ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กางยุทธศาสตร์พิฆาต “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”แบ่งออกเป็น 3 ก๊อก ก๊อกแรก ทำพิธีตั้งสัตยาธิษฐาน แสดงความจงรักภักดีว่าจะทำความดีเพื่อแผ่นดิน ต่อสู้เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดินให้สำเร็จ วันที่ 5 พ.ค. ก๊อกสอง วันที่ 13 พ.ค. ถือฤกษ์งามยามดีวันวิสาขบูชา ทำบุญประเทศครั้งใหญ่ขจัดเสนียดจัญไร และก๊อกสุดท้าย วันที่ 14 พ.ค. เริ่มการปฏิบัติการเรียกคืนอำนาจอธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชน
“กำนันเทือก”นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ปล่อยปฏิทินรุกฆาตระบอบทักษิณ แบบไม่มีหมกเม็ดอีกแล้ว เพราะถือว่า เกมเดินหน้ามาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ วัดใจ “ศึกชิงเมือง”
ตามไทม์มิ่งที่ “กำนันเทือก”ปล่อยออกมา ถือฤกษ์ยามโดยยังเกี่ยวๆ ทฤษฎี “มะม่วงหล่น”มาเป็นตุ๊กตาในการจัดวางเหมือนเดิม โดยเฉพาะสองคดีใหญ่ อย่างกรณีโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มิชอบ ในตักศาลรัฐธรรมนูญ กับปมละเว้นไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว จนก่อให้เกิดความเสียหาย ในอุ้งมือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
หากย้อนไปดูปฏิทินเชือด “ปูกรรเชียง”น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่อดีตนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ใน 2 ยักษ์องค์กรอิสระ ถือว่าตรงตารางเผด็จศึกของ“ม็อบนกหวีด”ของ กปปส. แบบเป๊ะเวอร์
ถือว่า “กำนันเทือก”รอดูความชัดเจนเรื่องวัน ว. เวลา น. ก่อนประกาศคิวเหมือนกัน !!
ไม่ว่าจะเป็นคิวศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยานบุคคล 4 ปาก ในวันที่ 6 พ.ค.นี้ ที่มีการคาดการณ์กันว่า น่าจะวินิจฉัยสถานภาพ “ปูกรรเชียง”บวกลบกันไม่เกิน 2-3 วัน หลังจากนั้น เผลอๆ อาจเชือดกันเสียวันนั้นเลย
เช่นเดียวกับ ป.ป.ช. ที่ชิงคลอดปฏิทินบั่นคอ “ปูกรรเชียง”เรียกน้ำย่อยก่อนใครเพื่อน ตามกำหนดการอย่างเป็นทางการที่ออกมาแล้ว ตลอดสัปดาห์นี้ จะเป็นช่วงของคณะทำงานสรุปสำนวนเพื่อชงเรื่องให้ “องค์คณะไต่สวน”ตรวจทานพยานหลักฐานความพร้อมของสำนวนในวันอังคารที่ 6 พ.ค.
หากไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ครบถ้วนสมบูรณ์ดี สามารถเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ให้พิจารณา และนัดวันลงมติชี้มูล 15 พ.ค. แน่นอน
หากไม่มี “หวยพลิก”โปรแกรมไม่มีเกินไปกว่านี้แล้ว
ดูจังหวะ “กำนันเทือก”ประกาศดีเดย์ 3 ขั้นตอน ถือเป็นยุทธศาสตร์ตามปฏิทินการเมืองล้วนๆ ล้อกระบวนการยุติธรรมแบบเต็มๆ
เริ่มตั้งแต่การเลือกก๊อกแรก ในวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล ถือว่า “ขงเบ้ง”ด้านการตลาดของ กปปส. หัวหมอไม่เบา โดยเฉพาะการรณรงค์ให้ประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองมาร่วมทำพิธี ที่จะทำให้มวลชนของตัวเองดูมีพลัง และจำนวนมาก เพราะวันดังกล่าวของทุกปี พี่น้องประชาชนชาวไทยจะพร้อมใจกันใส่เหลืองอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะในกทม. แต่รวมไปถึงต่างจังหวัดด้วย
ช็อตนี้ “ม็อบนกหวีด”มั่นใจได้ภาพแนวร่วมพรึบ !!
แถมวันที่ 5 พ.ค. ยังเป็นวันหยุดราชการ ที่เปิดอ้าให้ “มวลมหาประชาชน”กระโดดร่วมมาเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ชักภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ดีไม่ดี อาจท้าวัดพลังบลั๊ฟใส่ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ประกาศดีเดย์ชุมนุมใหญ่ ที่ถนนอักษะ ย่านพุทธมณฑล ในวันที่ 5 พ.ค. ว่า ใครกล้ามใหญ่กว่ากันไปเลย
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการสแตนบาย รอฟังผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไปในตัวอีกทาง !!
ส่วนก๊อกสอง 13 พ.ค. ก็อาศัยช่วงวันหยุดราชการอีกเช่นกัน เพื่อง่ายต่อการระดมพล โดยจัดกิจกรรมทำบุญประเทศ เพื่อดึงดูดคนเข้ามา ถือว่า มีผลในทางจิตวิทยาในการกวักมือเรียกแขก
ก่อน “เคานต์ดาวน์” รอชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้าย ในรุ่งเช้าวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งเป็น “วันเผด็จศึก”เป็นการรวบรวมสรรพกำลังให้ได้มากที่สุด !!
ตามคิวที่ “กำนันเทือก”ยังกั๊กยุทธวิธี และวิธีการว่า ใน “วันเผด็จศึก”จะลงมือปิดเกมอย่างไร ทำให้มองได้อีกทางทันทีว่า นอกจากจะกลัวฝ่ายตรงข้ามรู้ไต๋แล้ว จุดมุ่งหมายอีกทางก็มีความเป็นไปได้ที่เป็นการออกมาวอร์มเครื่องเพื่อรอดูฉากสุดท้ายของ “ปูกรรเชียง” หาก ป.ป.ช. ฟันคอในวันที่ 15 พ.ค.
แน่นอนว่า หาก 2 องค์กรอิสระ เชือดคอ “ปูกรรเชียง”ตายคาสนามประชาธิปไตยตามที่คาดการณ์ โอกาสที่ “กำนันเทือก” จะได้แนวร่วมออกมาขับไล่รัฐบาลทรราชในตอนนั้น คงมากโข ด้วยเพราะผลทางกฎหมายที่ทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมแบบบริบูรณ์ ทั้งทาง “พฤตินัย - นิตินัย”
ประเทศไทยจะเข้าสู่โหมด“สุญญากาศ”ทันที
และหากเครือข่ายทักษิณยังดื้อแพ่ง ดิ้นทุกทางก็มีแต่จะเข้าเนื้อ กลายเป็นคนไม่ยอมรับกฎหมาย สังคมไทยส่วนใหญ่จะรับไม่ได้โดยอัตโนมัติ แนวร่วมจะหดหายไปเยอะ
กปปส. จะกลายเป็นคนถือไพ่ใบใหญ่ในมือแบบออโตเมติก เช่นเดียวกัน
แต่ปัญหาคือ เมื่อถึง “วันเผด็จศึก”จริงๆ แผนที่ “กำนันเทือก”อุบเอาไว้ คืออะไร และ “เด็ด”มากพอกระชากใจกองเชียร์หรือไม่ ถือว่าเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายอย่างมาก
ต้องไม่ลืมว่า กปปส. ยกระดับมาแล้วหลายครั้ง และหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา โดนค่อนแคะไปไม่ใช่น้อยว่า “ไร้น้ำยา”หมดมุก มุกแป้ก จนหลายทีหลายหนที่มีการนัดหมายใหญ่ มวลชนหดหายไปจำนวนไม่น้อยเมื่อเทียบกับช่วงแรกๆ ที่มีการระดมพลสมัยปักหมุดอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน หลายคนยังไม่มั่นใจว่า หากออกมาแล้วกลัวว่าจะได้แค่ชักภาพเก็บไปโพสต์เฟซบุ๊กอวดเพื่อเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่จุดมุ่งหมายที่แท้จริง เพราะคนที่ออกมาแต่ละครั้ง ล้วนแต่พกความหวังมาเต็มหัวใจว่า ต้องการเห็นระบอบทักษิณล้ม และจมดินในวันดังกล่าว
หรืออย่างน้อยๆ ก็มีสัญญาณ หรือกิจกรรมบางอย่างให้เห็นว่า กปปส.กำลังเป็นฝ่ายไล่ล่าระบอบทักษิณแบบเต็มสูบ ไม่ใช่แค่รอ “มะม่วงหล่น”อยู่ในที่ตั้งอย่างเดียว
“วันเผด็จศึก”ครั้งนี้ จึงสำคัญอย่างมากสำหรับ กปปส. และมีเดิมพันค่อนข้างสูงลิ่ว เพราะหากแป้กอีกหน ย่อมหลีกเลี่ยงไม่พ้นเลยหากแฟนคลับจะระอา ที่สำคัญการประกาศชุมนุมใหญ่ครั้งต่อไป หากมีอีกจะสิ้นมนต์ขลัง ยากนักจะรวมพลได้ขนาดนี้
ดังนั้น นอกจากเป็นวันชี้ชะตา “ปูกรรเชียง”และระบอบทักษิณแล้ว ยังเป็นวันชี้ชะตาของ “กำนันเทือก”และแนวร่วม กปปส.เองด้วย
อีกสิ่งที่ทุกคนรออยู่คือ เมื่อ “มะม่วงหล่น”แล้ว “กำนันเทือก”จะปฏิบัติการอะไร โมเดลรัฐบาลประชาชน โมเดลเรื่องการปฏิรูป ที่ขายฝันเอาไว้สวยหรู จะทำได้หรือไม่
ฤาจะเป็นรูปแบบแบบที่ “มาร์ค ม.7” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังเดินสายเจรจา ซึ่งถ้าออกมาแบบนี้ มิวายเข้าอีหรอบ “ทฤษฎีสมคบคิด”
ที่แท้ก็มวยล้มต้มคนดู !!