ชัด “ตำรวจ” หนุนเสื้อแดงแยกประเทศ “สปป.ล้านนา” เพิกเฉย-หลบเลี่ยงทำคดี

สน.พระอาทิตย์

ท่าทีเพิกเฉยไม่เอาเรื่องของ “ตำรวจ” ต่อประเด็นแยกประเทศ “สปป.ล้านนา” ที่ฝ่าย “ทหาร” มองเป็นเรื่องการแบ่งแยกประเทศเป็นกบฏต่อแผ่นดิน และเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ที่นำป้ายมาติดอยู่เกลื่อนในหลายจังหวัดภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง รวมทั้งล่าสุดจังหวัดปทุมธานี ที่มี นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ เรดการ์ด ประกาศตัวเป็นเจ้าของแผ่นป้าย

ตอกย้ำความขัดแย้งระหว่างเหล่าทัพ และการเลือกข้างของตำรวจอย่างชัดเจน

แม้ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายอาจจะมองว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว แม่ทัพใหญ่สีกากี เริ่มถอยห่างจากรัฐบาล มีความสำนึกรับผิดชอบมากขึ้น ด้วยการขานรับคำสั่งศาลแพ่งที่ออกข้อห้ามการปฏิบัติ ตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน แต่นั่นก็เป็นเพียงการปฏิบัติตามหน้าที่ ตามกฎหมาย เพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น

เพราะหลังจากนั้นทุกอย่างก็เข้าอีหรอบเดิม คดียิงกลุ่ม กปปส.ไม่มีความคืบหน้า รวมทั้งยังปล่อยให้ระเบิดเอ็ม 79 ประทัดยักษ์ กระสุนปืน ปลิวว่อนใส่กลุ่มผู้ชุมนุมรายวัน เช่นเดียวกับป้ายแยกประเทศ ป้าย สปป.ล้านนา ซึ่งไม่ใช่แค่ทหารตัวเล็กๆ มองว่าเข้าข่ายความผิด แต่เป็นถึงระดับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ออกโรงส่งสัญญาณอันตรายด้วยตัวเอง โดยมอบหมายให้ทหารในพื้นที่เข้าแจ้งความดำเนินคดีแกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113-114 กรณีขึ้นป้ายแบ่งประเทศ สปป.ล้านนา

โดยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ระบุ ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อ (1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ (2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรือำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ (3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

มาตรา 114 ระบุ ผู้ใดสะสมกำลังพลหรืออาวุธตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อเป็นกบฏ หรือยุยงราษฎรให้เป็นกบฏ หรือรู้ว่ามีผู้จะเป็นกบฏ แล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี

แต่ดูเหมือนหลังจากคนในรัฐบาล ทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่เพิ่งได้รับสมญาล่าสุดจาก ดร.เสรี วงษ์มณฑา ว่า “ออง ดอก ที” สุรพงษ์ วิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ รวมทั้งรัฐมนตรีรายอื่นๆ ดาหน้าออกมาประสานเสียงในท้วงทำนองปกป้องการติดป้าย สปป.ล้านนา ของกลุ่ม นปช.กลุ่มคนเสื้อแดง ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด และไม่ใช่เจตนาแบ่งประเทศเหมือนอย่างที่ฝ่ายทหารคิดกันไปเอง ทีท่าของตำรวจก็ขยับยืนอยู่คนละข้างกับทหาร

ทั้งที่เป็นเรื่องอ่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ แล้วหันไปเอนอิงตามความคิดเห็นของฝ่ายรัฐบาล ตั้งแต่เจ้านายยันลูกน้อง โดยเฉพาะแม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงขนาดออกมาหักข้อมูลทหาร ยืนยันว่า จากการข่าวของสันติบาลไม่ยืนยันมีขบวนการแบ่งแยกดินแดนในประเทศไทย แต่ พล.ต.อ.อดุลย์ ก็ยังรักษาน้ำใจขุนทหารไม่ให้บัวช้ำน้ำขุ่น รับที่จะตรวจสอบการติดป้ายผ้าแบ่งแยกประเทศ หรือจัดตั้ง สปป.ล้านนา ในหลายพื้นที่

“ตำรวจได้รับแจ้งความดำเนินคดีแล้ว โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน แต่หลักฐานยังไม่ชัดเจน หรือชี้ชัดถึงตัวผู้กระทำผิด”

และเมื่อหัวส่ายหางก็กระดิกรับทันที พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 รายงานผลสอบคดีการติดป้าย สปป.ล้านนา ป้ายแยกประเทศ บริเวณห้างเซ็นทรัลพลาซาเชียงราย สะพานลอยหน้าตลาดปากก่อกำ ต.ปากก่อดำ อ.แม่ลำ จ.เชียงราย สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ สะพานลอยดอนจั่น ถ.เชียงใหม่-ลำปาง ต.ท่าศาลา จ.เชียงใหม่ สะพานลอยหน้าร.ร.บ้านร่องห้า ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา เข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 116 !!!

ข้อหากระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต (1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี

ไม่ใช่ความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 113-114 อย่างที่ทหารเข้าแจ้งข้อหาให้ตำรวจดำเนินคดี

พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ ผบก.ภ.จว.พะเยา ตำรวจเสื้อแดงตัวพ่อ น้องชายส.ส.วิทยา บูรณศิริอธิบายสำทับการติดป้ายผ้าประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรมกูขอแยกเป็นประเทศล้านนา และการเดินสวนสนามของกำลัง สตบ.5 อำเภอในจังหวัดพะเยา ยังไม่เข้าองค์ความผิดฐานกบฏตามมาตรา 113-114

ผู้การฯพะเยา ที่ตามประวัติก่อนที่มาขึ้น ผบก.ภ.จว.พะเยา ถูกกลุ่มชาวดอกคำใต้ จ.พะเยาต่อต้านอย่างหนักถึงขั้นมาประท้วงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่สุดท้ายว่ากันว่ามีพลังจาก เจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ สนับสนุนจนได้ขึ้นเป็น ผู้การฯพะเยา

ผู้การเสื้อแดงชี้แจงว่า หลักฐานป้ายดังกล่าวนั้นเชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มบุคคลภายนอกพื้นที่ เพราะป้ายเหมือนกับที่เผยแพร่อยู่ใน จ.เชียงใหม่ และในพื้นที่ก็ไม่มีร้านที่ผลิต ส่วนการสวนสนามนั้นเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน (สตบ.) ไม่ได้ซ่องสุมกำลังหรือแสดงพลังทางการเมือง ซึ่งสีธงของ สตบ.วันนั้นก็ไม่ใช่สีแดงตามที่โพสต์ในสังคมออนไลน์ แต่เป็นสีแดงเลือดหมู ซึ่งเป็นสีเดียวกับสีประจำ สตช.

เมื่อสีกากีป้องกันขนาดนี้ การลุกขึ้นมาตีโพยตีพายของทหารก็ไร้ความหมาย เพราะตำรวจถือเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย แม้ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก จะออกมาชี้แจงว่า กองทัพจะไม่ยอมให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาแบ่งแยก สร้างความแตกแยก หรือจัดตั้งกองกำลัง เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อประชาชนและสังคมเป็นอันขาด ถ้า กปปส.กระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน

แต่นั่นก็ไม่มีความหมาย เมื่อ “ตำรวจ” เลือกข้างชัดเจนเสียแล้ว.