“ไพศาล พืชมงคล” ชำแหละข้อเสนอ “อภิสิทธิ์” อันตรายต่อชาติ เปิดทาง “เพื่อไทย” ฟื้นตัว หลังถูก กปปส. รุกหนัก ศาล-ป.ป.ช. ใกล้ลงดาบ ชี้รัฐบาลเฉพาะกาลโดนห้ามออกกฎหมาย แก้ปัญหาชาติไม่ได้ รอวันเลือกตั้งอย่างเดียว แช่แข็งประเทศไว้ 18 เดือน แฉโทษยุบพรรคหากฝืนประชามติปฏิรูป แค่หลอกลวง แก้ระเบียบ กกต. ยุบพรรคไม่ได้ มหาโจรฟอกตัวกลับมาโกงกินเหมือนเดิม ด้าน “ณรงค์ โชควัฒนา” จวก เป็นข้อเสนอเพื่อนักเลือกตั้ง การต่อสู้ของประชาชนจะสูญเปล่า ยันนายกฯ คนกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับไม่มี ถ้ามีก็เป็นคนชั่ว ไม่งั้นฝ่ายโจรไม่เห็นด้วย
วันนี้ (4 พ.ค.) นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทางเอเอสทีวี ถึงการเสนอทางออกประเทศไทย 9 ข้อ ของนายอภิสิทธิ์์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ทั้ง 9 ข้อเกิดขึ้นบนพื้นฐานที่มวลชน กปปส. ต่อสู้มา 6 เดือนกว่าแล้ว และอยู่บนเงื่อนไขที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังจะชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กรณีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะตัดสินสถานภาพความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญให้ความเป็นนายกฯ สิ้นสุดลง ก็ต้องหานายกฯ ตามมาตรา 7 และเป็นหน้าที่ของประธานวุฒิสภา ไม่จำเป็นต้องมาปรึกษานักการเมือง
นายไพศาล กล่าวอีกว่า รัฐบาลเฉพาะกาลที่จะตั้งขึ้นนั้นต้องมีความคล่องตัวมากกว่ารัฐบาลรักษาการ และเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่รัฐบาลเฉพาะกาลตามข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ไม่มีอำนาจในการตรากฎหมายใดๆ จึงขอฟันธงว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์เป็นทางออกของนักเลือกตั้ง มุ่งให้ทุกฝ่ายยอมรับการเลือกตั้ง ระยะปีเศษหลังจากนี้ก็จะเป็นการแช่แข็งประเทศไทยภายใต้การบงการของนักการเมือง เพราะรัฐบาลไม่มีอำนาจตรากฎหมาย แม้แต่งบประมาณรายจ่ายก็ทำไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติว่าต้องตราเป็นกฎหมาย แต่ไปมัดมือไว้แล้วว่ารัฐบาลเฉพาะกาลไม่มีอำนาจออกฎหมาย
นายไพศาล กล่าวอีกว่า 9 ข้อนี้ เป็นการให้โอกาส น.ส.ยิ่งลักษณ์ มากกว่า เนื่องจากมีแนวโน้มว่า ป.ป.ช. จะชี้มูลทุจริตจำนำข้าวอย่างแน่นอน เพราะสร้างความเสียหาย 4-5 แสนล้าน มีความผิด 7 กระทง ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญก็จะตัดสิน และคงยากที่จะตัดสินไปในทางอื่นนอกจากตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเอาไว้ แต่นายอภิสิทธิ์ก็มายื่นข้อเสนอก่อนที่ศาลจะตัดสิน นายอภิสิทธิ์มีอำนาจอะไรมาสั่งศาล จึงดูเหมือนว่ามีการต่อรอง ว่าถ้าทำตามนี้ศาลจะยกคำร้องหรือเปล่า หรือนายอภิสิทธิ์มาเสนออะไรกันแน่
นายไพศาล กล่าวต่อว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าให้รัฐบาลสิ้นสุดลง ก็ต้องมีการตั้งรัฐบาลใหม่อยู่ดี และรัฐบาลต้องมีอำนาจตรากฎหมายได้ แต่รัฐบาลตามข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์มีหน้าที่แค่เตรียมการนำไปสู่การเลือกตั้ง โดยที่นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาของชาติเลย เช่น ปัญหาสถาบันเบื้องสูงถูกจาบจ้วงทำลาย ปัญหาการปลุกระดมคนให้ลุกขึ้นมาฆ่ากัน ปัญหาชาวนาที่ยังไม่ได้เงินค่าจำนำข้าวและไม่มีเงินลงทุนปลูกข้าวฤดูกาลใหม่ ปัญหาการส่งออก ปัญหาความปลอดภัยในบ้านเมือง ปัญหาเหล่านี้ นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เสนอทางออกแม้แต่นิดเนียว ทั้งที่เป็นปัญหาวิกฤติ ต่อให้มีการเลือกตั้งก็แก้ไขไม่ได้
นายไพศาล กล่าวถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ในการแก้ไขระเบียบ กกต. ว่า ยังไม่ใช่การปฏิรูปกฎหมายเลือกตั้ง เพราะไปพูดเรื่องแก้ไขระเบียบเพียงนิดเดียว ที่บอกว่า ถ้าพรรคการเมืองไหนไม่ทำตามแผนปฏิรูปจะถูกยุบพรรคนั้น เหมือนเป็นการหลอกลวง เพราะการยุบพรรคอยู่ในรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ. เลือกตั้ง การแก้ไขระเบียบ กกต. ไม่สามารถยุบพรรคได้ และถ้าจะแก้เพียงระเบียบ ก็ไม่มีทางที่จะปฏิรูปการเลือกตั้งได้ การเลือกตั้งก็จะเป็นเครื่องมือฟอกมหาโจรให้กลับมากินบ้านกินเมืองเหมือนเดิม
ส่วนข้อเสนอที่ว่า ให้ กปปส. ไปร่วมทำสภาปฏิรูปนั้น นายไพศาล กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้พูดชัดเจนแล้วว่าไม่เอาด้วย ทำไมยังมาเสนออีก เรื่องนี้มีการเคลื่อนไหวที่ประหลาด เพราะมีคนมาติดต่อให้ตนไปเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป ที่จะมีนายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นเลขาธิการ
นายไพศาล กล่าวถึงการทำประชามติเพื่อผูกมัดให้นักการเมืองทำตามแผนปฏิรูปว่า ประชามติมีความศักดิ์สิทธิ์เท่ารัฐธรรมนูญหรือไม่ แม้แต่รัฐธรรมนูญนักการเมืองยังไม่ทำตาม มีหลายมาตราในรัฐธรรมนูญที่บังคับให้รัฐบาลต้องตรากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญออกมามากมาย เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทำกระบวนการยุติธรรมและระบบตรวจสอบให้เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ แต่นักการเมืองก็ไม่ตรากฎหมายเหล่านี้เลย ในเมื่อรัฐธรรมนูญยังไม่ปฏิบัติตาม แล้วจะไปเชื่อนักการเมืองพวกนี้ได้อย่างไร ส่วนที่บอกว่าถ้าไม่ทำตามจะถูกยุบพรรคนั้น จะเอาอำนาจอะไรไปสั่งยุบ ถ้าไม่แก้ไขกฎหมาย แต่ก็ไปห้ามแก้ไขกฎหมายไว้แล้ว ส่วนระเบียบ กกต. ก็สั่งยุบพรรคไม่ได้
นายไพศาล ได้ตั้งคำถามว่า ทำไมนายอภิสิทธิ์จึงกลัวที่จะให้รัฐบาลชั่วคราวออกกฎหมายซึ่งเป็นเครื่องมือการบริหารและการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์จึงอันตรายต่อประเทศชาติมาก ขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเสียงตก กปปส.กำลังรุกไล่อย่างหนัก ถ้าทำตามข้อเสนอนี้ก็จะได้พัก 1 ปีกว่า มีโอกาสที่จะฟื้นตัว และถ้าศาลบอกว่าให้รัฐบาลสิ้นสุดลง น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ยังมีส่วนที่จะได้เห็นชอบในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จากเดิมถ้ารอคำตัดสินของศาลอย่างเดียวไม่มีสิทธิเห็นชอบเลย
นายไพศาล กล่าวอีกว่า ถ้าให้ทุกฝ่ายยอมรับข้อเสนอนี้ และนักการเมืองตกลงกันได้ ประเทศก็ถูกแช่แข็งอีก 18 เดือน มวลชน กปปส. ที่เสียสละต่อสู้มา ก็เดินไปศาลในข้อหากบฏ ขณะที่รัฐบาลเฉพาะกาลก็ทำอะไรไม่ได้ จะปรับรัฐวิสาหกิจสักแห่งก็ทำไม่ได้ ทั้งที่ตอนนี้มีบริวารนักการเมืองเข้าไปหาประโยชน์เต็มไปหมด จะปล่อยให้คนพวกนี้กินประเทศไทยไปอีก 18 เดือนหรือ ขณะที่ประชาชนไม่ได้อะไร นอกจากเดินขึ้นศาล ข้อเสนอนี้จึงเป็นหลักคิดเดียวกันกับการประกันตัวคนเสื้อแดง แล้วจับพันธมิตรฯ ขึ้นศาล แล้วคนโกงก็ลอยนวลต่อไป
ด้าน นายณรงค์ โชควัฒนา นักธุรกิจและนักวิชาการอิสระ กล่าวว่า การหานายกฯ คนกลางที่ทุกฝ่ายเห็นด้วย ไม่มีทางหาได้ นายอภิสิทธิ์มองไม่เห็นว่าสาระของความขัดแย้งคืออะไร กปปส. สู้มา 6 เดือน ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล แล้วนายอภิสิทธิ์มาบอกว่า ให้มีนายกฯ คนกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับซึ่งไม่มี ถ้ามีก็เป็นคนชั่วเลวสุดๆ ที่สามารถหลอกทุกฝ่ายได้ หรือไม่ก็โง่มากๆ ที่คิดว่าตนเองจะมาเป็นคนกลางแก้ปัญหาได้ หรือเป็นคนที่ทุกฝ่ายเห็นว่าหาประโยชน์ให้ได้ และไม่เป็นพิษเป็นภัย ซึ่งจะไม่แก้ปัญหาอะไรเลย
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า นายกฯ ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศอย่างน้อยที่สุดต้องมีความดีสุดๆ 2 ประการ คือ 1. เป็นคนที่เงินซื้อไม่ได้ซึ่งหายากมาก 2. เป็นคนกล้าหาญ เพราะถ้าเงินซื้อไม่ได้ รัฐบาลอันธพาลก็ข่มขู่ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นต้องกล้าหาญทางจริยธรรม กล้าทำอะไรที่ถูกต้อง เช่น อายัดทรัพย์นักการเมือง นอกจากสองข้อแล้ว ต้องยอมเสียสละผลประโยชน์ส่วนตัวเพื่อให้ประโยชน์ตกแก่ประเทศชาติ
“คนที่ทุกฝ่ายเห็นด้วยไม่มี เพราะแม้แต่ กปปส. กับรัฐบาล ก็ไม่มีทางเห็นด้วยกัน หรือถ้ามี ก็ต้องเป็นคนชั่ว ไม่งั้นฝ่ายโจรก็ไม่เห็นด้วย” นายณรงค์กล่าว
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องคือความสามารถ ต้องเก่งสุดๆ อีก 3 ข้อ คือ 1. เก่งเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่แก้ง่ายแล้ว แค่เรื่องชาวนาอย่างเดียวก็ต้องแก้อย่างเร่งด่วน ไม่ใช่เอานายกฯ ที่ไม่รู้เศรษฐกิจมาอยู่ 18 เดือนก็มาอยู่เฉยๆ เพื่อรอเลือกตั้งและมาดูว่าใครจะสัญญาจะให้ประชานิยมมากกว่ากัน นายกฯ ช่วงเปลี่ยนผ่านต้องวางระบบเศรษฐกิจใหม่ ทั้งเรื่องข้าวของแพง การส่งออกมีปัญหา ต้องเก่งสุดๆ 2. เก่งในเรื่องการเมือง เอาประชาธิปไตยมาใช้จริงๆ ให้มีเอกภาพบนความแตกต่างหลากหลายได้ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเผด็จการรัฐสภา และมีแต่ความขัดแย้ง ถ้านายกฯ ไม่มีความสามารถตรงนี้ ช่วง 18 เดือนจะวุ่นวายที่สุด ความรุนแรงจะไม่มีทางจบ ยิ่งบอกว่ารัฐบาลออกกฎหมายไม่ได้ ก็จะทำอะไรไม่ได้เลย
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายกฯ ช่วงเปลี่ยนผ่านต้องมีความสามารถทางสังคมในการที่จะกวาดล้างทำความสะอาดสิ่งเลวร้ายต่างๆ ในสังคมให้หมด ไม่ใช่ไปแก้เอาหลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้น ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์จึงเป็นข้อเสนอเพื่อนักเลือกตั้ง การเสียสละของประชาชนตลอด 6 เดือนจะเสียเปล่าและย้อนกลับไปที่เดิม เป็นข้อเสนอที่แย่มาก