เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (29 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายชำนิ ศักดิ์ดิเศรษฐ นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรค นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรค และ น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ นายทะเบียนพรรคฯ เข้าหารือกับ กกต. ที่ห้องประชุมชั้น 9 สำนักงานกกต. เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ โดยมี นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นายบุญส่ง น้อยโสภณ นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ และนายประวิช รัตนเพียร กรรมการกกต.ให้การต้อนรับ
หลังการหารือ นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ได้มีการแลกเปลี่ยนสถานการณ์บ้านเมือง และสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไป รวมทั้งขยายความสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำเรื่องถึงกกต. ว่า เป้าหมายการจัดการเลือกตั้งต่อไป ควรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน พร้อมเสนอแนวทางการปฏิรูปให้กกต. ที่มีอำนาจจัดเลือกตั้ง แต่ปัญหาใหญ่คือ กกต. และตนเห็นตรงกันว่า บรรยากาศบ้านเมืองในขณะนี้จะทำให้การเลือกตั้งประสบความสำเร็จนั้นยาก แต่การจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไป ต้องไม่เป็นโมฆะแบบวันที่ 2 ก.พ.
อย่างไรก็ตาม กกต. จะนำเรื่องที่หารือกับตน ไปสะท้อนต่อรัฐบาลที่จะหารือกันวันที่ 30 เม.ย. โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรรับฟังความเห็นที่ตนหารือกับกกต. เพื่อนำไปพิจารณา อย่าเพิ่งปิดโอกาสโดยการยึดติดว่า ต้องเร่งรัดให้เลือกตั้งโดยเร็ว
ต่อข้อถามว่า กปปส. ที่เป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาล และประกาศไม่เอาแนวทางอะไรทั้งสิ้น การเดินสายหารือจะเป็นประโยชน์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อเสนอในสิ่งที่นำเสนอ จึงขอว่า อย่าเพิ่งปฏิเสธ ซึ่งข้อเสนอของตนปลายทางคือ การปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญ ที่มีกฎหมายรองรับ และเข้าใจว่าทุกฝ่ายห่วงใยว่าข้อเสนออาจมีปัญหา หรือจุดอ่อน แต่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปิดจุดอ่อน หรือทางเลือก ซึ่งจะเดินอย่างไรจะดูตามความเหมาะสม ให้นำไปสู่ความสำเร็จ
เมื่อถามว่าได้หารือให้ชะลอการออกพ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า การที่จะมีพ.ร.ฎ. โดยไม่มีการสร้างความมั่นใจในการเลือกตั้ง ประเทศจะไม่หลุดจากความขัดแย้ง และการเลือกตั้งจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของคำตอบ ถ้าเลือกตั้งเร็ว แล้วขัดแย้งกันต่อ แต่เลือกตั้งช้าแล้วมีคำตอบ ตนมั่นใจว่า คนส่วนใหญ่จะเลือกให้เลือกตั้งช้า แต่เรียบร้อย
ต่อข้อถามว่า ถ้าฝ่ายต่างๆ ตอบรับข้อเสนอ พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคก็ต้องตอบรับ ทั้งนี้หลังจากที่เดินสายพบปะกับพรรคการเมืองต่างๆ เสร็จแล้วนั้น ก็จะรวบรวมข้อเสนอทั้งหมดที่คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้ 2-3 วัน เพื่อนำไปหารือกับรัฐบาล ส่วนข้อเสนอที่ออกมานั้นจะให้ถูกใจทุกฝ่าย ไม่ใช่กระบวนการที่ง่าย แต่ขอให้รัฐบาลอย่าปิดโอกาส โดยให้นำข้อเสนอต่างๆไปพิจารณาด้วย ซึ่งตนเสนอตามกรอบ และทำให้ภาวะของบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติให้มากที่สุด ยืนยันว่าการดำเนินการเรื่องนี้ไม่มีการเจรจาต่อรองอะไรทั้งสิ้น และการเจรจาแต่ละครั้ง ทำอย่างเปิดเผย
สำหรับการหารือกับรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยนั้น เห็นว่ารัฐบาลแและพรรคเพื่อไทย อยู่ในวิสัยเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ตนระมัดระวังกับฝ่ายตรงข้าม เพราะมีการตั้งข้อสังเกตุว่า การกระทำของตนมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ทำให้ต้องพิจารณารูปแบบที่ทำให้คนทุกฝ่ายสบายใจ
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวให้กำลังใจการทำงาน และพร้อมที่จะหารือด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ สนใจ และอยากให้ตนทำงาน ก็ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ เมื่อตนเสนอข้อเสนอไปแล้ว หรือระหว่างที่ยังไม่ทำข้อเสนอไปนี้ ก็ต้องไม่ปิดทางเลือกนี้ เพราะจะเกี่ยวพันกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง โดยต้องให้โอกาสจริงๆ และ ท่าทีของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ต้องสอดคล้องกับสิ่งที่พูดด้วย และต้องเป็นการพบปะที่เปิดเผยเพราะงานนี้ต้องไม่มีลักษณะการไปพบปะอะไรกันลับๆ
** กกต.ขอทุกฝ่ายฟัง"มาร์ค"ก่อน
ด้านนายศุภชัย กล่าวว่า การพูดคุยในครั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเนื้อหาที่นายอภิสิทธิ์ มาเสนอให้กกต.รับทราบในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยการเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ. แต่ไม่ได้มีการพูดคุยถึงเนื้อหาของการเลือกตั้งส.ส.ในครั้งหน้า ว่าพรรคปชป. จะลงรับสมัครเลือกตั้งหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นจากทางตันได้ และส่งผลให้บรรยากาศการเลือกตั้งมีความสงบมากขึ้น โดยขอให้ทุกฝ่ายให้โอกาสต่อการแสดงท่าทีของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ อย่างพึ่งตำหนิ หรือวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งกกต.ก็พร้อมที่จะรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย
**เสนอ 8 ประเด็นปฏิรูปเลือกตั้ง
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ได้เสนอแนวทางการปฏิรูปการเลือกตั้ง 8 ประเด็น โดย กกต.รับทราบข้อเสนอ ซึ่งภาพรวมเป็นข้อเสนอที่เกี่ยวกับการปฏิรูปกลไกการบริหารจัดการเลือกตั้ง ที่อยู่ในอำนาจของ กกต. เช่น การบริหารจัดการเลือกตั้ง การแข่งขันให้การเลือกตั้งที่เป็นธรรม และการบริหารจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า ที่ยังมีปัญหาอุปสรรคอยู่หลายประการ ซึ่งกกต. เห็นตรงกันว่า ควรแก้ไขกฎระเบียบ หรือประกาศต่างๆ ของกกต. ตามที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ได้หารือกับด้านบริหารงานเลือกตั้งทั้ง 13 ข้อ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหลักการสำคัญ ต้องคำนึงถึงการเลือกตั้งที่สงบเรียบร้อย สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน สามารถทำให้ ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์มากกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา จนทำให้มีสภาได้
นายภุชงค์ กล่าวต่อว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้เสนอว่า ที่ผ่านมาการนำเสนอนโยบายต่างๆ ของพรรคการเมือง เมื่อได้เป็นรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายได้ จึงอยากให้ กกต.แก้ไขระเบียบว่า หากทำไม่ได้ตามนโยบายจะถือว่าขัดต่อระเบียบกกต. อาจมีผลต่อการสั่งเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้ง รวมทั้งยังเสนอให้ กกต.พิจารณาให้ใบเหลือง ใบแดง แก่ผู้สมัครที่ทำผิดกฎหมายภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง เพราะเห็นว่าหากผู้สมัครสามารถเข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ การดำเนินคดีก็เป็นเรื่องยาก จากนั้นค่อยจัดการเลือกตั้งซ่อมหลังจาก 1 เดือน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่กกต.จะต้องรับไว้พิจารณา
"ประธาน กกต.ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ขอเชิญชวนให้พรรคประชาธิปัตย์ ลงเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะเห็นว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง เหตุการณ์ก็คงจะเรียบร้อย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ยังไม่ได้ตอบตกลงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ได้ติดใจเรื่องการที่ กกต.จะจัดเลือกตั้งในวันที่ 20 ก.ค. เพียงแต่ แสดงความเป็นห่วงในเรื่องความสงบเรียบร้อย" เลขาธิการ กกต. กล่าว
**"บรรหาร"ย้ำต้องเลือกตั้งให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายอภิสิทธิ์ หารือกับกกต.แล้ว ในช่วงบ่ายได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อหารือกับ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา โดยหลังร่วมหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ เผยว่า ตนได้บอกวัตถุประสงค์ว่าต้องการแลกเปลี่ยนประเมินสถานการณ์ และแนวทางของตนในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งจากการสนทนาค่อนข้างเห็นตรงกันถึงสถานการณ์ความขัดแย้งว่า มีขัดแย้งสูง และเปราะบางหากปล่อยให้ดำเนินต่อไปเช่นนี้ จะมีความเสียหายมากขึ้น จึงหารือว่า ความคิดที่รัฐบาลกำลังดำเนินการกับ กกต.ในการประกาศวันเลือกตั้งใหม่โดยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านอื่น จะเป็นอย่างไร เพราะตนและพรรคประชาธิปัตย์ มีความห่วงใยว่าไม่สามารถทำให้บ้านเมืองพ้นสภาพวิกฤตได้ ซึ่งทางพรรคชาติไทยพัฒนา ก็มีความห่วงใยว่าถ้าการเลือกตั้งยังอยู่ในบรรยากาศเดิมจะสำเร็จหรือไม่ ตนจึงขอโอกาสเสนอแนวทางความคิด ที่อาจจะเป็นคำตอบให้กับประเทศ ซึ่งทางพรรคชาติไทยพัฒนา ก็เอาใจช่วย และพร้อมให้โอกาสว่า จะมีแนวทางหรือทางเลือกอื่นหรือไม่อย่างไร
ด้านนายบรรหาร กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนา หารือถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป ยอมรับว่ามีความห่วงใยว่าจะเดินหน้าได้หรือไม่ แต่เป็นหน้าที่ของกกต.ที่ต้องเดินหน้าต่อไป หากไม่ทำอาจจะถูกฟ้องร้องได้ ซึ่งตนขอเอาใจช่วยนายอภิสิทธิ์ ให้ทำสำเร็จ ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใดก็แล้วแต่ เพื่อคลี่คลายปัญหาบ้านเมืองให้เรียบร้อย การเดินทางมาหารือเป็นเรื่องที่ดีที่ได้พูดคุยในรายละเอียดต่างๆ ซึ่งบางเรื่องก็เห็นตรงกันแต่บางเรื่องต้องว่ากันอีกทีว่า จะทำอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ นายบรรหาร พยายามย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า กกต.ต้องจัดเลือกตั้ง และพรรคต้องลงสมัคร แต่ถ้าการเลือกตั้งไม่เรียบร้อย ก็เป็นหน้าที่ที่กกต.ต้องหาทางแก้ไข
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนา มีแนวทางอย่างไรที่จะให้สถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลาย นายบรรหาร กล่าวว่า ยังไม่มี แม้ก่อนหน้านี้ จะเคยเดินสายเจรจากับฝ่ายต่างๆ แต่ถือว่าจบไปแล้ว โดยในขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง แต่ก็มีความเป็นห่วงบ้างพอสมควร และไม่สามารถบอกได้ว่าปัญหาจะจบภายในเดือนนี้ หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ นายบรรหาร พยายามหลีกเลี่ยง ที่จะไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับจุดยืนในเรื่องการปฏิรูปประเทศ โดยย้ำแต่ว่าต้องมีการเลือกตั้ง ทำให้ผู้สื่อข่าวถามนายอภิสิทธิ์ ว่า หลังจากฟังคำสัมภาษณ์ของนายบรรหารแล้ว มีความมั่นใจหรือไม่ว่าจะปฏิรูปประเทศได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับข้อเสนอของตน ว่าทุกฝ่ายยอมรับหรือไม่ ผู้สื่อข่าวแย้งว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ระบุว่าก่อนเลือกตั้งบ้านเมืองต้องสงบ แต่นายบรรหารกลับย้ำว่า การเลือกตั้งไม่ผูกพันกับบรรยากาศบ้านเมือง จะเชื่อมโยงกันได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากที่หารือกับ กกต.ก็ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงว่าการเลือกตั้งจะเป็นปัญหาหรือไม่ แต่เป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องเดินต่อไป ซึ่งตนได้สะท้อนว่าหากเดินหน้าต่อเป็นเรื่องยาก ที่จะเป็นคำตอบให้กับประเทศ โดย กกต.รับปากว่าจะสะท้อนสิ่งนี้ให้รัฐบาลทราบ
** "สุวัจน์"ยอมรับภาพลักษณ์นักการเมืองแย่
จากนั้นคณะของนายอภิสิทธิ์ เดินทางไปพบ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา โดยนายสุวัจน์ กล่าวภายหลังการหารือว่า การเดินสายหาทางออกให้ประเทศของนายอภิสิทธิ์ เป็นเรื่องที่ควรสนับสนุน และเห็นว่าไม่มีใครปฏิเสธการเลือกตั้ง แต่มีข้อถกเถียงว่าจะเลือกก่อน หรือหลังปฏิรูป วิธีที่ดีที่สุดคือการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้งต่างๆ เพื่อให้อุปสรรคหมดไป เช่น ปัญหาการเลือกตั้งต้องถือว่า กกต.คือผู้รับผิดชอบที่ต้องไปพูดคุยกับทุกฝ่าย นักการเมืองเหมือนนักกีฬา เมื่อกรรมการเป่านกหวีดให้ไปสมัคร เราก็ต้องไป ส่วนจะเกิดปัญหาซ้ำรอยวันที่ 2 ก.พ.หรือไม่ เป็นเรื่องของกกต.ไม่ใช่หน้าที่พรรคการเมืองที่จะต้องไปดูแลการเลือกตั้ง โดยพรรคทำเฉพาะในส่วนที่รับผิดชอบ เช่น มีหน้าที่ไปเลือกตั้งอยู่ในกติกา แต่หาก กกต.ขอความร่วมมืออะไรก็ยินดีให้ความร่วมมือ
เมื่อถามว่า หน้าที่พรรคการเมืองมีแค่การไปเลือกตั้งหรือ นายสุวัจน์ กล่าวว่า มีอะไรที่พูดคุยได้ก็ต้องช่วยกัน เพื่อลดทอนปัญหา โดยต้องทำให้เกิดความชอบธรรม มีความเสียหายน้อยที่สุด เพื่อให้ได้รับการยอมรับ ถามต่อว่าอะไรคือความชอบธรรมในการเลือกตั้งขณะที่ประชาชนไม่มีความมั่นใจต่อนักการเมืองในการปฏิรูปประเทศ นายสุวัจน์ กล่าวว่า คือการเลือกตั้งที่เรียบร้อยประชาชนให้การยอมรับผลการเลือกตั้ง เวลานี้จำเป็นต้องหารือ เพื่อให้ได้ข้อสรุปซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า การเลือกตั้งเป็นทางออก การปฏิรูปเป็นสิ่งที่จำเป็น จึงต้องหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติ แต่ยอมรับว่าปัญหาภาพลักษณ์ของนักการเมือง มีส่วนสำคัญเพราะหากไม่ได้รับการยอมรับจะมีผลเสียหาย ในส่วนของตนมีอะไรจะช่วยให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับนักการเมือง ก็พยายามทำ เช่น กรณีนายอภิสิทธิ์ พยายามจะเดินสายแก้ปัญหาประเทศ ก็เป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้คนมองนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองในทางที่ดีขึ้น แต่คงประเมินไม่ได้ว่าจะสำเร็จหรือได้รับความร่วมมือมากน้อยแค่ไหน แต่อยากให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งตนให้กำลังใจและจะช่วยเจรจาทำความเข้าใจให้คนเห็นไม่ตรงกันได้พูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคชาติพัฒนา นอกจากการร่วมรัฐบาลแล้วมีอะไรที่คิดว่าจะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติให้คลี่คลายวิกฤตบ้าง นายสุวัจน์ กล่าวอย่างอึกอักว่า ได้อธิบายไปแล้ว
** "มาร์ค"ไม่พบ กปปส.-รัฐบาล
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ สรุปการหารือว่า นอกจากจะพบกับพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนาแล้ว ยังได้หารือทางโทรศัพท์กับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ก็ได้รับคำยืนยันว่า มีการเสนอความเห็นในที่ประชุม กกต.ว่าการกำหนดวันเลือกตั้งพรรคยอมรับ แต่ให้ข้อสังเกตว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ควรมีหลักประกันความสำเร็จ คือเรียบร้อย และมีการหารือถึงปัญหาที่ไม่เรียบร้อยว่าต้องแก้ไข โดยเมื่อพรรคภูมิใจไทยทราบเจตนาของตนว่าต้องการเสนอทางออกเพื่อแก้ปัญหา ก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยต่อจากนี้ในวันนี้ (30 เม.ย.) จะหารือกับพรรคพลังชล เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์วัฒนธรรม หลังจากนั้นจะทำข้อเสนอ เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล และ กปปส. ที่เป็นคู่ขัดแย้งโดยไม่มีการเจรจาใดๆ กับใครทั้งสิ้น นอกจากทำข้อเสนอเพื่อเป็นทางออกให้แต่ละฝ่ายตัดสินใจ แต่ถ้าเขาอยากรู้รายละเอียด ตนก็พร้อมอธิบาย โดยภายในสัปดาห์นี้น่าจะสรุปข้อเสนอได้ส่วนจะได้รับการตอบรับหรือไม่ เป็นสิทธิของแต่ละฝ่าย
** "ปึ้ง"แนะแค่ปชป.ลงเลือกตั้งปัญหาจบ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบกับ กกต.ว่า หลังจาการเข้าพบ หวังว่านายอภิสิทธิ์ จะประกาศว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะเข้าร่วมการเลือกตั้ง โดยไม่มีข้อแม้ ถ้าประชาธิปัตย์ไม่บอยคอตการเลือกตั้ง ก็จะเป็นผลดี แสดงถึงความจริงใจที่ นายอภิสิทธิ์ จะมาเป็นตัวกลางผสานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศ รวมถึงปัดข้อครหาว่า นายอภิสิทธิ์ คอยรับคำสั่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. มาโดยตลอด นายอภิสิทธิ์ ต้องทำตัวให้เป็นไท อย่าไปขึ้นอยู่กับนายสุเทพ ประกาศลงเลือกตั้งชัดเจน รับรองจบ
**ดร.เสรี"ซัด"มาร์ค"พูดกำกวม
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน และหนึ่งในแนวร่วม กปปส. ได้ให้สัมภาษณ์ ทางสถานี วิทยุเอฟเอ็ม 101 Radio Report One ต่อกรณีการเดินสายหาทางออกประเทศไทย ของนายอภิสิทธิ์ ว่า โดยส่วนตัวไม่คิดว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นคนเลว หรือมีข้อตกลงลับอะไรกับใคร แต่เห็นว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ กำลังทำอยู่นั้น ไม่ถูกเวลา และขาดความชัดเจน
"การปฏิรูปภายใต้รัฐธรรมนูญควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง มีข้อจำกัด แปลว่าอะไร คุณอภิสิทธิ์ แปลว่าอะไร แปลว่า ตกลงคุณจะให้เลือกตั้งแล้วไปปฏิรูป แต่ถ้าเกิดเราฟังในรายการทีวี ลูกน้องแกเหมือนพยายามจะพูดว่า ก็จะมีบางอย่างเริ่มต้นปฏิรูปไปก่อน แล้วก็เลือกตั้ง หลังจากนั้นก็ให้มีความมั่นใจว่า หลังจากเลือกตั้งแล้วการปฏิรูปจะดำเนินการต่อไป ลูกน้องก็ตีความว่าอย่างนั้น แต่สำหรับมวลมหาประชาชน เราปักใจเชื่อแน่ว่า ถ้าจะปฏิรูปรอบนี้ ขออย่ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวมาข้องได้ไหม" ดร.เสรี กล่าว และ ว่านายอภิสิทธิ์ พูดจาแบบนักการเมือง คือกำกวม ให้ไปตีความเอาเองว่าหมายถึงอะไร
ส่วนการที่มีกระแสข่าวลือว่า นายอภิสิทธิ์ และลูกพรรคประชาธิปัตย์ ไปทำข้อตกลงกับฝ่ายระบอบทักษิณ ยกตัวอย่างเช่น “อ็อกซฟอร์ดดีล” เพื่อที่นายอภิสิทธิ์จะได้เป็นนายกฯ ชั่วคราวระยะเวลา 1 ปี หรืออะไรก็แล้วแต่ แม้ส่วนตัวจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่อาจห้ามสาธารณชนไม่ให้เชื่อข่าวลือดังกล่าวได้
ในประเด็นก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 นายอภิสิทธิ์ ให้เหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้ง ว่า เพราะเห็นว่านักการเมืองคือตัวปัญหา ที่ทำให้เกิดวิกฤตในบ้านเมือง พรรคประชาธิปัตย์จึงขอเว้นวรรค พอวันนี้นายอภิสิทธิ์ เดินสายหาทางออกให้ประเทศ จึงทำให้มีคนครหาว่า นายอภิสิทธิ์ อยากให้มีการเลือกตั้ง-อยากเป็นนายกฯ ขณะที่คนใกล้ชิด หรือคนที่เชียร์นายอภิสิทธิ์ ก็จะออกมาแก้ตัวว่า นายอภิสิทธิ์อาจจะโดนลูกพรรคที่อยากลงเลือกตั้งบีบ ทำให้นายอภิสิทธิ์ ต้องแสดงท่าทีเดินสายไกล่เกลี่ยกับทุกฝ่ายอยู่ในปัจจุบัน
" คุณอภิสิทธิ์ เดินผิดเส้น ผิดทาง เพราะความหยิ่งยโส อวดดี ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่ง ... อย่างพี่ยังมองแกดีข้อนึงว่า ในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านและเป็นอดีตนายกฯ จะนั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นแกลุกขึ้นมาทำน่ะดีแล้ว แต่ในยามวิกฤตอย่างนี้ต้องทำอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง โปร่งใส ไร้ความอยากรู้อยากเห็นจากสาธารณะ เผอิญสิ่งที่แกทำ มันขาดข้อนี้ มันเต็มไปด้วยความกำกวม มันเต็มไปด้วยความลับ มันเต็มไปด้วยข้อน่าสงสัย ไม่ประจักษ์แจ้ง มิหนำซ้ำคำพูดของแกยังตีความไปด้วยว่า แกอยากเลือกตั้งก่อนปฏิรูป" ดร.เสรี กล่าว และว่า ถ้าตนเข้าใจผิดก็ขออภัยด้วย แต่สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ทำอยู่ ณ ปัจจุบัน ไม่เป็นผลดีต่อตัวนายอภิสิทธิ์ แต่อย่างใด
หลังการหารือ นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ได้มีการแลกเปลี่ยนสถานการณ์บ้านเมือง และสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไป รวมทั้งขยายความสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำเรื่องถึงกกต. ว่า เป้าหมายการจัดการเลือกตั้งต่อไป ควรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน พร้อมเสนอแนวทางการปฏิรูปให้กกต. ที่มีอำนาจจัดเลือกตั้ง แต่ปัญหาใหญ่คือ กกต. และตนเห็นตรงกันว่า บรรยากาศบ้านเมืองในขณะนี้จะทำให้การเลือกตั้งประสบความสำเร็จนั้นยาก แต่การจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไป ต้องไม่เป็นโมฆะแบบวันที่ 2 ก.พ.
อย่างไรก็ตาม กกต. จะนำเรื่องที่หารือกับตน ไปสะท้อนต่อรัฐบาลที่จะหารือกันวันที่ 30 เม.ย. โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรรับฟังความเห็นที่ตนหารือกับกกต. เพื่อนำไปพิจารณา อย่าเพิ่งปิดโอกาสโดยการยึดติดว่า ต้องเร่งรัดให้เลือกตั้งโดยเร็ว
ต่อข้อถามว่า กปปส. ที่เป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาล และประกาศไม่เอาแนวทางอะไรทั้งสิ้น การเดินสายหารือจะเป็นประโยชน์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อเสนอในสิ่งที่นำเสนอ จึงขอว่า อย่าเพิ่งปฏิเสธ ซึ่งข้อเสนอของตนปลายทางคือ การปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญ ที่มีกฎหมายรองรับ และเข้าใจว่าทุกฝ่ายห่วงใยว่าข้อเสนออาจมีปัญหา หรือจุดอ่อน แต่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปิดจุดอ่อน หรือทางเลือก ซึ่งจะเดินอย่างไรจะดูตามความเหมาะสม ให้นำไปสู่ความสำเร็จ
เมื่อถามว่าได้หารือให้ชะลอการออกพ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า การที่จะมีพ.ร.ฎ. โดยไม่มีการสร้างความมั่นใจในการเลือกตั้ง ประเทศจะไม่หลุดจากความขัดแย้ง และการเลือกตั้งจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของคำตอบ ถ้าเลือกตั้งเร็ว แล้วขัดแย้งกันต่อ แต่เลือกตั้งช้าแล้วมีคำตอบ ตนมั่นใจว่า คนส่วนใหญ่จะเลือกให้เลือกตั้งช้า แต่เรียบร้อย
ต่อข้อถามว่า ถ้าฝ่ายต่างๆ ตอบรับข้อเสนอ พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคก็ต้องตอบรับ ทั้งนี้หลังจากที่เดินสายพบปะกับพรรคการเมืองต่างๆ เสร็จแล้วนั้น ก็จะรวบรวมข้อเสนอทั้งหมดที่คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้ 2-3 วัน เพื่อนำไปหารือกับรัฐบาล ส่วนข้อเสนอที่ออกมานั้นจะให้ถูกใจทุกฝ่าย ไม่ใช่กระบวนการที่ง่าย แต่ขอให้รัฐบาลอย่าปิดโอกาส โดยให้นำข้อเสนอต่างๆไปพิจารณาด้วย ซึ่งตนเสนอตามกรอบ และทำให้ภาวะของบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติให้มากที่สุด ยืนยันว่าการดำเนินการเรื่องนี้ไม่มีการเจรจาต่อรองอะไรทั้งสิ้น และการเจรจาแต่ละครั้ง ทำอย่างเปิดเผย
สำหรับการหารือกับรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยนั้น เห็นว่ารัฐบาลแและพรรคเพื่อไทย อยู่ในวิสัยเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ตนระมัดระวังกับฝ่ายตรงข้าม เพราะมีการตั้งข้อสังเกตุว่า การกระทำของตนมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ทำให้ต้องพิจารณารูปแบบที่ทำให้คนทุกฝ่ายสบายใจ
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวให้กำลังใจการทำงาน และพร้อมที่จะหารือด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ สนใจ และอยากให้ตนทำงาน ก็ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ เมื่อตนเสนอข้อเสนอไปแล้ว หรือระหว่างที่ยังไม่ทำข้อเสนอไปนี้ ก็ต้องไม่ปิดทางเลือกนี้ เพราะจะเกี่ยวพันกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง โดยต้องให้โอกาสจริงๆ และ ท่าทีของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ต้องสอดคล้องกับสิ่งที่พูดด้วย และต้องเป็นการพบปะที่เปิดเผยเพราะงานนี้ต้องไม่มีลักษณะการไปพบปะอะไรกันลับๆ
** กกต.ขอทุกฝ่ายฟัง"มาร์ค"ก่อน
ด้านนายศุภชัย กล่าวว่า การพูดคุยในครั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเนื้อหาที่นายอภิสิทธิ์ มาเสนอให้กกต.รับทราบในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยการเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ. แต่ไม่ได้มีการพูดคุยถึงเนื้อหาของการเลือกตั้งส.ส.ในครั้งหน้า ว่าพรรคปชป. จะลงรับสมัครเลือกตั้งหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นจากทางตันได้ และส่งผลให้บรรยากาศการเลือกตั้งมีความสงบมากขึ้น โดยขอให้ทุกฝ่ายให้โอกาสต่อการแสดงท่าทีของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ อย่างพึ่งตำหนิ หรือวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งกกต.ก็พร้อมที่จะรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย
**เสนอ 8 ประเด็นปฏิรูปเลือกตั้ง
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ได้เสนอแนวทางการปฏิรูปการเลือกตั้ง 8 ประเด็น โดย กกต.รับทราบข้อเสนอ ซึ่งภาพรวมเป็นข้อเสนอที่เกี่ยวกับการปฏิรูปกลไกการบริหารจัดการเลือกตั้ง ที่อยู่ในอำนาจของ กกต. เช่น การบริหารจัดการเลือกตั้ง การแข่งขันให้การเลือกตั้งที่เป็นธรรม และการบริหารจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า ที่ยังมีปัญหาอุปสรรคอยู่หลายประการ ซึ่งกกต. เห็นตรงกันว่า ควรแก้ไขกฎระเบียบ หรือประกาศต่างๆ ของกกต. ตามที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ได้หารือกับด้านบริหารงานเลือกตั้งทั้ง 13 ข้อ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหลักการสำคัญ ต้องคำนึงถึงการเลือกตั้งที่สงบเรียบร้อย สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน สามารถทำให้ ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์มากกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา จนทำให้มีสภาได้
นายภุชงค์ กล่าวต่อว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้เสนอว่า ที่ผ่านมาการนำเสนอนโยบายต่างๆ ของพรรคการเมือง เมื่อได้เป็นรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายได้ จึงอยากให้ กกต.แก้ไขระเบียบว่า หากทำไม่ได้ตามนโยบายจะถือว่าขัดต่อระเบียบกกต. อาจมีผลต่อการสั่งเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้ง รวมทั้งยังเสนอให้ กกต.พิจารณาให้ใบเหลือง ใบแดง แก่ผู้สมัครที่ทำผิดกฎหมายภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง เพราะเห็นว่าหากผู้สมัครสามารถเข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ การดำเนินคดีก็เป็นเรื่องยาก จากนั้นค่อยจัดการเลือกตั้งซ่อมหลังจาก 1 เดือน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่กกต.จะต้องรับไว้พิจารณา
"ประธาน กกต.ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ขอเชิญชวนให้พรรคประชาธิปัตย์ ลงเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะเห็นว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง เหตุการณ์ก็คงจะเรียบร้อย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ยังไม่ได้ตอบตกลงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ได้ติดใจเรื่องการที่ กกต.จะจัดเลือกตั้งในวันที่ 20 ก.ค. เพียงแต่ แสดงความเป็นห่วงในเรื่องความสงบเรียบร้อย" เลขาธิการ กกต. กล่าว
**"บรรหาร"ย้ำต้องเลือกตั้งให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายอภิสิทธิ์ หารือกับกกต.แล้ว ในช่วงบ่ายได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อหารือกับ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา โดยหลังร่วมหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ เผยว่า ตนได้บอกวัตถุประสงค์ว่าต้องการแลกเปลี่ยนประเมินสถานการณ์ และแนวทางของตนในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งจากการสนทนาค่อนข้างเห็นตรงกันถึงสถานการณ์ความขัดแย้งว่า มีขัดแย้งสูง และเปราะบางหากปล่อยให้ดำเนินต่อไปเช่นนี้ จะมีความเสียหายมากขึ้น จึงหารือว่า ความคิดที่รัฐบาลกำลังดำเนินการกับ กกต.ในการประกาศวันเลือกตั้งใหม่โดยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านอื่น จะเป็นอย่างไร เพราะตนและพรรคประชาธิปัตย์ มีความห่วงใยว่าไม่สามารถทำให้บ้านเมืองพ้นสภาพวิกฤตได้ ซึ่งทางพรรคชาติไทยพัฒนา ก็มีความห่วงใยว่าถ้าการเลือกตั้งยังอยู่ในบรรยากาศเดิมจะสำเร็จหรือไม่ ตนจึงขอโอกาสเสนอแนวทางความคิด ที่อาจจะเป็นคำตอบให้กับประเทศ ซึ่งทางพรรคชาติไทยพัฒนา ก็เอาใจช่วย และพร้อมให้โอกาสว่า จะมีแนวทางหรือทางเลือกอื่นหรือไม่อย่างไร
ด้านนายบรรหาร กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนา หารือถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป ยอมรับว่ามีความห่วงใยว่าจะเดินหน้าได้หรือไม่ แต่เป็นหน้าที่ของกกต.ที่ต้องเดินหน้าต่อไป หากไม่ทำอาจจะถูกฟ้องร้องได้ ซึ่งตนขอเอาใจช่วยนายอภิสิทธิ์ ให้ทำสำเร็จ ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใดก็แล้วแต่ เพื่อคลี่คลายปัญหาบ้านเมืองให้เรียบร้อย การเดินทางมาหารือเป็นเรื่องที่ดีที่ได้พูดคุยในรายละเอียดต่างๆ ซึ่งบางเรื่องก็เห็นตรงกันแต่บางเรื่องต้องว่ากันอีกทีว่า จะทำอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ นายบรรหาร พยายามย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า กกต.ต้องจัดเลือกตั้ง และพรรคต้องลงสมัคร แต่ถ้าการเลือกตั้งไม่เรียบร้อย ก็เป็นหน้าที่ที่กกต.ต้องหาทางแก้ไข
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนา มีแนวทางอย่างไรที่จะให้สถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลาย นายบรรหาร กล่าวว่า ยังไม่มี แม้ก่อนหน้านี้ จะเคยเดินสายเจรจากับฝ่ายต่างๆ แต่ถือว่าจบไปแล้ว โดยในขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง แต่ก็มีความเป็นห่วงบ้างพอสมควร และไม่สามารถบอกได้ว่าปัญหาจะจบภายในเดือนนี้ หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ นายบรรหาร พยายามหลีกเลี่ยง ที่จะไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับจุดยืนในเรื่องการปฏิรูปประเทศ โดยย้ำแต่ว่าต้องมีการเลือกตั้ง ทำให้ผู้สื่อข่าวถามนายอภิสิทธิ์ ว่า หลังจากฟังคำสัมภาษณ์ของนายบรรหารแล้ว มีความมั่นใจหรือไม่ว่าจะปฏิรูปประเทศได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับข้อเสนอของตน ว่าทุกฝ่ายยอมรับหรือไม่ ผู้สื่อข่าวแย้งว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ระบุว่าก่อนเลือกตั้งบ้านเมืองต้องสงบ แต่นายบรรหารกลับย้ำว่า การเลือกตั้งไม่ผูกพันกับบรรยากาศบ้านเมือง จะเชื่อมโยงกันได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากที่หารือกับ กกต.ก็ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงว่าการเลือกตั้งจะเป็นปัญหาหรือไม่ แต่เป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องเดินต่อไป ซึ่งตนได้สะท้อนว่าหากเดินหน้าต่อเป็นเรื่องยาก ที่จะเป็นคำตอบให้กับประเทศ โดย กกต.รับปากว่าจะสะท้อนสิ่งนี้ให้รัฐบาลทราบ
** "สุวัจน์"ยอมรับภาพลักษณ์นักการเมืองแย่
จากนั้นคณะของนายอภิสิทธิ์ เดินทางไปพบ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา โดยนายสุวัจน์ กล่าวภายหลังการหารือว่า การเดินสายหาทางออกให้ประเทศของนายอภิสิทธิ์ เป็นเรื่องที่ควรสนับสนุน และเห็นว่าไม่มีใครปฏิเสธการเลือกตั้ง แต่มีข้อถกเถียงว่าจะเลือกก่อน หรือหลังปฏิรูป วิธีที่ดีที่สุดคือการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้งต่างๆ เพื่อให้อุปสรรคหมดไป เช่น ปัญหาการเลือกตั้งต้องถือว่า กกต.คือผู้รับผิดชอบที่ต้องไปพูดคุยกับทุกฝ่าย นักการเมืองเหมือนนักกีฬา เมื่อกรรมการเป่านกหวีดให้ไปสมัคร เราก็ต้องไป ส่วนจะเกิดปัญหาซ้ำรอยวันที่ 2 ก.พ.หรือไม่ เป็นเรื่องของกกต.ไม่ใช่หน้าที่พรรคการเมืองที่จะต้องไปดูแลการเลือกตั้ง โดยพรรคทำเฉพาะในส่วนที่รับผิดชอบ เช่น มีหน้าที่ไปเลือกตั้งอยู่ในกติกา แต่หาก กกต.ขอความร่วมมืออะไรก็ยินดีให้ความร่วมมือ
เมื่อถามว่า หน้าที่พรรคการเมืองมีแค่การไปเลือกตั้งหรือ นายสุวัจน์ กล่าวว่า มีอะไรที่พูดคุยได้ก็ต้องช่วยกัน เพื่อลดทอนปัญหา โดยต้องทำให้เกิดความชอบธรรม มีความเสียหายน้อยที่สุด เพื่อให้ได้รับการยอมรับ ถามต่อว่าอะไรคือความชอบธรรมในการเลือกตั้งขณะที่ประชาชนไม่มีความมั่นใจต่อนักการเมืองในการปฏิรูปประเทศ นายสุวัจน์ กล่าวว่า คือการเลือกตั้งที่เรียบร้อยประชาชนให้การยอมรับผลการเลือกตั้ง เวลานี้จำเป็นต้องหารือ เพื่อให้ได้ข้อสรุปซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า การเลือกตั้งเป็นทางออก การปฏิรูปเป็นสิ่งที่จำเป็น จึงต้องหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติ แต่ยอมรับว่าปัญหาภาพลักษณ์ของนักการเมือง มีส่วนสำคัญเพราะหากไม่ได้รับการยอมรับจะมีผลเสียหาย ในส่วนของตนมีอะไรจะช่วยให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับนักการเมือง ก็พยายามทำ เช่น กรณีนายอภิสิทธิ์ พยายามจะเดินสายแก้ปัญหาประเทศ ก็เป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้คนมองนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองในทางที่ดีขึ้น แต่คงประเมินไม่ได้ว่าจะสำเร็จหรือได้รับความร่วมมือมากน้อยแค่ไหน แต่อยากให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งตนให้กำลังใจและจะช่วยเจรจาทำความเข้าใจให้คนเห็นไม่ตรงกันได้พูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคชาติพัฒนา นอกจากการร่วมรัฐบาลแล้วมีอะไรที่คิดว่าจะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติให้คลี่คลายวิกฤตบ้าง นายสุวัจน์ กล่าวอย่างอึกอักว่า ได้อธิบายไปแล้ว
** "มาร์ค"ไม่พบ กปปส.-รัฐบาล
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ สรุปการหารือว่า นอกจากจะพบกับพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนาแล้ว ยังได้หารือทางโทรศัพท์กับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ก็ได้รับคำยืนยันว่า มีการเสนอความเห็นในที่ประชุม กกต.ว่าการกำหนดวันเลือกตั้งพรรคยอมรับ แต่ให้ข้อสังเกตว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ควรมีหลักประกันความสำเร็จ คือเรียบร้อย และมีการหารือถึงปัญหาที่ไม่เรียบร้อยว่าต้องแก้ไข โดยเมื่อพรรคภูมิใจไทยทราบเจตนาของตนว่าต้องการเสนอทางออกเพื่อแก้ปัญหา ก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยต่อจากนี้ในวันนี้ (30 เม.ย.) จะหารือกับพรรคพลังชล เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์วัฒนธรรม หลังจากนั้นจะทำข้อเสนอ เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล และ กปปส. ที่เป็นคู่ขัดแย้งโดยไม่มีการเจรจาใดๆ กับใครทั้งสิ้น นอกจากทำข้อเสนอเพื่อเป็นทางออกให้แต่ละฝ่ายตัดสินใจ แต่ถ้าเขาอยากรู้รายละเอียด ตนก็พร้อมอธิบาย โดยภายในสัปดาห์นี้น่าจะสรุปข้อเสนอได้ส่วนจะได้รับการตอบรับหรือไม่ เป็นสิทธิของแต่ละฝ่าย
** "ปึ้ง"แนะแค่ปชป.ลงเลือกตั้งปัญหาจบ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบกับ กกต.ว่า หลังจาการเข้าพบ หวังว่านายอภิสิทธิ์ จะประกาศว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะเข้าร่วมการเลือกตั้ง โดยไม่มีข้อแม้ ถ้าประชาธิปัตย์ไม่บอยคอตการเลือกตั้ง ก็จะเป็นผลดี แสดงถึงความจริงใจที่ นายอภิสิทธิ์ จะมาเป็นตัวกลางผสานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศ รวมถึงปัดข้อครหาว่า นายอภิสิทธิ์ คอยรับคำสั่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. มาโดยตลอด นายอภิสิทธิ์ ต้องทำตัวให้เป็นไท อย่าไปขึ้นอยู่กับนายสุเทพ ประกาศลงเลือกตั้งชัดเจน รับรองจบ
**ดร.เสรี"ซัด"มาร์ค"พูดกำกวม
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน และหนึ่งในแนวร่วม กปปส. ได้ให้สัมภาษณ์ ทางสถานี วิทยุเอฟเอ็ม 101 Radio Report One ต่อกรณีการเดินสายหาทางออกประเทศไทย ของนายอภิสิทธิ์ ว่า โดยส่วนตัวไม่คิดว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นคนเลว หรือมีข้อตกลงลับอะไรกับใคร แต่เห็นว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ กำลังทำอยู่นั้น ไม่ถูกเวลา และขาดความชัดเจน
"การปฏิรูปภายใต้รัฐธรรมนูญควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง มีข้อจำกัด แปลว่าอะไร คุณอภิสิทธิ์ แปลว่าอะไร แปลว่า ตกลงคุณจะให้เลือกตั้งแล้วไปปฏิรูป แต่ถ้าเกิดเราฟังในรายการทีวี ลูกน้องแกเหมือนพยายามจะพูดว่า ก็จะมีบางอย่างเริ่มต้นปฏิรูปไปก่อน แล้วก็เลือกตั้ง หลังจากนั้นก็ให้มีความมั่นใจว่า หลังจากเลือกตั้งแล้วการปฏิรูปจะดำเนินการต่อไป ลูกน้องก็ตีความว่าอย่างนั้น แต่สำหรับมวลมหาประชาชน เราปักใจเชื่อแน่ว่า ถ้าจะปฏิรูปรอบนี้ ขออย่ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวมาข้องได้ไหม" ดร.เสรี กล่าว และ ว่านายอภิสิทธิ์ พูดจาแบบนักการเมือง คือกำกวม ให้ไปตีความเอาเองว่าหมายถึงอะไร
ส่วนการที่มีกระแสข่าวลือว่า นายอภิสิทธิ์ และลูกพรรคประชาธิปัตย์ ไปทำข้อตกลงกับฝ่ายระบอบทักษิณ ยกตัวอย่างเช่น “อ็อกซฟอร์ดดีล” เพื่อที่นายอภิสิทธิ์จะได้เป็นนายกฯ ชั่วคราวระยะเวลา 1 ปี หรืออะไรก็แล้วแต่ แม้ส่วนตัวจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่อาจห้ามสาธารณชนไม่ให้เชื่อข่าวลือดังกล่าวได้
ในประเด็นก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 นายอภิสิทธิ์ ให้เหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้ง ว่า เพราะเห็นว่านักการเมืองคือตัวปัญหา ที่ทำให้เกิดวิกฤตในบ้านเมือง พรรคประชาธิปัตย์จึงขอเว้นวรรค พอวันนี้นายอภิสิทธิ์ เดินสายหาทางออกให้ประเทศ จึงทำให้มีคนครหาว่า นายอภิสิทธิ์ อยากให้มีการเลือกตั้ง-อยากเป็นนายกฯ ขณะที่คนใกล้ชิด หรือคนที่เชียร์นายอภิสิทธิ์ ก็จะออกมาแก้ตัวว่า นายอภิสิทธิ์อาจจะโดนลูกพรรคที่อยากลงเลือกตั้งบีบ ทำให้นายอภิสิทธิ์ ต้องแสดงท่าทีเดินสายไกล่เกลี่ยกับทุกฝ่ายอยู่ในปัจจุบัน
" คุณอภิสิทธิ์ เดินผิดเส้น ผิดทาง เพราะความหยิ่งยโส อวดดี ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่ง ... อย่างพี่ยังมองแกดีข้อนึงว่า ในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านและเป็นอดีตนายกฯ จะนั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นแกลุกขึ้นมาทำน่ะดีแล้ว แต่ในยามวิกฤตอย่างนี้ต้องทำอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง โปร่งใส ไร้ความอยากรู้อยากเห็นจากสาธารณะ เผอิญสิ่งที่แกทำ มันขาดข้อนี้ มันเต็มไปด้วยความกำกวม มันเต็มไปด้วยความลับ มันเต็มไปด้วยข้อน่าสงสัย ไม่ประจักษ์แจ้ง มิหนำซ้ำคำพูดของแกยังตีความไปด้วยว่า แกอยากเลือกตั้งก่อนปฏิรูป" ดร.เสรี กล่าว และว่า ถ้าตนเข้าใจผิดก็ขออภัยด้วย แต่สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ทำอยู่ ณ ปัจจุบัน ไม่เป็นผลดีต่อตัวนายอภิสิทธิ์ แต่อย่างใด