ASTVผู้จัดการรายวัน-“อนันต์ อัศวโภคิน” บิ๊กแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยอมรับไปเวทีเสื้อแดง ถ.อักษะจริง โอดตอนไปอโศก ไม่เห็นมีคนมาถ่าย ยันแค่สังเกตการณ์ ฟังข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย ชี้มีเหตุผลด้วยกันทั้งคู่ แต่หาข้อยุติไม่ได้ ส่งสัญญาณอสังหาฯ ปีนี้ ขยายตัวติดลบ หลังกำลังซื้อซบเซา เผยห่วงหนี้เสีย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีภาพนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานคณะกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ยืนสังเกตการณ์ด้านข้างเวทีชุมนุม นปช. ที่ถนนอักษะ เมื่ออาทิตย์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างความฮือฮา และเกิดกระแสวิพาษณ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลอย่างมาก
ล่าสุดในงานสัมมนาประจำปีของหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ นายอนันต์ อัศวโภคิน ได้กล่าวบนเวทีในงานสัมมนาดังกล่าวว่า ได้มีโอกาสไปในที่ชุมนุมจริง ไปฟังทั้งสองฝ่าย เผอิญโชคดีฝั่งหนึ่งอยู่หน้าบ้าน อีกฝั่งอยู่หน้าโครงการหมู่บ้าน ไปฟังว่าฝั่งหนึ่งพูดว่าอย่างไร และอีกฝั่งพูดอะไร ตอนที่ไปฟังที่เวทีอโศก ไม่เห็นมีใครมาถ่าย
ทั้งนี้ เท่าที่ได้ฟังด้วยตัวเอง ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลที่ดีทั้งคู่ แต่เหตุผลของทั้งสองฝ่ายไปด้วยกันไม่ได้ หาข้อยุติไม่ได้ หรือตรงกลางที่พอเจรจาและสรุปกันได้ คนไทยกันเองน่าจะจบกันได้ เพราะเราบอกมีพรหมวิหารสี่ ตอนนี้มีพรหมวิหารสองเท่านั้น
“เท่าที่ได้ฟังข้อมูลสองฝ่าย มีเหตุผลที่ดีทั้งสองฝ่าย แต่ไปด้วยกันไม่ได้แน่นอน อ.วีรพงษ์ (รามางกูร) บอกเมื่อครู่ว่าปฏิวัติไม่มี ม.7 ไม่ได้ เลือกตั้งไม่ได้ ท่านบอกหนังเรื่องเก่าฉายซ้ำอีก มีการชี้ผิด วนกลับมาอีกหนึ่งรอบ ท่านใช้คำที่เรียกว่าอุจจาระไม่สุด สู้ท้องเสีย ขี้ราดไปเลยดีกว่า อย่างนี้ออกจากบ้านยังปวดท้องตลอด"นายอนันต์กล่าว
นายอนันต์กล่าวว่า เป็นห่วงเรื่องเอ็นพีแอล เพราะสถานการณ์อย่างนี้ มีทางเดียวที่แนะนำได้ ตนเองพยายามจะอ่านสื่อน้อยที่สุดเรื่องการเมือง เพราะเราต้องใช้ความคิดเรื่องการประกอบการธุรกิจ ส่วนแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวในอัตราติดลบ เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคซบเซา ประกอบกับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ลูกค้ารายย่อยมีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในระบบปรับตัวสูงขึ้นแตะ 20-30% จากการซื้อรถยนต์ บ้าน ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น
สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวได้ ยังเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป เพราะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อสูง เป็นการซื้อบ้านหลังที่ 2 ตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ รองรับลักษณะประชากรของไทยที่เข้าสูงสังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งตลาดต่างจังหวัด ก็ยังมีโอกาสเติบโต ส่วนที่น่าเป็นห่วงจะเป็นตลาดคอนโดมิเนียม ที่ปริมาณห้องชุดออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยเฉพาะราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ที่เข้ามาทดแทนตลาดเช่า ซึ่งในอนาคตตลาด ก็จะเริ่มอิ่มตัว และกลับเข้าสู่สภาวะปกติที่มีซัพพลาย 20,000-30,000 ยูนิต จากปัจจุบันสูงถึง 60,000-70,000 ยูนิต
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ ยังไงก็ติดลบอยู่แล้ว เพราะกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง ขณะที่แบงก์พาณิชย์ก็ปรับตัวโอเวอร์มากไป หลังจากเจอหนี้เอ็นพีแอล ทำให้การปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 20-30% ซึ่งเข้าใจว่าพอร์ตสินเชื่อบ้านของแบงก์มีมาก เลยทำให้เข้มงวด แต่โอเวอร์ไป ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง” นายอนันต์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีภาพนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานคณะกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ยืนสังเกตการณ์ด้านข้างเวทีชุมนุม นปช. ที่ถนนอักษะ เมื่ออาทิตย์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างความฮือฮา และเกิดกระแสวิพาษณ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลอย่างมาก
ล่าสุดในงานสัมมนาประจำปีของหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ นายอนันต์ อัศวโภคิน ได้กล่าวบนเวทีในงานสัมมนาดังกล่าวว่า ได้มีโอกาสไปในที่ชุมนุมจริง ไปฟังทั้งสองฝ่าย เผอิญโชคดีฝั่งหนึ่งอยู่หน้าบ้าน อีกฝั่งอยู่หน้าโครงการหมู่บ้าน ไปฟังว่าฝั่งหนึ่งพูดว่าอย่างไร และอีกฝั่งพูดอะไร ตอนที่ไปฟังที่เวทีอโศก ไม่เห็นมีใครมาถ่าย
ทั้งนี้ เท่าที่ได้ฟังด้วยตัวเอง ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลที่ดีทั้งคู่ แต่เหตุผลของทั้งสองฝ่ายไปด้วยกันไม่ได้ หาข้อยุติไม่ได้ หรือตรงกลางที่พอเจรจาและสรุปกันได้ คนไทยกันเองน่าจะจบกันได้ เพราะเราบอกมีพรหมวิหารสี่ ตอนนี้มีพรหมวิหารสองเท่านั้น
“เท่าที่ได้ฟังข้อมูลสองฝ่าย มีเหตุผลที่ดีทั้งสองฝ่าย แต่ไปด้วยกันไม่ได้แน่นอน อ.วีรพงษ์ (รามางกูร) บอกเมื่อครู่ว่าปฏิวัติไม่มี ม.7 ไม่ได้ เลือกตั้งไม่ได้ ท่านบอกหนังเรื่องเก่าฉายซ้ำอีก มีการชี้ผิด วนกลับมาอีกหนึ่งรอบ ท่านใช้คำที่เรียกว่าอุจจาระไม่สุด สู้ท้องเสีย ขี้ราดไปเลยดีกว่า อย่างนี้ออกจากบ้านยังปวดท้องตลอด"นายอนันต์กล่าว
นายอนันต์กล่าวว่า เป็นห่วงเรื่องเอ็นพีแอล เพราะสถานการณ์อย่างนี้ มีทางเดียวที่แนะนำได้ ตนเองพยายามจะอ่านสื่อน้อยที่สุดเรื่องการเมือง เพราะเราต้องใช้ความคิดเรื่องการประกอบการธุรกิจ ส่วนแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวในอัตราติดลบ เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคซบเซา ประกอบกับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ลูกค้ารายย่อยมีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในระบบปรับตัวสูงขึ้นแตะ 20-30% จากการซื้อรถยนต์ บ้าน ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น
สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวได้ ยังเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป เพราะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อสูง เป็นการซื้อบ้านหลังที่ 2 ตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ รองรับลักษณะประชากรของไทยที่เข้าสูงสังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งตลาดต่างจังหวัด ก็ยังมีโอกาสเติบโต ส่วนที่น่าเป็นห่วงจะเป็นตลาดคอนโดมิเนียม ที่ปริมาณห้องชุดออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยเฉพาะราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ที่เข้ามาทดแทนตลาดเช่า ซึ่งในอนาคตตลาด ก็จะเริ่มอิ่มตัว และกลับเข้าสู่สภาวะปกติที่มีซัพพลาย 20,000-30,000 ยูนิต จากปัจจุบันสูงถึง 60,000-70,000 ยูนิต
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ ยังไงก็ติดลบอยู่แล้ว เพราะกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง ขณะที่แบงก์พาณิชย์ก็ปรับตัวโอเวอร์มากไป หลังจากเจอหนี้เอ็นพีแอล ทำให้การปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 20-30% ซึ่งเข้าใจว่าพอร์ตสินเชื่อบ้านของแบงก์มีมาก เลยทำให้เข้มงวด แต่โอเวอร์ไป ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง” นายอนันต์กล่าว