xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตอันเกิดจากนักการเมืองบัดซบ

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

ที่พรรคเพื่อไทย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ แถลงว่า ในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้  เวลา 15.00 น.ตนจะเดินทางไปศาลอาญา เพื่อฟ้องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ตนได้รับความเสีย และเกิดสุญญากาศในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ รมว.ต่างประเทศ เนื่องจากตนถูกคำพิพากษาจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนให้พ้นจากตำแหน่ง โดยที่ตนไม่ได้เป็นผู้ถูกร้อง ในกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งตามหลักกระบวนการยุติธรรมนั้นผู้ถูกร้องจะต้องได้รับเอกสารจากศาลว่ามีผู้ร้องกล่าวหาในข้อหาใดข้อหาหนึ่ง จากนั้นตนก็ต้องไปชี้แจงข้อกล่าวหานั้น แต่กรณีนี้ตนไม่ได้รับเอกสารใดๆ จากศาลรัฐธรรมนูญเลย ตนต้องรักษาสิทธิ จึงขอฟ้องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนต่อศาลอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ กปปส. และกลุ่ม ส.ว.บางกลุ่มพยายามเชิญชวนประธานศาลต่างๆ ให้เสนอนายกฯ คนกลางตามมาตรา 7 ว่า ขอฝากไปยัง ส.ว. และองค์กรศาลต่างๆ ว่า หากร่วมมือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ก็จะเป็นการร่วมสมคบคิด ซึ่งขณะนี้นายสุเทพ โดนจับในข้อหากบฏ และข้อหาก่อการร้าย ฉะนั้นใครก็ตามที่สนับสนุนให้ความช่วยเหลือผู้ก่อการร้ายหรือกบฏคงปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองนั้นร่วมสมคบคิดกับกบฏ และจะมีความผิดเช่นกัน ทั้งนี้หากองค์กรต่างๆ และว่าที่ประธาน ส.ว.ที่ยังไม่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ กับส.ว.ทั้งหมด ถ้าคิดว่าตัวเองแน่จริงก็ให้ดำเนินการ จะได้ทราบว่าข้อหาร่วมกันเป็นกบฏเป็นอย่างไร

หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องของนายไพบูลย์ นิติตะวัน และเพื่อน ส.ว.ที่ร้องว่าการที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีคำสั่งย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ ไปเป็นที่ปรึกษาในที่ทำเนียบรัฐบาล จนต่อมาศาลปกครองพิพากษาให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ แก่นายถวิล เป็นการกระทำที่ขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่ และในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินว่าการกระทำของนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นการเอื้อประโยชน์พวกพ้องขัดกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

การย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เป็นมติคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีที่ลงมติก็ย่อมจะมีความผิดไปด้วย ศาลจึงให้คณะรัฐมนตรีที่ลงมติพ้นความเป็นรัฐมนตรีไปด้วย

แทนที่นักการเมืองจะมีสำนึก แทนที่จะละอายต่อการกระทำของตน นักการเมืองของเรากลับพยายามที่จะหาทางออก หาทางรอด ดังที่ “ไอ้ปึ้ง” นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล บอกว่า ผู้ร้องไม่ได้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่ารัฐมนตรีที่ลงมติย้ายนายถวิลผิดหรือไม่ผิด คนร้องเขาร้องเอาผิดนางสาวยิ่งลักษณ์เพียงคนเดียว เช่นเดียวกับความเห็นของนักกฎหมายขี้ข้าของทักษิณทั้งหลายที่ออกมาประสานเสียงกันว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะรับคำร้อง เพราะศาลปกครองพิจารณาไปแล้ว หรือนางสาวยิ่งลักษณ์ยุบสภาไปแล้ว ทุกวันนี้เป็นเพียงรักษาการนายกรัฐมนตรี จะให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปได้อย่างไร หรือตุลาการมีเพียง 9 คนจะมาตัดสินให้นายกรัฐมนตรีที่ได้รับเลือกตั้งจากคน 15 ล้านคนออกจากตำแหน่งได้อย่างไร มันพูดเหมือนกับว่าถ้าหากนางสาวยิ่งลักษณ์ทำความผิดจะต้องใช้ผู้พิพากษาเป็นองค์คณะ 15 ล้านคน จึงจะพิจารณาคดีนางนางสาวยิ่งลักษณ์ได้

นี่มันบ้าแน่ๆ

แทนที่จะพิจารณาถึงความเป็นจริงว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ให้พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ เพื่อเปิดทางให้แก่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจสูงสุด เพื่อให้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสูงสุดว่างเพื่อให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสูงสุดมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจสูงสุดใช่หรือไม่

นี่เป็นการเอื้อประโยชน์ในวงเครือญาติของทักษิณ ชินวัตร ผู้คนเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองไม่ต้องรอให้ศาลตัดสินออกมาเสียด้วยซ้ำ

เมื่อไม่นานมานี้นายกรัฐมนตรีเกาหลีลาออกเพราะเกิดอุบัติเหตุเรือล่มทำให้นักเรียนเสียชีวิตจำนวนมาก เขาลาออกเพื่อที่จะแสดงความรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่อุบัติเหตุนั้นไม่เกี่ยวข้องกับตัวนายกรัฐมนตรีเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากเกิดเรื่องเช่นนี้ในบ้านเรา อย่าหวังว่านักการเมืองจะแสดงความรับผิดชอบให้เห็นเลย แม้กระทั่งเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงเป็นต้น ชาวนาฆ่าตัวตายเพราะไม่ได้เงินจากการจำนำข้าว หัวหน้ารัฐบาลคือนายกรัฐมนตรี บอกว่า ตัวเองรับผิดชอบเฉพาะนโยบาย ไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติแต่อย่างใด ทำไมจะต้องรับผิดชอบ

บ้านเมืองเราเกิดวิกฤตทุกวันนี้เพราะนักการเมืองเราเห็นแก่ตัว มองแต่ประโยชน์ตัวเอง ไม่ได้คิดที่จะรับผิดชอบหรือเสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อประชาชน หรือเพื่อบ้านเมือง เราจึงเสียเวลาอยู่กับการตีความตัวบทกฎหมาย และต้องตีความเข้าข้างตัวเอง ให้ตัวได้ประโยชน์หาทางเลี่ยงกฎหมายให้ตัวเองได้เปรียบ

เราไม่อาจจะก้าวข้ามวิกฤตได้เลย ถ้านักการเมืองของเรายังเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว และไม่มีความละอายต่อการกระทำที่บัดซบของตัวเช่นทุกวันนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น