นับวันเรื่องจำนำข้าวก็มีความฉาวโฉ่มากขึ้น ชาวนาออกมาแฉว่าได้ข้าวแค่เกวียนละ 10,500 บาท แทนที่จะเป็น 15,000 บาท นอกจากนั้นยังต้องเซ็นว่าขายข้าวไปเกินจริง ทำให้เกิดการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง ชาวนาที่เคยชื่นชมและเชื่อถือนโยบายประชานิยมของพรรคเพื่อไทยก็เริ่มจะเข้าใจผลเสียของนโยบายดังกล่าว แต่รัฐบาลก็ยังนิ่งเฉยอยู่ และโยนความผิดให้แก่ผู้อื่น
ปัญหาการจำนำข้าวบ่งบอกถึงความล้มเหลวในการบริหารของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบ ผู้สันทัดกรณีบอกว่าในที่สุด ป.ป.ช.ก็จะชี้มูลความผิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมไปถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย
ในระยะแรกๆ ผมเคยชมนางสาวยิ่งลักษณ์ ว่ามีความอดทนอดกลั้นดี แต่ความอดทนนี้หมายถึงทนในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำความผิดอะไร แต่มีคนมาวิจารณ์ให้ร้ายป้ายสี แต่การนิ่งเฉยและทนในสิ่งที่ตนทำผิดแล้วก็ไม่แก้ไขเขาเรียกว่า “ความหน้าด้าน”
จะว่าไปแล้ว รัฐบาลชุดนี้นับว่าเป็นรัฐบาลที่หน้าด้านที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา บางคนก็บอกว่านายกรัฐมนตรีไม่รู้สึกรู้สาอะไร พูดง่ายๆ ว่าเป็นเพราะความโง่ คนนับล้านประท้วงมา 3 เดือนกว่าแล้วก็ยังเฉยอยู่
นับวันประชาชนก็ยิ่งต่อต้านรัฐบาล คนที่ไม่ได้ไปร่วมชุมนุมก็ออกมาต้อนรับ และให้เงินสนับสนุนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และชาวนา เรียกว่าเกือบทุกวงการก็ว่าได้ รวมถึงอดีตข้าราชการสภาพัฒน์ด้วย ได้ข่าวว่า ดร.เสนาะ อูนากูล และคุณหญิงนงนุช มอบเงินช่วยเหลือถึงสองแสนบาท
ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า การต่อสู้ระหว่าง กปปส.กับรัฐบาลจะลงเอยอย่างไร วันก่อนที่ผมไปร่วมเสวนากับผู้อาวุโส มีคนเข้าใจผิดว่า พวกเราไปยุให้ทหารปฏิวัติ เรียกว่า คิดโง่ๆ เพราะหากเป็นอย่างนั้นจริง ใครเขาจะอัดเทปให้คนเอามาออกทีวี ในวันนั้นมีการพูดแต่เพียงว่า ทหารจะมีบทบาทอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ และมีคนยกตัวอย่างว่า ต่างชาติต่อต้านรัฐประหารซึ่งก็มีผู้ชี้แจงว่า ต่างชาติเคยสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารมาแล้ว เพราะสนองตอบต่อผลประโยชน์ของเขา
แล้วเราจะเอารัฐบาลนี้ออกได้อย่างไร ในประการแรก เรามีนายกรัฐมนตรีที่ปัญญาน้อย และทำอะไรเชยๆ มาก นับตั้งแต่การอ่านคำว่า “คอนกรีต” เป็น คอ-นก-รีต การอ่านคำลงท้ายสุนทรพจน์ว่า “แต๊งกิ้ว ทรีไทมส์” การหย่อนบัตรผิด เป็นต้น การตอบคำถามของเธอแต่ละครั้งก็เหมือนกับการถอดเทป การด้อยปัญญาเช่นนี้ทำให้คนรอบข้างมีบทบาทมาก และเปิดโอกาสให้คนถ่อยๆ ที่ชอบทำกร่างวางก้ามมีบทบาทในการแก้ไขสถานการณ์
คิดในทางที่ดีก็ต้องบอกว่าการที่รัฐบาล และนายกฯ เป็นแบบนี้ทำให้ประชาชนมีการเรียนรู้อย่างกว้างขวางแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในการชุมนุมประชาชนได้รับรู้ทั้งข้อมูลข่าวสาร และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ก็ต้องขอบคุณ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ดร.เสรี วงษ์มณฑา ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และอาจารย์อีกหลายๆ ท่านที่มาให้ความรู้แก่ประชาชน การตื่นตัวรับรู้ของประชาชนนี้อย่างน้อยก็จะเป็นต้นทุนทางการเมืองที่สำคัญในอนาคต
เวลานี้เริ่มมีการจับกุมแกนนำบางคนแล้ว และมีการเชิญเจ้าของโรงแรมมาสอบสวน ผมสงสัยว่าจะพาลไปเอาผิดเขาได้อย่างไร ในเมื่อคนเข้ามาพัก หากคุณอยากจับก็บุกเข้าไปจับได้ แล้วยังพาลพาโลคนอีกร้อยกว่าคนหาว่าเขาเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” อีกต่างหาก นับวันรัฐบาลก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าไร้น้ำยา และในที่สุดก็คงจะทำอะไรผู้ชุมนุมไม่ได้ สถานการณ์ก็จะยืดเยื้ออยู่อย่างนี้
ผมเชื่อว่าในที่สุด เรื่องจำนำข้าวและมีการทุจริตกัน ก็จะเป็นมูลเหตุทำให้รัฐบาลก็ออกจากตำแหน่งไป ซึ่งคงต้องเวลาการสอบสวนอีก 1-2 เดือน การชุมนุมนั้นคงจะไม่เลิกง่ายๆ แต่ผมคาดว่าภายในวันสงกรานต์นี้คงได้รู้หมู่รู้จ่ากัน
เวลานี้คนกรุงเทพฯ ชินกับชีวิตประจำวันแบบนี้แล้ว แถมยังชอบและสนุกสนานด้วย สังเกตจากใบหน้าของผู้คนที่ไปต้อนรับ “กำนันสุเทพ” และพวก นับวันรัฐบาลก็ยิ่งหมดความชอบธรรมไปทุกที เหลืออยู่อย่างเดียวจริงๆ คือ “ความหน้าด้าน”
ปัญหาการจำนำข้าวบ่งบอกถึงความล้มเหลวในการบริหารของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบ ผู้สันทัดกรณีบอกว่าในที่สุด ป.ป.ช.ก็จะชี้มูลความผิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมไปถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย
ในระยะแรกๆ ผมเคยชมนางสาวยิ่งลักษณ์ ว่ามีความอดทนอดกลั้นดี แต่ความอดทนนี้หมายถึงทนในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำความผิดอะไร แต่มีคนมาวิจารณ์ให้ร้ายป้ายสี แต่การนิ่งเฉยและทนในสิ่งที่ตนทำผิดแล้วก็ไม่แก้ไขเขาเรียกว่า “ความหน้าด้าน”
จะว่าไปแล้ว รัฐบาลชุดนี้นับว่าเป็นรัฐบาลที่หน้าด้านที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา บางคนก็บอกว่านายกรัฐมนตรีไม่รู้สึกรู้สาอะไร พูดง่ายๆ ว่าเป็นเพราะความโง่ คนนับล้านประท้วงมา 3 เดือนกว่าแล้วก็ยังเฉยอยู่
นับวันประชาชนก็ยิ่งต่อต้านรัฐบาล คนที่ไม่ได้ไปร่วมชุมนุมก็ออกมาต้อนรับ และให้เงินสนับสนุนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และชาวนา เรียกว่าเกือบทุกวงการก็ว่าได้ รวมถึงอดีตข้าราชการสภาพัฒน์ด้วย ได้ข่าวว่า ดร.เสนาะ อูนากูล และคุณหญิงนงนุช มอบเงินช่วยเหลือถึงสองแสนบาท
ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า การต่อสู้ระหว่าง กปปส.กับรัฐบาลจะลงเอยอย่างไร วันก่อนที่ผมไปร่วมเสวนากับผู้อาวุโส มีคนเข้าใจผิดว่า พวกเราไปยุให้ทหารปฏิวัติ เรียกว่า คิดโง่ๆ เพราะหากเป็นอย่างนั้นจริง ใครเขาจะอัดเทปให้คนเอามาออกทีวี ในวันนั้นมีการพูดแต่เพียงว่า ทหารจะมีบทบาทอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ และมีคนยกตัวอย่างว่า ต่างชาติต่อต้านรัฐประหารซึ่งก็มีผู้ชี้แจงว่า ต่างชาติเคยสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารมาแล้ว เพราะสนองตอบต่อผลประโยชน์ของเขา
แล้วเราจะเอารัฐบาลนี้ออกได้อย่างไร ในประการแรก เรามีนายกรัฐมนตรีที่ปัญญาน้อย และทำอะไรเชยๆ มาก นับตั้งแต่การอ่านคำว่า “คอนกรีต” เป็น คอ-นก-รีต การอ่านคำลงท้ายสุนทรพจน์ว่า “แต๊งกิ้ว ทรีไทมส์” การหย่อนบัตรผิด เป็นต้น การตอบคำถามของเธอแต่ละครั้งก็เหมือนกับการถอดเทป การด้อยปัญญาเช่นนี้ทำให้คนรอบข้างมีบทบาทมาก และเปิดโอกาสให้คนถ่อยๆ ที่ชอบทำกร่างวางก้ามมีบทบาทในการแก้ไขสถานการณ์
คิดในทางที่ดีก็ต้องบอกว่าการที่รัฐบาล และนายกฯ เป็นแบบนี้ทำให้ประชาชนมีการเรียนรู้อย่างกว้างขวางแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในการชุมนุมประชาชนได้รับรู้ทั้งข้อมูลข่าวสาร และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ก็ต้องขอบคุณ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ดร.เสรี วงษ์มณฑา ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และอาจารย์อีกหลายๆ ท่านที่มาให้ความรู้แก่ประชาชน การตื่นตัวรับรู้ของประชาชนนี้อย่างน้อยก็จะเป็นต้นทุนทางการเมืองที่สำคัญในอนาคต
เวลานี้เริ่มมีการจับกุมแกนนำบางคนแล้ว และมีการเชิญเจ้าของโรงแรมมาสอบสวน ผมสงสัยว่าจะพาลไปเอาผิดเขาได้อย่างไร ในเมื่อคนเข้ามาพัก หากคุณอยากจับก็บุกเข้าไปจับได้ แล้วยังพาลพาโลคนอีกร้อยกว่าคนหาว่าเขาเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” อีกต่างหาก นับวันรัฐบาลก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าไร้น้ำยา และในที่สุดก็คงจะทำอะไรผู้ชุมนุมไม่ได้ สถานการณ์ก็จะยืดเยื้ออยู่อย่างนี้
ผมเชื่อว่าในที่สุด เรื่องจำนำข้าวและมีการทุจริตกัน ก็จะเป็นมูลเหตุทำให้รัฐบาลก็ออกจากตำแหน่งไป ซึ่งคงต้องเวลาการสอบสวนอีก 1-2 เดือน การชุมนุมนั้นคงจะไม่เลิกง่ายๆ แต่ผมคาดว่าภายในวันสงกรานต์นี้คงได้รู้หมู่รู้จ่ากัน
เวลานี้คนกรุงเทพฯ ชินกับชีวิตประจำวันแบบนี้แล้ว แถมยังชอบและสนุกสนานด้วย สังเกตจากใบหน้าของผู้คนที่ไปต้อนรับ “กำนันสุเทพ” และพวก นับวันรัฐบาลก็ยิ่งหมดความชอบธรรมไปทุกที เหลืออยู่อย่างเดียวจริงๆ คือ “ความหน้าด้าน”