“เด็จพี่” จี้กกต.ทบทวนข้อเสนอเลือกตั้งใน 60 วัน ปัดเอื้อประโยชน์ ทำไม่ได้ถือว่ามีนัย ย้อน หน.ปชป.ไถ่บาปลงเลือกตั้งแล้วค่อยปฏิรูป เลิกสร้างภาพเดินสาย มโนเตี๊ยมทะเลาะ “เทือก” เหตุ ปชช.รับไม่ได้บอยคอต ติง “สายหยุด” เคลื่อนไหวนอก รธน. ระคายเคืองเบื้องสูง เสียคนตอนแก่ เลิกเป็นร่างทรงกลุ่มต้านรัฐ ปลุก ผบ.เหล่าทัพจัดการทหารที่เป็นการ์ด “อุดมเดช” ชี้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเป็นไปไม่ได้ หน.ปชป.เลยเปลี่ยนบท
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะหารือกับรัฐบาลในวันที่ 30 เม.ย.นี้เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองส่วนใหญ่เคยทำหนังสือถึง กกต.ให้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งภายในกรอบ 60 วัน ดังนั้นขอให้ กกต.ทบทวนข้อเสนอพรรคการเมืองในประเด็นนี้ด้วย เพราะในส่วนที่ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 20 ก.ค.นั้นเป็นเพียงข้อเสนอของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.บริหารกิจการเลือกตั้ง ขณะที่ก่อนหน้านี้ 30 กว่าพรรคการเมืองทำหนังสือถึงนายกฯ โดยระบุขอให้จัดการเลือกตั้งเร็วกว่าวันที่ 20 ก.ค. ทั้งนี้ การขยับวันเลือกตั้งให้เร็วขึ้นไม่ใช่ประโยชน์ของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคการเมือง แต่จะเป็นประโยชน์ของประเทศ เพราะวิกฤตการเมืองขณะนี้ต้องแก้ด้วยการเลือกตั้ง ขณะที่ กกต.ที่มีอำนาจจัดการเลือกตั้งต้องฟังเสียงประชาชน สมาชิกพรรคการเมืองและเสียงของนานาชาติด้วยว่าการเลือกตั้งเป็นทางออกของประเทศ และจะคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองได้ กกต.อย่าฟังเสียงนายสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์ แต่ขอให้ฟังเสียงประชาชน และอย่าอ้างเรื่องการเตรียมการไม่ทันหรือสถานการณ์ยังไม่สงบ กกต.อย่าตั้งธง ไม่อย่างนั้นจะถือว่ามีนัยทางการเมือง
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินสายพูดคุยกับหลายภาคส่วนนั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า วิกฤตการเมืองขณะนี้ประชาชนทราบดีว่าเกิดจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และนายอภิสิทธิ์ก็ยอมรับว่ามีส่วนทำให้เกิดวิกฤตการเมืองเพราะบอยคอตการเลือกตั้ง สมาชิกบางส่วนก็ไปร่วมกับนายสุเทพ ทั้งนี้ หากนายอภิสิทธิ์บริสุทธิ์ใจและอยากไถ่บาปตัวเองก็เป็นเรื่องดีขอให้กลับมาในกติกาประชาธิปไตย ต้องเลิกบอยคอตการเลือกตั้ง ทั้งนี้ การเดินสายเป็นเพียงการสร้างภาพหาคะแนนนิยม หากจริงใจไม่ต้องเดินสายไปพบใคร ขอแนะนำ 3 ข้อ คือ 1. ปิดห้องคุยกับนายสุเทพให้รู้เรื่องว่าพรรคประชาธิปัตย์จะลงเลือกตั้ง เชื่อว่านายสุเทพจะไม่พูดว่านายอภิสิทธิ์สะเออะที่อยากจะแก้วิกฤติ 2. แถลงยูทิวบ์อีกรอบว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะลงเลือกตั้ง จะไม่บอยคอตการเลือกตั้ง สนับสนุนการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด และ 3. นายอภิสิทธิ์ต้องแถลงเป็นกฎเหล็ก เรียกสมาชิกที่ไปร่วมกับ กปปส.ให้กลับพรรค และกลับมาทำหน้าที่สมาชิกพรรคในระบบรัฐสภา ส่วนการปฏิรูปตามที่นายอภิสิทธิ์ต้องการ ขอให้เสนอเป็นนโยบายและนำไปหาเสียง พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยว่าเมื่อเลือกตั้งแล้วต้องมีการปฏิรูป
“การที่นายสุเทพระบุว่าต้องปฏิรูปก่อน เป็นคำพูดที่เหิมเกริม หากนายอภิสิทธิ์ยังเดินตามอีกกี่ปีจะปฏิรูปได้ การปฏิรูปคือการเปลี่ยนแปลงซึ่งกระทบทุกภาคส่วน ดังนั้นต้องให้ประชาชนซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียมามีส่วนร่วมซึ่งต้องใช้เวลา การปฏิรูปของนายสุเทพเป็นเพียงการปฏิวัติรัฐประหาร การปฏิรูปต้องมีกฎหมายและตัวแทนผ่านสภาฯ ดังนั้น หากไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกันต้องเลือกตั้งก่อนแล้วมาปฏิรูป โดยการลงสัตยาบันก่อนการเลือกตั้ง จะเป็นการหาทางออกมากกว่าการเดินสายสร้างภาพ การเดินสายแค่ 10 วันไม่มีทางสำเร็จหรอก วันนี้พรรคเพื่อไทยและนายกฯ พร้อมคุยกับนายอภิสิทธิ์ ดังนั้นขอให้ดำเนินการตามข้อเสนอของผม” นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณี พล.อ.สายหยุด เกิดผล และคณะรัฐบุคคล ออกมาให้ข่าวว่าได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อเสนอพิมพ์เขียวให้รัฐบุรุษดำเนินการเสนอทางแก้ปัญหา โดยล่าสุด พล.ท.พิษณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ นายทหารคนสนิท พล.อ.เปรมออกมาปฏิเสธ โดยระบุว่าเข้าพบจริงแต่ พล.อ.เปรมไม่เห็นด้วยว่า แปลกที่อดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ อยู่ในมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อการเลือกตั้ง แต่กลับเคลื่อนไหวข้อเสนอที่อยู่นอกรัฐธรรมนูญและขัดต่อกฎหมาย ทั้งนี้ บ้านเมืองมีปัญหา ประชาชนอยากลงบันไดเพื่อไปเลือกตั้ง แต่ พล.อ.สายหยุดพยายามพาประชาชนกระโดดหน้าต่าง ที่สำคัญเป็นการกระทำที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และองคมนตรีอยู่เหนือการเมืองเป็นเรื่องไม่สมควร
“พล.อ.สายหยุดจะเสียคนตอนแก่ กลายเป็นโมฆบุรุษไปแล้ว การเมืองต้องแก้ด้วยนักการเมือง ผมเชื่อว่า พล.อ.สายหยุดและคณะรัฐบุคคล น่าจะเป็นร่างทรงของกลุ่มคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และน่าจะมีนัยยะทางการเมือง ดังนั้นขอให้เลิกทำตัวเป็นร่างทรง เลิกเสนอนายกฯ มาตรา 7 เพราะเป็นการกระทำนอกรัฐธรรมนูญ ต่างชาติไม่ยอมรับ และเป็นการซ้ำเติมความขัดแย้ง พล.อ.สายหยุดควรหันมาสนับสนุน กกต.ให้จัดการเลือกตั้งโดยเร็ว และขอให้พรรคประชาธิปัตย์มาลงเลือกตั้ง ดูแล้วจะสมเหตุสมผลมากกว่า” นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มการ์ด กปปส.ทำร้ายประชาชนว่า ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมามีข่าวการ์ด กปปส.ทำร้ายประชาชน ถูกมัดมือเท้าจับโยนลงน้ำ ล่าสุดมีตำรวจสันติบาล 4 นายถูกทำร้ายขณะหาข่าวบริเวณสวนลุมฯ และที่สำคัญมีการ์ด กปปส.บริเวณแจ้งวัฒนะ ทำร้าย พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล รองผู้อำนวยการกองวิเทศสัมพันธ์ สำนักวิเทศสัมพันธ์ กรมข่าวทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย (กวส.สวส.ขว.) ขณะกลับบ้านว่า นี่เป็นการประจานว่าการ์ดมีอาวุธ ตนได้รับข้อมูลมาว่าการ์ดอาสา 3 พันกว่านายรวมสามเวที ทั้งสวนลุมฯ ทำเนียบ และแจ้งวัฒนะ โดย 1 ใน 3 ประมาณ 1 พันคนเป็นกองกำลังติดอาวุธ เห็นได้ชัดว่าขนาดประชาชน ตำรวจ และล่าสุดนายทหารชั้นผู้ใหญ่กลับบ้านยังถูกทำร้าย และเมื่อไปดูข้อมูลกลุ่มการ์ดเหล่านี้น่าจะมีเจ้าหน้าที่นอกแถว เมื่อมีเหตุก็กลายเป็นไอ้โม่งและติดอาวุธทันทีที่มีการเคลื่อนไหวเวลาปะทะ สอดคล้องงกับการตั้งข้อสังเกตของ พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สํานักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ที่ระบุว่าการที่มีการใช้ความรุนแรงเพราะมีทหารเข้ามาเกี่ยวข้องมากไปหรือไม่ ดังนั้นขอเรียกร้องไปยัง ผบ.สส.และ ผบ.ทุกเหล่าทัพให้ออกมาปกป้องศักดิ์ศรีกองทัพ ขอให้ออกเป็นประกาศหรือคำสั่งว่าถ้ามีทหารคนไหนออกมาร่วมเป็นการ์ด ขอให้ตรวจอบและเอาผิด เพราะขนาดทหารชั้นผู้ใหญ่ยังถูกทำร้ายสาหัส หากเป็นประชาชนคงถูกทำร้ายเสียชีวิตไปแล้ว เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ
“จากการตรวจสอบพบว่าคนที่เป็นการ์ดมีหมายจับคดีต่างๆ เช่น ยักยอกทรัพย์ จำหน่ายยาเสพติด คดีพยายามฆ่าผู้อื่น เป็นต้น มากถึง 19 ราย ดังนั้นขอให้ทหารและตำรวจสนธิกำลังกันตรวจสอบคนเหล่านี้ ผมไม่แปลกใจที่ กปปส.ชุมนุมมา 5 เดือนกว่าความนิยมลดลง เพราะประชาชนเริ่มรับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้แต่เสียงที่พูดออกมาดังยังไม่พอ” นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ได้รับทราบข้อมูลล่าสุดต้องถามนายอภิสิทธิ์ว่าแกล้งทะเลาะกับนายสุเทพแบ่งบทกันเล่นตามทฤษฎีสมคบคิดใช่หรือไม่ โดยรู้กันเพื่อเรียกภาพลักษณ์ที่ดีของพรรคประชาธิปัตย์กลับคืนมา หลังกระแสประชาชนรับไม่ได้ที่พรรคประชาธิปัตย์บอยคอตเลือกตั้ง โดยนายสุเทพทำตัวเป็นผู้ร้าย ให้นายอภิสิทธิ์ทำตัวเป็นเป็นพระเอก แบ่งบทกันเล่นเพื่อรักษาพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้ ทั้งนี้ การเดินสายเพียงเพื่อฟอกตัวหรือไม่ เพราะองค์กรอิสระใกล้จะชี้ชะตานายกฯ นายอภิสิทธิ์รู้อะไรมาหรือไม่เลยชิงเดินสายหาทางออกก่อน เพราะข้อหาฉกรรจ์ที่พรรคประชาธิปัตย์แก้ไม่หลุด คือการบอยคอตการเลือกตั้งจนทำให้เกิดวิกฤติจนการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ดังนั้นขอให้เลิกเล่นละครการเมือง หยุดสร้างภาพหาคะแนนเสียที เพราะไม่เกิดประโยชน์ ประชาชนไม่ได้โง่
ด้านนายอุดมเดช รัตนเสถียร คณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ที่มีกระแสข่าวออกมาว่า นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพมีการพูดคุยเตรียมกันมาจะมีการแบ่งบทกันเล่น นายสุเทพเล่นบทผู้ร้ายไม่เอาการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์เล่นบทพระเอกต้องการให้เกิดการเลือกตั้ง เพราะอาจมีการรู้ธงมาจากองค์กรอิสระในการพิจารณาคดีของ น.ส.ยิ่งลักษ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมนั้น ว่า การออกมาเดินสายเจรจากับฝ่ายต่างๆของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนี้มีการหวังผลทางการเมืองมากอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ มีการสนับสนุนเคลื่อนไหวที่สอดคล้องสนับสนุนกันกับข้อเสนอของ กปปส.เพราะคนที่เป็นแกนนำ กปปส.ก็เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งตลอด เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเป็นไปได้จะให้เกิดการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ก็เลยต้องฉีกออกมาเล่นบทว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยและรัฐสภา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ กปปส.และพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาเรียกร้องต้องการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นแนวทางว่าเมื่อเกิดการปฏิรูปขึ้นไม่รู้กี่ปีจะแล้วเสร็จ เพราะหากจะแช่แข็งประเทศไปเรื่อยๆ โดยไม่การเลือกตั้งนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ถ้ามีการเลือกตั้งโดยที่ทุกพรรคการเมืองเข้ามาต่อสู้ในระบอบรัฐสภาแล้วเมื่อเห็นว่าต้องการจะปฏิรูปเปลี่ยนแปลงอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศก็สามารถทำได้และต้องอยู่ในกรอบของความถูกต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ