รายงานการเมือง
ยึดหัวหาดชิงพื้นที่สื่อแย่งซีนทุกช็อตมาอยู่กับตัวเองได้หมด สำหรับ “มาร์ค ม.7” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับฉากเดินสายถกพรรคการเมืองซีกรัฐบาล คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เพื่อปลดล็อกประเทศพ้นวิกฤตความขัดแย้งที่เป็นสถานการณ์ “ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก” มานาน
กระแสข่าว “มาร์คสายกลาง” มาแรงแซงทุกโค้ง กับบทพระเอกอัศวินขี่ม้าขาว แต่ชั่งน้ำหนักให้ดีงานนี้ดูเหมือนจะได้ดอกไม้น้อยกว่าก้อนอิฐ ที่ถูกเขวี้ยงมาจากพวกเดียวกัน คนเคยรัก หรือแม้กระทั่งศัตรูฝ่ายตรงข้าม
เรื่องของเรื่องเพราะเป็นคู่ขัดแย้ง ห้อยนกหวีดนำทัพอยู่ดีๆ แต่ดันทะลึ่งแปลงกายมาขอเป็นพระเอกเสียอย่างนั้น แล้วใครจะไว้วางใจได้ว่าไม่มีแผนลับ ลวง พราง กับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ซ่อนอยู่
เพราะก่อนหน้านี้ “เดอะมาร์ค” ยังยืนยันนอนยันตะแคงยันอยู่เลยว่าจะต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นจะบอยคอตไปตลอดทั้งชาติ เพราะปัญหายังไม่ได้แก้ เลือกไปก็ไม่สงบ แต่จู่ๆ ดันโพล่งออกมา ขอถือดาบเป็นอัศวินพาประเทศออกจากพายุไซโคลน
พลิกคาแรกเตอร์จากหลังมือเป็นหลังเท้า!!
ยังมีการตีความถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงกันต่างๆ นานา ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังกับบทบาทขันอาสากู้วิกฤติครั้งนี้ โดยเฉพาะข้อสงสัยแรกๆ ที่มีการเปิดเผยจาก พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง (นปข.) ว่า การขับเคลื่อนครั้งนี้อาจมีการเจรจาใต้ดินเกิดขึ้นแล้ว ตามสายข่าวที่อ้างว่าเห็นชายร่างโย่งในพรรคสีฟ้าดอดไปคุยอยู่กับคุณหญิงกระบังลมที่ประเทศอังกฤษเพื่อเจรจาอะไรบางอย่าง จนกลายเป็น “ออกซฟอร์ดดีล” ที่เชื่อมโยงกับท่าทีของ “เดอะมาร์ค” ในตอนนี้
มันสอดคล้องกับท่าทีของ “ปูกรรเชียง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ออกมายาหอมดังๆ ว่า ให้กำลังใจ และให้โอกาสหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ แถมยังแบะท่าว่าพร้อมจะพูดคุยหากฝั่งตรงข้ามจรลีมาหา เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกันเลย
โดยมีการตั้งข้อสังเกตกันว่า การที่ “เดอะมาร์ค” โผล่พรวดขึ้นมาทำหน้าที่มือประสาน ตวัดจุดยืนตัวเองแบบ 360 องศา ก็เป็นเพราะรู้ว่าข้อเสนอของ “กำนันเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นั้นอยู่ไกลเกินเอื้อม จนไม่สามารถจับต้องได้ ผนวกกับขั้วหนึ่งในพรรคตัวเองต้องการกลับเข้าสู่ระบบเลือกตั้ง จึงตัดสินใจใช้วิธีนี้เพื่อกลับสู่ระบบรัฐสภา
ขณะเดียวกันก็มองว่า หากเลือกสวมบทพระเอกกลับเข้าสู่ระบบเลือกตั้ง คะแนนพรรคประชาธิปัตย์อาจสวิงกลับเข้ามาเป็นฝ่ายกุมชัยชนะ เพราะกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทย กำลังอยู่ในช่วงขาลง จึงพร้อมจะลงไปวัดกันในสนามเลือกตั้งเหมือนเดิม จับพลัดจับผลูอาจส้มหล่นได้กลับเข้าไปนั่งในตึกไทยคู่ฟ้าอีกครั้ง
เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่า “เดอะมาร์ค” ยังคาใจ อยากไปแก้ตัวในเก้าอี้เบอร์หนึ่งฝ่ายบริหารอีกคำรบ
กับอีกข้อสงสัยหนึ่งก็มีการประเมินกันว่า “เดอะมาร์ค” และสมาชิกพรรคสีฟ้าบางส่วนคงเห็นแล้วว่า แนวคิดปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งของ “กำนันเทือก” แทบจะเป็นไปไม่ได้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยากจะเสกให้เป็นรูปธรรมได้ ตามระบบ จึงคิดว่าจะหาทางลงให้ชนิด “กำขี้ดีกว่ากำตด”
แน่นอนว่า โจทย์การปฏิรูปของ “กำนันเทือก” นั้นเป็นโจทย์ที่ดี แต่เมื่อไม่มีช่องทาง ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีการใด จากข้อเสนอเต็มร้อย จึงหวังเอามาต่อรองกับฟากพรรคเพื่อไทย ที่อยู่ในช่วงอ่อนระทวย รอรับคมมีดจากศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ได้สัก 70-80 เปอร์เซ็นต์ จากข้อเสนอที่กปปส.เรียกร้องทั้งหมด
เข้าทำนองขอแค่ชนะ แต่ไม่ต้องขาดลอยก็ได้!!!
ถ้าเป็นแนวทางนี้โอกาสที่พรรคเพื่อไทย และนช.ทักษิณ ชินวัตร จะตอบรับก็พอมี เพราะทราบดีอยู่แล้วว่า คนอย่างนักโทษชายไม่ต้องการแพ้ พร้อมจะสู้แบบหัวเด็ดตีนขาด และต้องการกลับบ้านเท่ๆ ถ้าถูกยื่นข้อเสนอตามที่ “เดอะมาร์ค” กำลังเดินอยู่ในช่วงตัวเองกำลังเพลี่ยงพล้ำ ก็ยังจะพอเหลือรากเหลือโคนเพื่อฮึดกลับมาสู้ในสนามเลือกตั้งเพื่อคัมแบ็กสู่อำนาจ
แต่แน่นอนว่า ข้อเสนอดังกล่าวย่อมเป็นการหักกับ “กำนันเทือก” ที่ประกาศก้องเลยว่าไม่ต้องการจับมือกับโจร แถมยังส่งสัญญาณไปยังอดีตคนเคยรักแบบชัดถ้อยชัดคำว่า “อย่าสะเออะ”
ต้องอย่าลืมว่า “กำนันเทือก” ลงทุนลงแรงกับม็อบ กปปส.มาเยอะกว่าจะมีวันนี้ หากล้มกระดานตัวเองด้วยผลชนะไม่ขาด ไม่ต่างอะไรกับการต่อลมหายใจให้ นช.ทักษิณ ได้บินผงาดอยู่บนอำนาจทางการเมืองต่อ
มิหนำซ้ำ ความศรัทธาของประชาชนที่พร้อมใจกันคล้องนกหวีดมาเป็นแนวร่วมจะหายไปทันที ทุกคนจะมองว่า ตลอดระยะเวลาการต่อสู้ที่ผ่านมาก็เพียงเพื่อทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ผลประโยชน์ทางการเมือง มิต่างอะไรจาก นช.ทักษิณ ที่หลอกใช้คนเสื้อแดง
มวลชนที่เป็นดังอาวุธจะไม่มีทางหลอมรวมได้แน่นขนัดแบบนี้อีกแล้ว หากวันหนึ่งต้องการจะลุกขึ้นมาปลุกไล่ผีทักษิณอีกครั้งในอนาคต นาทีนี้ “กำนันเทือก” มาไกลเกินกว่าจะกลับ
หากเป็นไปตามสมมติฐานนี้ แน่นอนว่าหมากที่ “เดอะมาร์ค” กำลังเดินอยู่ไม่ต่างอะไรจากการบั่นทอนกำลังของ กปปส.ทางอ้อม และทำให้การต่อสู้ทั้งหมดที่ผ่านมาเสียของ
กับอีกสมมติฐานสุดท้ายคือ นี่คือทฤษฎีสมคบคิดกันระหว่าง “กำนันเทือก” และ “เดอะมาร์ค” ที่ส่งซิกกันใต้ดินแล้วออกมาชิงความได้เปรียบในช่วงที่คู่ต่อสู้กำลังเพลี่ยงพล้ำ
ทางหนึ่งเป็นการพาดบันไดให้ “กำนันเทือก” หาทางลง ด้วยการเดินสายหาจุดร่วมเรื่องปฏิรูป ซึ่งเรื่องปฏิรูปเป็นจุดขายและข้อเรียกร้องของ กปปส. โดยกดดันรัฐบาลให้ยอมปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งในบางเรื่องเพื่อเป็นหลักประกัน ส่วนบางเรื่องค่อยทำระหว่างมีการเลือกตั้ง อย่างน้อยเพื่อให้ประชาชนเห็นว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาชนะแล้วระดับหนึ่งเพื่อรักษาอารมณ์แฟนคลับว่า ได้กลับบ้านแบบมีของติดไม้ติดมือแล้ว
กับอีกทางหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยระแวงคือ “เดอะมาร์ค” กำลังสร้างภาพหาคะแนนนิยมให้ตัวเอง ระหว่างรอศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช.ตัดสิน “ปูกรรเชียง” เพื่อเป็นทางเลือกในช่วงบ้านเมือง “สุญญากาศ”
ทั้งหมดทั้งมวลนี้สุดท้ายแล้วก็กลับกลายเป็นเกมต่อรองเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองทั้งสิ้น ประเทศชาติยังจมอยู่ในวังวนเดิมๆ!!!
