอปลายด้วยเช่นกัน
เนื่องจากกระบวนการต่อต้านรัฐบาลครั้งนี้ยืดเยื้อมานาน มันก่อให้เกิดอาการอ่อนล้าของผู้เข้าร่วมมากขึ้นทั้งในด้านร่างกาย แรงใจและปัจจัยที่จะต้องใช้รายวัน อาการของความอ่อนล้านี้อาจมีผลให้เกิดการมองหาทางออกแบบง่ายๆ ซึ่งจะมีผลทำให้การเคลื่อนไหวเดินไปไม่ถึงฝั่งฝัน นอกจากนั้น ยังมีการเคลื่อนไหวและข้อเสนอแนะของกลุ่มผู้หวังดีเช่นนักสันติวิธีและวุฒิสภา การเคลื่อนไหวและข้อเสนอแนะของผู้หวังดีเหล่านี้มีโอกาสจูงใจผู้เคลื่อนไหวให้ไขว้เขวจนหลงประเด็นโดยเฉพาะผู้ที่อ่อนล้าจากการร่วมเคลื่อนไหวมานาน
ฉะนั้น ผู้เคลื่อนไหวจะต้องเตือนใจตัวเองเสมอว่า ถ้าหมดใจ หรือถูกชักนำไปหลงประเด็นเมื่อไร การเคลื่อนไหวจะไปไม่ถึงฝั่งฝันอันได้แก่การกำจัดความฉ้อฉลซึ่งส่วนหนึ่งแสดงออกมาในรูปของระบอบทักษิณ หรือเข่ง 5 เหลี่ยมและพัฒนาประเทศต่อไป การหมดใจและการหลงประเด็นจะส่งผลให้เมืองไทยตกเป็นของทรชนโดยสมบูรณ์ ผลสุดท้ายความล่มสลายหายนะก็จะมาเยือน หากหมดทั้งใจและปัจจัยจนเคลื่อนไหวต่อไปไม่ได้จริงๆ ขอให้พิจารณาหาทางขอพึ่งพระบารมีดังที่รุ่นพี่เคยทำก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านหลังยุติการชุมนุม
