xs
xsm
sm
md
lg

ขึ้นเอฟที10สต. ค่าไฟทุบสถิติ หน่วยละ3.96บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-เรกูเลเตอร์เคาะขึ้นค่าไฟงวดพ.ค.-ส.ค.อีก 10 สตางค์ต่อหน่วย จากที่ต้องปรับขึ้น13.94สตางค์ โดยส่วนที่เหลือให้ กฟผ. แบกรับภาระไปก่อน ส่งผลให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟรวม 3.96บาทต่อหน่วย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชี้ต้นทุนหลักมาจากก๊าซขยับราคา ขณะที่ราคาแอลพีจีครัวเรือน เดือน พ.ค. ขยับต่ออีก50สต.ต่อกก.
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) เปิดเผยว่า เรกูเลเตอร์ได้เห็นชอบการคำนวณค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือเอฟที งวดพ.ค.ส.ค.2557 ที่จะต้องปรับเพิ่มขึ้น13.94 สตางค์ต่อหน่วย แต่เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจึงให้ปรับขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย โดยค่าเอฟทีจะอยู่ที่ 69สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฐานจะส่งผลให้ค่าไฟอยู่ที่ 3.96 บาทต่อหน่วย ซึ่งยอมรับว่าเป็นอัตราค่าไฟที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์
"เอฟทีงวดนี้ จริงๆ จะต้องขึ้น 13.94 สตางค์ต่อหน่วย หรือเอฟทีจะปรับขึ้นจาก59สตางค์ต่อหน่วยไปอยู่ที่ 72.94สตางค์ต่อหน่วย แต่ได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระไว้ 3.94สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นเงิน 2,247 ล้านบาท โดยจะนำส่วนนี้ ไปเกลี่ยในงวดถัดไป ซึ่งงวดหน้ามีโอกาสปรับขึ้น คิดว่าน่าจะไม่มาก แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ เพราะปัจจัยค่าบาทที่คาดว่าจะแข็งค่าขึ้น"นายดิเรกกล่าว
สำหรับสาเหตุที่ค่าไฟปรับขึ้น มาจากการใช้ก๊าซธรรมชาติในสัดส่วนที่จะเพิ่มขึ้นจากงวดก่อนประมาณ2,000 ล้านหน่วย เป็น 4.06 หมื่นล้านหน่วย และราคาก๊าซฯ ยังปรับสูงขึ้นอีก 9.11 บาทต่อล้านบีทียู จาก316.88 บาทต่อล้านบีทียู เป็น 325.99 บาทต่อล้านบีทียู ชณะที่การผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันเตามีต้นทุนเพิ่มขึ้น 246 ล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าลง 0.12 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ก็มีผลให้ค่าไฟโดยรวมเพิ่มขึ้น
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่า กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. รับได้ที่จะต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าไฟดังกล่าว เนื่องจาก กฟผ. มีภาระที่จะต้องลงทุนสายส่ง และโรงไฟฟ้าให้เป็นไปตามแผน ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนนวนมาก ซึ่งในงวดนี้ ค่าไฟเพิ่มสูงขึ้นจากราคาก๊าซฯ เป็นหลัก และงวดที่ผ่านมา มีความโชคดีที่การผลิตไฟจากน้ำมาก ทำให้ต้นทุนต่ำ แต่งวดนี้การผลิตไฟจากน้ำค่อนข้างต่ำ เพราะมีการใช้น้ำมากกว่าแผน โดยเฉพาะในเขื่อนสิริกิต์และภูมิพลที่ล่าสุดมีน้ำเหลือใช้เพียง20% หากฝนมาล่าช้าก็อาจกระทบต่อน้ำต้นทุนได้
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กล่าวว่า วันที่ 1 พ.ค.นี้ แอลพีจีครัวเรือนจะต้องปรับขึ้นอีก50สตางค์ต่อกิโลกรัม (กก.) ส่งผลให้ราคาแอลพีจีครัวเรือนมีการปรับขึ้นแล้วรวม 4.50 บาทต่อกก. โดยราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนจะอยู่ที่ 22.63 บาทต่อกก. ขณะที่ราคาแอลพีจีภาคขนส่งยังคงตรึงอยู่ที่ 21.38 บาทต่อกก. ทำให้ราคาแอลพีจีครัวเรือนสูงกว่าขนส่งถึง 1.25 บาทต่อกก.
"กรมธุรกิจพลังงานเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันการใช้ผิดประเภท ซึ่งที่ผ่านมา ก็พยายามประชาสัมพันธ์ว่ามีความผิดมาก ถ้านำถังแอลพีจีครัวเรือนไปเติมปั๊มแก๊ส โดยมองว่าระดับราคาที่น่าห่วงน่าจะเป็นราคาที่ต่างกันประมาณ2บาทต่อกก.ไปแล้ว"นายชิษณุพงศ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น