**หลังเสร็จสิ้นการรับฟังคำชี้แจงของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในคดีโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตาสถานะของ ยิ่งลักษณ์ ทันที ในช่วงเที่ยงวันนี้ (7 พ.ค.) เล่นเอา “เครือข่ายแม้ว”แทบตั้งตัวไม่ทันกันทีเดียว
และเมื่อ ฟัง-อ่าน-วิเคราะห์ คำชี้แจงของยิ่งลักษณ์แล้ว เหตุผลแทบจะฟังไม่ขึ้น เพราะข้อเท็จจริงของการโยกย้าย ถวิล คือการเปิดทางให้เก้าอี้ ผบ.ตร. ว่างลง
ด้วยการตอนแทน “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” ผบ.ตร. ในขณะนั้น ได้มานั่งตำแหน่งเลขาธิการสมช. เมื่อเก้าอี้ ผบ.ตร. ว่างลง “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์”พี่ชายสุดเลิฟของ“คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์”อดีตศรีภรรยาของ ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร. สมใจอยาก
**หากไล่เรียงคำชี้แจงของยิ่งลักษณ์ จะพบว่ามีการ“โกหก”ต่อศาลรัฐธรรมนูญ อยู่หลายประเด็น
โกหกแรก ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ได้มอบอำนาจให้“พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ”ซึ่งกำกับดูแล สมช. และ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง”กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นคนพิจารณา
ทว่าหาก“โกวิท-เป็ดเหลิม”ไม่ได้รับไฟเขียวจากยิ่งลักษณ์ ให้เขี่ย ถวิล ออก ทั้ง “โกวิท-เป็ดเหลิม”คงไม่ทำ
ยิ่งตัวโกวิทแล้ว เคยกระทั่งให้คำมั่นสัญญากับ ถวิล ว่าให้สบายใจได้ เพราะคงไม่ย้ายถวิลไปไหน และที่ผ่านมาทั้ง โกวิท และ ถวิล มีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด
**ดังนั้นลำพัง โกวิทคงไม่ย้ายถวิลแน่ถ้าไม่มี “มือมืด”คอยสั่ง คอยจัดการเดินสายเคลียร์ตำแหน่งอื่นให้ว่างลง
ส่วน“เป็ดเหลิม”คงเป็นธรรมดาที่เข้ามาปุ๊บ ต้องเลียขา“นายหญิง”ปั๊บ ด้วยการสร้างผลงานชิ้นโบว์ดำ ดัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.
โกหกสอง ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าการย้าย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มาเป็น ผบ.ตร. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นเครือญาติกัน เพราะ คุณหญิงพจมานได้หย่าขาดกับทักษิณ แล้ว
ซึ่งความเป็นจริงใครก็รู้ว่า นช.แม้ว หย่าขาดกับหญิงอ้อ หวังผลด้านกฎหมายเท่านั้น เพราะหากยังฝืนถือทะเบียนสมรสกับ “นช.แม้ว”แล้ว หญิงอ้อ ต้องสุ่มเสี่ยงที่จะเสียทรัพย์สมบัติมหาศาล เพราะถือว่าทั้งสองยังมีสถานะสามี-ภรรยา ความผิดของ นช.แม้ว จึงสะเทือนถึงหญิงอ้อ
หนำซ้ำคนทั้ง พรรคเพื่อไทย รู้ดีว่า หญิงอ้อ ยังมีอิทธิพลมากมายในพรรค เพราะระยะหลังก็ยังเดินเข้า-ออก พรรคเพื่อไทย เป็นว่าเล่น เพียงแต่จะแอบเข้าไปไม่ให้สื่อมวลชนเห็น
โกหกสาม ยิ่งลักษณ์ บอกว่าการย้าย “วิเชียร”ไปนั่งตำแหน่ง ปลัดคมนาคม เป็นการทาบทามของ รมต.คมนาคม แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
แต่ วิเชียร โดนความชั่วของ “เครือข่ายแม้ว”ต่อรองอีกครั้ง ให้ยอมรับชะตากรรม เด้งไปเป็น ปลัดคมนาคม เพื่อเปิดทางให้ “นายใหญ่”ได้ตอบแทนบุญคุณ ผู้มีพระคุณ
**ต้องการเขี่ย วิเชียร ออกจากเลขาธิการ สมช. เพื่อเปิดทางให้ “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร”ขึ้นเป็นเลขาธิการสมช. ต่างหาก
ซึ่ง พล.ท.ภราดร เป็นหลานชายของ “ปรีดา พัฒนถาบุตร”ผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวงต่อ นช.แม้ว ที่ชาตินี้ต้องตอบแทนบุญคุณกันให้ได้
โกหกสี่ ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า ไม่มีอำนาจในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ซึ่งแทบฟังไม่ขึ้นเลย เพราะตามโครงสร้างของ“คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ” (กตช.) นั้นต้องมี นายกฯ เป็นประธานโดยตำแหน่ง
และการเสนอชื่อแคนดิเดต “ผบ.ตร.คนใหม่”กฎหมายระบุชัดเจนว่า ให้อำนาจนายกฯ เป็นคนเสนอชื่อ ก่อนที่จะให้คณะกรรมการ กตช.ลงคะแนนเสียง
ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่ ยิ่งลักษณ์ จะไม่มีอำนาจใจการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ต่อให้ “สัญญาณพิเศษ”สั่งมา อำนาจในการแต่งตั้งก็อยู่ที่ ยิ่งลักษณ์
ซึ่งสามารถนำไปเทียบเคียงกับกรณี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ “พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ”นั่งเก้าอี้ผบ.ตร. แต่มี สัญญาณพิเศษ ให้ “พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย”นั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. เช่นกัน ยื้อกันอยู่นานจนไม่สามาถตั้งใครมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ได้
จะเห็นได้ว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร. หาก นายกฯ แข็งข้อ ใครก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอำนาจเต็มอยู่ที่ นายกฯ
โกหกห้า ยิ่งลักษณ์ ทำหน้านิ่ง แก้ตัวน้ำขุ่นๆว่า ตัวเองไม่เคยแทรกแซงการโยกย้ายแต่งตั้ง มีการนำกรณีของ “พล.อ.อักษรา เกิดผล”บุตรชายของ “พล.อ.สายหยุด เกิดผล”ให้นั่งตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ทั้งที่ พล.อ.สายหยุด มีความเห็นทางการเมืองต่างกับรัฐบาล
ทว่าโดยตามธรรมเนียมแล้ว การแต่งตั้ง “พล.อ.อักษรา”เป็นการเสนอชื่อมาจาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”ผบ.ทบ. ซึ่งแน่นอนว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่อาจจะขัดขืนได้ เพราะถือเป็นตำแหน่งสำคัญที่“บิ๊กตู่”ได้วางไลน์ไว้ให้รับไม้ต่อจาก“พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร” รอง ผบ.ทบ.
หาก ยิ่งลักษณ์ ทำมึน ไม่เห็นด้วยกับ “บิ๊กตู่” ในการแต่งตั้ง พล.อ.อักษรา มีหวังได้งัดข้อกันยกใหญ่แน่ ยิ่งลักษณ์ จึงไฟเขียว
แต่การนำมากล่าวอ้างว่า ไม่เข้าไปแทรกแซง ถือเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็น “ผู้นำ”หลงเหลืออยู่เลย เพราะคนเป็น “ผู้นำ”เขาไม่เอาความดีความชอบมากล่าวอ้างในเชิงทวงบุญคุณกัน
ทั้งหมดคือคำ “โกหกสีดำ”ที่ ยิ่งลักษณ์ หน้ามึน โกหกแม้กระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญ แล้วกับประชาชนคนไทย มีหรือที่ ยิ่งลักษณ์ จะไม่กล้าโกหก
**เที่ยงวันนี้ (7 พ.ค.) รอลุ้นกันว่า“คำโกหกสีดำ”ของ ยิ่งลักษณ์ จะส่งผลลบ หรือผลบวก แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า ประเทศนี้คงไม่เคราะห์ร้ายให้ “คนโกหก”ได้ปกครองประเทศต่อไป
เสือกระดาษ
ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตาสถานะของ ยิ่งลักษณ์ ทันที ในช่วงเที่ยงวันนี้ (7 พ.ค.) เล่นเอา “เครือข่ายแม้ว”แทบตั้งตัวไม่ทันกันทีเดียว
และเมื่อ ฟัง-อ่าน-วิเคราะห์ คำชี้แจงของยิ่งลักษณ์แล้ว เหตุผลแทบจะฟังไม่ขึ้น เพราะข้อเท็จจริงของการโยกย้าย ถวิล คือการเปิดทางให้เก้าอี้ ผบ.ตร. ว่างลง
ด้วยการตอนแทน “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” ผบ.ตร. ในขณะนั้น ได้มานั่งตำแหน่งเลขาธิการสมช. เมื่อเก้าอี้ ผบ.ตร. ว่างลง “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์”พี่ชายสุดเลิฟของ“คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์”อดีตศรีภรรยาของ ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร. สมใจอยาก
**หากไล่เรียงคำชี้แจงของยิ่งลักษณ์ จะพบว่ามีการ“โกหก”ต่อศาลรัฐธรรมนูญ อยู่หลายประเด็น
โกหกแรก ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ได้มอบอำนาจให้“พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ”ซึ่งกำกับดูแล สมช. และ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง”กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นคนพิจารณา
ทว่าหาก“โกวิท-เป็ดเหลิม”ไม่ได้รับไฟเขียวจากยิ่งลักษณ์ ให้เขี่ย ถวิล ออก ทั้ง “โกวิท-เป็ดเหลิม”คงไม่ทำ
ยิ่งตัวโกวิทแล้ว เคยกระทั่งให้คำมั่นสัญญากับ ถวิล ว่าให้สบายใจได้ เพราะคงไม่ย้ายถวิลไปไหน และที่ผ่านมาทั้ง โกวิท และ ถวิล มีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด
**ดังนั้นลำพัง โกวิทคงไม่ย้ายถวิลแน่ถ้าไม่มี “มือมืด”คอยสั่ง คอยจัดการเดินสายเคลียร์ตำแหน่งอื่นให้ว่างลง
ส่วน“เป็ดเหลิม”คงเป็นธรรมดาที่เข้ามาปุ๊บ ต้องเลียขา“นายหญิง”ปั๊บ ด้วยการสร้างผลงานชิ้นโบว์ดำ ดัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.
โกหกสอง ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าการย้าย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มาเป็น ผบ.ตร. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นเครือญาติกัน เพราะ คุณหญิงพจมานได้หย่าขาดกับทักษิณ แล้ว
ซึ่งความเป็นจริงใครก็รู้ว่า นช.แม้ว หย่าขาดกับหญิงอ้อ หวังผลด้านกฎหมายเท่านั้น เพราะหากยังฝืนถือทะเบียนสมรสกับ “นช.แม้ว”แล้ว หญิงอ้อ ต้องสุ่มเสี่ยงที่จะเสียทรัพย์สมบัติมหาศาล เพราะถือว่าทั้งสองยังมีสถานะสามี-ภรรยา ความผิดของ นช.แม้ว จึงสะเทือนถึงหญิงอ้อ
หนำซ้ำคนทั้ง พรรคเพื่อไทย รู้ดีว่า หญิงอ้อ ยังมีอิทธิพลมากมายในพรรค เพราะระยะหลังก็ยังเดินเข้า-ออก พรรคเพื่อไทย เป็นว่าเล่น เพียงแต่จะแอบเข้าไปไม่ให้สื่อมวลชนเห็น
โกหกสาม ยิ่งลักษณ์ บอกว่าการย้าย “วิเชียร”ไปนั่งตำแหน่ง ปลัดคมนาคม เป็นการทาบทามของ รมต.คมนาคม แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
แต่ วิเชียร โดนความชั่วของ “เครือข่ายแม้ว”ต่อรองอีกครั้ง ให้ยอมรับชะตากรรม เด้งไปเป็น ปลัดคมนาคม เพื่อเปิดทางให้ “นายใหญ่”ได้ตอบแทนบุญคุณ ผู้มีพระคุณ
**ต้องการเขี่ย วิเชียร ออกจากเลขาธิการ สมช. เพื่อเปิดทางให้ “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร”ขึ้นเป็นเลขาธิการสมช. ต่างหาก
ซึ่ง พล.ท.ภราดร เป็นหลานชายของ “ปรีดา พัฒนถาบุตร”ผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวงต่อ นช.แม้ว ที่ชาตินี้ต้องตอบแทนบุญคุณกันให้ได้
โกหกสี่ ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า ไม่มีอำนาจในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ซึ่งแทบฟังไม่ขึ้นเลย เพราะตามโครงสร้างของ“คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ” (กตช.) นั้นต้องมี นายกฯ เป็นประธานโดยตำแหน่ง
และการเสนอชื่อแคนดิเดต “ผบ.ตร.คนใหม่”กฎหมายระบุชัดเจนว่า ให้อำนาจนายกฯ เป็นคนเสนอชื่อ ก่อนที่จะให้คณะกรรมการ กตช.ลงคะแนนเสียง
ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่ ยิ่งลักษณ์ จะไม่มีอำนาจใจการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ต่อให้ “สัญญาณพิเศษ”สั่งมา อำนาจในการแต่งตั้งก็อยู่ที่ ยิ่งลักษณ์
ซึ่งสามารถนำไปเทียบเคียงกับกรณี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ “พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ”นั่งเก้าอี้ผบ.ตร. แต่มี สัญญาณพิเศษ ให้ “พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย”นั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. เช่นกัน ยื้อกันอยู่นานจนไม่สามาถตั้งใครมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ได้
จะเห็นได้ว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร. หาก นายกฯ แข็งข้อ ใครก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอำนาจเต็มอยู่ที่ นายกฯ
โกหกห้า ยิ่งลักษณ์ ทำหน้านิ่ง แก้ตัวน้ำขุ่นๆว่า ตัวเองไม่เคยแทรกแซงการโยกย้ายแต่งตั้ง มีการนำกรณีของ “พล.อ.อักษรา เกิดผล”บุตรชายของ “พล.อ.สายหยุด เกิดผล”ให้นั่งตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ทั้งที่ พล.อ.สายหยุด มีความเห็นทางการเมืองต่างกับรัฐบาล
ทว่าโดยตามธรรมเนียมแล้ว การแต่งตั้ง “พล.อ.อักษรา”เป็นการเสนอชื่อมาจาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”ผบ.ทบ. ซึ่งแน่นอนว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่อาจจะขัดขืนได้ เพราะถือเป็นตำแหน่งสำคัญที่“บิ๊กตู่”ได้วางไลน์ไว้ให้รับไม้ต่อจาก“พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร” รอง ผบ.ทบ.
หาก ยิ่งลักษณ์ ทำมึน ไม่เห็นด้วยกับ “บิ๊กตู่” ในการแต่งตั้ง พล.อ.อักษรา มีหวังได้งัดข้อกันยกใหญ่แน่ ยิ่งลักษณ์ จึงไฟเขียว
แต่การนำมากล่าวอ้างว่า ไม่เข้าไปแทรกแซง ถือเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็น “ผู้นำ”หลงเหลืออยู่เลย เพราะคนเป็น “ผู้นำ”เขาไม่เอาความดีความชอบมากล่าวอ้างในเชิงทวงบุญคุณกัน
ทั้งหมดคือคำ “โกหกสีดำ”ที่ ยิ่งลักษณ์ หน้ามึน โกหกแม้กระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญ แล้วกับประชาชนคนไทย มีหรือที่ ยิ่งลักษณ์ จะไม่กล้าโกหก
**เที่ยงวันนี้ (7 พ.ค.) รอลุ้นกันว่า“คำโกหกสีดำ”ของ ยิ่งลักษณ์ จะส่งผลลบ หรือผลบวก แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า ประเทศนี้คงไม่เคราะห์ร้ายให้ “คนโกหก”ได้ปกครองประเทศต่อไป
เสือกระดาษ