ดาราทนไม่ไหว “ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มีสะเทือน นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ของแวดวงบันเทิงไทย ที่ออกมาร่วมต้านความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล ที่ว่ากันว่ารอบนี้ มีทั้งดาราหลากหลายช่องออกมาร่วมต้านตั้งแต่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปจนถึงการต่อต้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนกระทั่งโดนหมายเรียกให้เข้าพบตำรวจ เนื่องจากเข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส. ยิ่งทำให้ทวีความรุนแรงด้านอารมณ์และแน่นอนว่า เวทีที่ชิดลม กลายเป็นเวทีทอล์กและการแสดงของดารา ทั้งฮา ซ่า แซบ ชนิดที่แฟนคลับการชุมนุมสนุกสนานหัวเราะกันท้องแข็ง อีกทั้งข้าว ปลา อาหาร และช่วยบริการที่มาด้วยใจ ที่ต่างประสานเสียงกันว่ารอบนี้ทนไม่ไหว และไม่กลัวสิ่งใด วอนหลีกทางหยุดคอร์รัปชัน และไม่ต้องการความรุนแรง
กลายเป็นเวทีย่อยๆ แต่เป็นกำลังสำคัญและยิ่งใหญ่ทีเดียวสำหรับการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. โดยเฉพาะเวทีที่ชิดลม ใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่มีเหล่าดารา ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นเวที นอกไปจากแจกข้าวแจกอาหาร ยังเรียกว่ากลายเป็นทอล์กโชว์ระดับชาติที่แน่นอนว่านอกจากงานบันเทิงทั้งอีเวนต์และเดินสายถ่ายละครเงียบงัน แต่ก็ไม่หวั่นสำหรับดาราหัวใจรักชาติที่รอบนี้ ประกาศตัวออกมายืนข้างประชาชน สับเละรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ชอบธรรมหลายกรณี และที่เรียกเสียงฮือฮาสร้างความเจ็บปวดให้กับรัฐบาลไม่น้อยต้องบอกว่าลีลาการล้อเลียนบทบาทนายกฯยิ่งลักษณ์ในสภาพดรามา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวร้องไห้ บนเวทีชิดลมของ “ตุ๊ก ญาณี จงวิสุทธิ์” ร่วมด้วยดาราพิธีกร อย่าง “เหมี่ยว ปวันรัตน์ นาคสุริยะ”, ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ และนักแสดงฝีปากกล้าอย่าง “เกลือ กิตติ เชี่ยววงศ์กุล” ที่ต้องบอกว่าแสบไปถึงทรวง รวมไปถึง “ดร.เสรี วงษ์มณฑา”, “ม้า อรนภา กฤษฎี” รวมไปถึงครูภาษาไทยชื่อดังครูลิลลี่ กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์ ที่สับรัฐบาลที่ต่างมีปัญหาคอร์รัปชัน ไล่ให้ไปตายเสียให้หมด เรียกว่ารอบนี้จัดหนักจัดเต็มชนิดที่เรียกว่า เวทีชิดลมกลายเป็นเวทีขวัญใจของมวลมหาประชาชนที่ได้รับเสียงฮือฮาพอสมควรกับการออกมาต่อต้านรัฐบาลของคนในวงการบันเทิงอาทิ นก สินจัย- นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช ,กลศ อัทธเสรี, ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, อิงค์ อชิตะ ปราโมช,อ่ำ อัมรินทร์ นิติพน,อุ๋ม อาภาศิริ นิติพน, ตุ๊ก ดวงตา ตุงคะมณี ,ปู ปริศนา กล่ำพินิจ,จินตหรา สุขพัฒน์ ,ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา,นพพล โกมารชุน ฯลฯ และดาราอีกคับคั่งรวมไปถึงผู้จัดที่ออกมาทั้ง ช่อง 3 และ ช่อง 7 ที่สลับสับเปลี่ยนมาให้สร้างกำลังใจกับผู้เข้าร่วมชุมนุม ทั้งที่โดนหมายเรียกจากศรส. อย่าง หมอก้อง สรวิชญ์ สุบุญ, น็อต วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์, เอื้อง สาลินี ปันยารชุน , ครูลิลลี่ กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์ ,โจแอน บุญสูงเนิน ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ และ เหมี่ยว ปวันรัตน์ นาคสุริยะ ,แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์,โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ยิ่งจ่อหมายเรียก ยิ่งคึก การหยอกล้อบนเวทีการชุมนุมยิ่งแซบมากขึ้นทุกที แต่อย่างไรก็ดีเหล่าดาราเมืองไทยยังคงตบเท้าเข้าร่วมให้กำลังใจการชุมนุมของกปปส. อย่างคับคั่ง และไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงในสังคมไทย รวมไปถึงเรื่องทุจริตคอร์รัปชันที่แผ่วงการท่ามกลางการจ่ายภาษีของประชาชน
“นก ฉัตรชัย” พูดถึงใคร ตายไปก็เอาเงินไปไม่ได้
“คนบันเทิงก็เป็นประชาชนนะครับ ซึ่งเหตุที่ออกมาบางคนก็กล้า บางก็ไม่กล้าด้วยเหตุผลต่างๆ กันออกไป ก็อย่างที่บอกว่าประชาชนก็คือประชาชนคนหนึ่ง มีสิทธิที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นได้ ด้วยความรู้สึกที่ตัวเองที่รู้สึกจริงๆ เชื่อว่าคนที่ออกมา ไม่ได้ออกมาเพราะว่าใครชักชวนให้มา หรือใครบอกว่าต้องมา เชื่อว่าทุกคนรู้สึกอย่างเดียวกัน คือมันคือความรู้สึกและหน้าที่ของคนไทยคนหนึ่งที่เขาออกมาในวันนี้”
“ก็ยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรครับ ก็ยังได้เปิดละครอยู่ (หัวเราะ” ยังได้คุยกับทุกคนเหมือนปกติ เดินไปตามถนน ไปตลาดยังทักทายได้กับทุกคนไม่มีอะไร ไม่รู้ต้องมานั่งเกรงกลัวอะไร เพราะก็คิดว่าเดินอยู่บนผืนแผ่นดินไทย แถมเวลาเดิน เวลาทำอะไรเนี่ยก็มีแต่คนเอาใจช่วย มีแต่คนเชียร์ มีแต่คนสนับสนุน ก็เดินไปปกตินี่แหละครับมีแม่ค้า มีวินมอเตอร์ไซค์ มาพูดกับเราดีๆ วินมอเตอร์ไซค์มาพูดกับเราดีมากน่ะ พี่นี่มันแผ่นดินของเรานะ แล้วก็ในหลวงของเราด้วย”
“จริงๆ แล้วไม่ค่อยรู้เรื่องการเมืองมาก รวมไปถึงเรื่องกฎหมายด้วย เหมือนพี่น้องคนไทยหลายๆ คน ที่ไม่ค่อยรู้ เพราะเราก็แค่ประชาชนคนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ว่าพอมาถึงตรงนี้มันเหมือนมีกระแส มีคนบอกว่าเฮ้ย ! มันไม่ถูก พ.ร.ก.ฉุกเฉินมันใช้ได้ตอนไหน ตอนนี้มันไม่มีอะไรต้องฉุกเฉิน แล้วตอนนี้ออกมาเพื่ออะไร มันมีอะไรแอบแฝงอยู่ในนั้น รึเปล่าอันนี้คือสิ่งที่พวกเรากลัวกัน พวกเรารู้สึกว่ามันไม่ชอบมาพากลกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ตอนนี้มันยังไม่มีอะไรรุนแรง ศึกษาทำได้เมื่อ มีแบบนี้ เราก็ชุมนุมด้วยสงบ สันติ ศาลรัฐธรรมนูญก็บอกว่าทำถูกต้อง ไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุการณ์ที่มีระเบิด มียิง ผู้ชุมนุมไม่ได้ทำ ใครดูก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้ชุมนุมทำ จับก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่นั่น ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ทุกคนที่มีจิตใจเป็นคนไทย คนรักชาติ เป็นคนดี น่าจะออกมา ทำให้เห็นความจริงว่ามันคืออะไร อย่าไปหลบๆซ่อนๆ เราน่าจะได้ทำหน้าที่ของคนไทยนะครับ อย่าไปติดอยู่กับอะไรก็ไม่รู้เลย เพราะว่า คนเราตายไปเอาเงินไปไม่ได้หรอกครับ ไม่รู้มันจะเอาเงินไปทำอะไรเยอะแยะ ใครรู้ตัวว่าเป็นคนแบบนั้นก็อย่าทำเลย เพราะว่ามันเสียชื่อวงศ์ตระกูล คุณพ่อคุณแม่ก็อุตส่าห์สร้างชื่อเสียงมา เราก็ไม่น่าจะทำให้ครอบครัวเราเสื่อมเสียเพราะว่าทุกอย่างมันเป็นประวัติศาสตร์ แล้วประวัติศาสตร์จะบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงนี้ๆ ว่าใครทำอะไรบ้าง มันเป็นตราบาปนะผมว่า ผมไม่ได้ว่าใครนะ ผมว่าคนที่ทำไม่ดี ผมไม่ได้เจาะจงว่าใคร เพียงแต่ว่าใครทำก็ให้คิดเอาเอง ว่าควรจะกลับตัวเป็นคนดีเหอะ”
“ตุ๊ก ดวงตา” รับไม่ได้หมิ่นในหลวง ลวงชาวนา
“จริงๆออกไปเราไม่ได้ตั้งใจให้มันมีฟีดแบ็กอะไร เราออกไปก็เพราะว่า เรารู้สึกว่าที่ผ่านมามันไม่ถูกต้องหลายอย่าง ก็ออกไปใช้สิทธิของตัวเอง ไหนจะเรื่องจำนำข้าว คือโกงแม้กระทั่งชาวนานี่ก็ไม่ไหวแล้วไง ชาวนานี่คือคนที่มีบุญคุณต่อประชาชนนะ มันมีหลายข้อมากที่รับไม่ได้ มาเจออันนี้มันรับไม่ค่อยได้ มาเจอชาวนาประท้วงนี่แสดงว่าเขาหนักมากแล้ว”
“เราออกมาแสดงจุดยืน มันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล การที่เราออกไปก็แปลว่าเราชอบตรงนี้ แต่ในขณะที่คนที่เขาชอบอีกฝ่ายหนึ่งเขาต้องโจมตีเราแน่นอน ถูกมั้ย อีกฝ่ายหนึ่งเขาชอบตรงโน้นมันก็เป็นสิทธิของอีกฝ่ายหนึ่งที่เขาจะชอบ ด้วยตัวเราแล้วจะไปห้ามเขา หรือเปลี่ยนใจเขาไม่ได้ คนเรามันต้องมีสำนึกด้วยตัวเอง ก็แล้วแต่จิตใต้สำนึกของใครว่าใครจะเลือกทางที่ถูก ทางที่ควร หรือทางที่ไม่ถูก ไม่ควร มันพูดยากนะของแบบนี้ เพราะทางฝ่ายเขา เขาก็บอกว่าเขาถูก ฝ่ายเราเราก็บอกว่าเราถูก มันยากมาก”
การแสดงตัวชัดเจนมีผลกระทบอะไรกับงานบ้างมั้ย?
“ไม่มีนะ เราไม่ได้ทำอะไรที่มันผิด อย่างที่เห็น ไปช่วยแจกอาการไปให้กำลังใจ แค่นั้นเอง
คิดว่าสถานการณ์บ้านเมืองอย่างนี้จะลงเอยอย่างไร?
“ทิศทางที่มันถูกที่ควร ก็ไม่ได้เข้าข้างลุงกำนัน เพียงแต่ว่าคราวนี้ลุงกำนันมาเป็นผู้นำในการประท้วงคือถ้าเผื่อว่าจะเป็นคนอื่นก็ได้ ใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นลุงกำนัน ไม่จำเป็นต้องเป็นประชาธิปัตย์ พรรคอะไรก็ได้มาเป็นผู้นำในการชุมนุม มาเปิดเผยความจริงให้เรารู้ แต่บังเอิญว่าคราวนี้เป็นลุงกำนัน เป็นประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามตัวเป้งๆของเขา มันก็เลยเหมือนเราเลือกข้างประชาธิปัตย์ ซึ่งจริงแล้วๆ มันไม่ใช่ แล้วปัจจุบันนี้ ลุงกำนันก็ไม่ใช่คนของประชาธิปัตย์ เขาไม่ใช่นักการเมืองแล้วด้วย เขาลาออกแล้ว ไม่เล่นการเมืองแล้ว อีกฝ่ายก็โจมตีเหลือเกิน ซึ่งเราก็มีเพื่อนหลายคนที่จริงๆแล้วเราไม่ได้นิยมการทะเลาะ แต่บังเอิญว่าเขานิยมทางนั้น อยู่ดีๆก็ไม่พูดกับเราไปเลย”
คิดว่ารอบนี้ทำไมดาราถึงออกมาเยอะมาก?
“ความเป็นกลางมันไม่มีนะ เราไม่เห็นว่ามันมีนะ นักแสดงออกมาเยอะคือเรื่องของการหมิ่นสถาบัน
เป็นที่รู้กันว่าคนรักเทิดทูนท่าน ส่วนน้อยที่ไม่รักท่าน แล้วออกมาหมิ่นท่าน หลายคนทนไม่ได้ ท่านทำอะไรให้ ชีวิตทุกคนมีชีวิตติดลบทั้งนั้น แต่ต้องชั่งว่าลบกับบวกอะไรมันมากกว่ากัน ของท่านบวกมากกว่าอยู่แล้ว ตรงนี้ที่ทำให้ม็อบลุกฮือมากเรื่องหมิ่นเนี่ยแหละ คนที่ออกมาเนี่ยกี่คนกันไม่รู้เรื่องการเมือง แต่เพราะว่าไปหมิ่นพระองค์ท่าน เรื่องนี้ต่างหากเป็นเรื่องใหญ่ ตัวเราเองก็ด้วย จริงๆถามเราว่ารู้เรื่องการเมืองมากมั้ย เราก็ไม่รู้เรื่องมากนักหรอก”
“ปู ปริศนา” เชื่อ “เหลิม” เรียกแขก ตัวจริง!
“เขาโกงชาติ คือยิ่งสาวยิ่งลึกมันก็ยิ่งรู้อะไรมากขึ้น ซึ่งปกติเราไม่ค่อยได้รู้เรื่องนี้มากเท่าไหร่ แต่พอสาวไปเรื่อยๆ เฮ้ย ตายแล้วมันขนาดนี้เชียวเหรอ แล้วยิ่งมาโกงชาวนาเนี่ย เขาก็จนอยู่แล้ว แล้วมาบอกว่าดูแลคนจนนี่เขาแย่เลยนะ แล้วอย่างพวกแนวหน้านี้พอรู้ข่าวว่าเขาตาย หรือบาดเจ็บเรารู้สึกแย่มากเลย เลยออกมาช่วย ให้กำลังใจช่วยเรื่องอาหาร หาทุนมาดูแลคนที่มาจากต่างจังหวัด”
พ.ร.ก.ฉุกเฉินการมีคุณเฉลิม อยู่บำรุง เป็นหัวหน้า ศรส. คิดเห็นอย่างไร?
“เรียกแขกนะ ตอนไม่ประกาศเงียบๆหงอยๆ พอประกาศเท่านั้นมากันเยอะนะ ยอดบริจาคก็เยอะ มันยังไม่ถึงเวลาที่จะประกาศ ที่มันเกิดขึ้นไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงเอาชีวิตมั้ย แต่พูดไปแล้วคือข่มขู่ๆ เวลาจะหาคนมาทำตรงนี้ก็ควรเลือกคนที่อย่าเรียกแขกมาก
แนวทางของความคิดต่าง แต่ต้องอยู่ร่วมกันในสังคมต้องทำอย่างไร?
“ต่างคนต่างอยู่ คิดต่างก็ต่างกันไป ไม่ต้องก้าวก่ายซึ่งกันและกัน บ้านเดียวกัน แม่แดงลูกเหลืองก็ยังทะเลาะกันเลย ทุกคนมีสิทธิส่วนบุคคล คิดต่างก็อย่าก้าวก่ายกันค่ะ ปูก็อยากให้จบสวยที่สุด ไม่อยากให้นองเลือด ไม่อยากให้คนไทยฆ่ากันเอง อยากให้มันมีการเปลี่ยนแปลงเพราะว่าคอร์รัปชันมันเยอะเหลือเกิน รัฐบาลชุดที่ผ่านมาทุกคนมีบ้านหลังใหญ่โต ในขณะที่พวกเราทำงานหนักและยังคงจ่ายภาษีกันทุกปี”
“นก สินจัย” ทำหน้าที่คนไทย จะกลัวอะไรถ้าละครน้อยลง!
“มาถึงตรงนั้น นกว่าไม่น่ามีแล้วล่ะ ทุกคนก้าวข้ามตรงนั้นมาแล้วนกว่า มันเป็นอะไรที่ดีนะคะ มันเป็นการแสดง แต่มันคือการแสดงของประชาชน ทุกคนมีส่วนในประเทศนี้หมด เวลาเราเลือกตั้ง ทุกคนก็เรียกร้องให้ประชาชนออกมา ถูกมั้ยคะ เราก็เป็นประชาชน เวลามีอะไรที่มันไม่ดี ไม่ถูกต้องสำหรับบ้านเมืองเรา เราเห็นว่ามันไม่ถูกนะ เราก็ควรแสดงตัว เอ้ย บางคนมองว่าดารามันขึ้นอยู่กับอะไรหลายๆอย่าง ออกมาแล้วเดี๋ยวเสียค่านิยม เสียนี่เสียนั่น นกว่าทุกคนที่ออกมาไม่ได้คิดถึงตรงนี้หรอก จะเสียหรือไม่เสียเราไม่รู้ รู้แต่ว่าทุกคนต้องออกมาทำหน้าที่เท่านั้นเอง นกว่าทุกคนก็ออกมาวางตัวอย่างเหมาะสมน่ะ ไม่ได้ออกมาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่ใช่ขนาดนั้นแต่มาเพื่อบอกว่าเรารู้สึกอะไร คิดอะไร เราพร้อมใจกันมากกว่า ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ก้าวข้ามตรงนั้นมาแล้ว ไม่มีผู้ใหญ่ตำหนิ ไม่มีผู้ใหญ่สั่ง”
รอบนี้ดาราออกมาเยอะมาก คิดว่าเพราะอะไร?
“อย่างที่บอกว่าหลายๆคนก็คงมีความรู้สึกว่ามันคือเรื่องของเรานะ มันไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง เพียงแต่ว่า หลายคนยังไม่กล้า เราออกมาจะดีมั้ย ผู้ใหญ่จะว่าอะไรมั้ย ตัวเองจะเป็นอะไรมั้ย ถามว่าก่อนหน้านี้เรากลัวมั้ย ก็กังวล เราก็กลัว แต่ว่าเราโอเคแล้ว นกอาจจะอยู่ในวงการมานานแล้ว โตแล้ว เราทำทุกอย่างมาอย่างเต็มที่แล้วค่ะ ถ้าเกิดเราจะออกมาแล้วคนเกลียดเรา เราก็คงแบบ ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ว่าอะไร หรือว่าเราจะตกงาน ก็ทำงานมาขนาดนี้ ก็ถ้าละครน้อยหน่อยก็คงไม่เป็นไรมั้ง แต่เราเชื่อว่า ไม่มีใครโกรธ ว่าหรือทำร้ายเราหรอก เพราะเรามาดีน่ะ ไม่ได้มาเพื่อจะเป็นศัตรูกับใคร มันไม่ใช่ ตรงนี้มากกว่าที่ทำให้ดาราออกมาเพื่อที่จะแสดงความรู้สึกมากกว่า ทุกคนก็เลยก้าวผ่านตรงนั้นมาได้”
คิดว่ามันมีทางออกมั้ยสำหรับการเมืองในตอนนี้?
“จริงๆมันมีทางออก ถ้าเราถอยกันคนละก้าว แล้วมาดูว่าทำไมเราต้องรู้สึกรุนแรงกับคนคนนี้ ทำไมเราต้องเกลียด หรือต้องการอะไร เราถอยออกมาแล้วมองย้อนกลับไป แล้วไม่ใช่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เธอคิดแบบนี้ คิดต่างเธอผิด มันต้องถอยมาดูว่าทำไมเธอคิดต่าง ทำไมเขาคิดแบบนั้น เราต้องทบทวนตัวเราด้วยแล้วให้โอกาสเขามองตัวเราด้วยว่าทำไม เขาต้องคิดแบบนี้ มันต้องยอม ถ้าใครคนหนึ่งบอก แกยอมซิ ชั้นไม่ยอม แกต้องยอมซิ ไม่เอาน่ะ ชั้นไม่ยอม มันก็ไม่มีทางจบไง คือถ้า ถอยมันไม่ใช่การเสียศักดิ์ศรี แต่แค่ถอยมาดู เออ คิดอะไรกันอยู่เหรอ คิดอะไรกันอยู่ มันควรจะเป็นอย่างไร มันต้องช่วยกันจริงๆ”
...............................................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 226 วันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ 2557