ผ่าประเด็นร้อน
รับรู้กันไปแล้วว่าข้อเสนอของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่บอกว่าให้ถอยออกมาคนละก้าว เสียสละกันบ้างเพื่อให้เดินหน้ากันได้ โดยหนึ่งในข้อเสนอดังกล่าวก็คือเรียกร้องให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกเพื่อเปิดทางให้มีนายกฯคนกลาง ได้ทำหน้าที่ในการปฏิรูปในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 6 เดือน ซึ่งสำหรับคนอย่างอภิสิทธิ์ อาจมีความฝันว่าเป็นไปได้ เนื่องจากมีข้อมูลบางอย่างรวมไปถึงได้รับแนะนำจากคนใกล้ชิดบางคนมาแบบไหนก็ตาม แต่ในความเป็นจริงมันไม่มีทางเป็นไปได้เป็นอันขาด
คำตอบแบบเฉพาะหน้าก่อนง่ายๆ ก็คือ คนพวกนี้มัน “เห็นแก่ตัว”เกินไป
ขณะเดียวกัน ต่อไปนี้คือเหตุผลว่าทำไมถึงเห็นแก่ตัว ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้สำหรับการเสียสละยอมลาออกเพื่อเปิดทางให้มีนายกฯคนกลาง
กรณีแรกที่บอกว่า “เห็นแก่ตัว” หากพิจารณาย้อนหลังตั้งแต่ที่ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นเจ้าของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทย และเจ้าของคนเสื้อแดง เริ่มทำธุรกิจขายเครื่องโทรศัพท์ที่มีเสียงโวยวายว่าเอาเปรียบขูดรีดสารพัด มาจนถึงการเข้าหาเผด็จการจนได้รับสัมปทานผูกขาด และจากที่เคยต้องจ่ายใต้โต๊ะนักการเมืองเพื่อแลกผลประโยชน์ เมื่อสะสมทรัพย์สินเงินทองได้มากพอก็กลายมาเป็น“นักธุรกิจการเมือง”เต็มตัว และนำไปสู่การซื้อ ส.ส. ซื้อพรรคการเมือง ควบรวมพรรคการเมืองและซื้อแกนนำซื้อมวลชน โดยใช้งบประมาณของรัฐ โครงการของรัฐเข้าไปแจก
สรุปก็คืออุตส่าห์ลงทุนลงแรงกันถึงขนาดนี้ ไม่มีทางที่ ทักษิณ ชินวัตร จะสั่งให้น้องสาวตัวเองคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสียสละลาออกเพื่อเห็นแก่บ้านเมือง หรือส่วนรวมเป็นอันขาด เพราะคนพวกนี้เข้ามาเพื่อแสวงหาอำนาจควบคู่ไปกับการสร้างความร่ำรวยแบบไม่สิ้นสุด ซึ่งเวลานี้ได้พัฒนากลายเป็น “นายหน้าข้ามชาติ”หรือทุนข้ามชาติไปแล้ว และอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา“ทุนใหญ่”จะให้การหนุนหลัง รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ เต็มเหนี่ยว
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงไม่มีทางเสียสละยอมให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเสียสละลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯคนกลาง ก็เพราะว่าหากลาออกก็จะสูญเสียอำนาจทันที ไม่อาจควบคุมทุกอย่างได้อย่างเบ็ดเสร็จ แม้ว่าจะเพียงสถานการณ์ชั่วคราวก็ตาม และเชื่อกันว่าหากมีการเลือกตั้งใหม่พวกเขาก็ยังจะได้กลับมามีอำนาจสูงยิ่งก็ตาม เพราะว่าแม้จะขาดช่วงเพียงแค่ไม่กี่วันคนพวกนี้ก็ไม่ยอมเสี่ยง
ดังนั้น หนทางที่เป็นไปได้และถูกกับนิสัยสันดานของคนพวกนี้ก็คือชิงลาออกก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดสถานภาพจากกรณีโยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมิชอบ ซึ่งล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญได้นัดชี้ชะตาในวันที่ 7 พฤษภาคม ในเวลาเที่ยงตรงออกมาแล้ว หลังจากมีการไต่สวนพยานครบถ้วนแล้วเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม
นับจากนี้ไปก็เป็นไปได้เหมือนกันที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะชิงลาออกเสียก่อน เพื่อจะได้มีโอกาสในการแต่งตั้งนายกฯรักษาการคนใหม่ โดยเลือกมาจากรองนายกฯคนใดคนหนึ่งขึ้นมาแทน พร้อมๆ กับทำหน้าที่ทูลเกล้าฯพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ซึ่งมีการกำหนดร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เอาไว้แล้วว่าจะมีการเลือกตั้งวันที่ 20 กรกฎาคม
เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง ศาลฯก็จะจำหน่ายคดีที่เกี่ยวกับสถานภาพของนายกฯออกไป เหลือแต่คณะรัฐมนตรีที่ต้องรับผิดชอบว่ามีใครบ้างที่ร่วมลงมติอัปยศดังกล่าว และถ้ายังลุยถั่วทำดื้อแพ่งหากศาลฯชี้ให้พ้นสภาพนายกฯมันก็ยิ่งสร้างเงื่อนไขให้โดนสหบาทารุมถล่มจมดินแน่
ดังนั้น หากพิจารณาจากข้อเสนอของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เรียกร้องให้ ยิ่งลักษณ์ เสียสละลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้มีนายกฯคนกลางก่อนนำไปสู่การปฏิรูปและการเลือกตั้ง มันก็เป็นเรื่องตลก ตลกทั้งคนที่เสนอ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ที่เป็นไปได้กว่าก็คือเป็นการชิงลาออกเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ต่อไป มีทางนี้ทางเดียวเท่านั้นที่จะเกิดขึ้น !!