**จู่ ๆ "พี่มาร์ค" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ขึ้นลุกมาสลัดสนับก้น กระสันจุดไฟในถ้ำมืด อาสาเป็นโซ่ข้อกลาง เดินสายพูดคุยกับทุกภาคส่วนที่เป็นคู่ขัดแย้ง เพื่อสมานแผลสังคมไทย
ทั้งที่หากดูตามเนื้อผ้าแล้ว สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้อาสามาแสดงบทหล่อเลย
โดยเริ่มจากนัดหมายคุยกับ “กิตติพงษ์ กิตยารักษ์”ปลัดกระทรวงยุติธรรม ตามด้วย“พล.อ.ธนะศักดิ์ ฏิมาประกร”ผบ.สส. คณะกรรมการการเลือกตั้ง”(กกต.) และรัฐบาล
วรรคทองของ "พี่มาร์ค" คือ “ขอโอกาสผมทำงานครับ อย่าเพิ่งปฏิเสธการทำงานของผม ให้โอกาสกับผม ผมขอเชิญชวนทุกฝ่ายให้โอกาสกับประเทศของเรา”
**ดูเท่-ดูหล่อ-ดูดี แต่ในทางปฏิบัติแล้ว แทบที่จะไม่มีทางเป็นไปได้เลย
เพราะคู่ขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ มีชื่อของ“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ติดแบล็กลิสต์อยู่ด้วย
แถมเป็นแบล็คลิสต์เบอร์ต้นๆที่ “คนเสื้อแดง”จ้องจะแก้แค้นให้ได้
ความฝันที่ “พี่มาร์ค”จะเป็นโซ่ข้อกลางมาหาทางแก้ปัญหาให้บ้านเมือง จึงเสมือนปราสาททรายที่รอวันล่มสลาย
ทว่าการออกมาเสนอตัวของ “พี่มาร์ค”ถูกซ่อนไว้ด้วยเล่ห์กลการเมือง เพราะคนอย่าง “พี่มาร์ค”รู้ดีอยู่แล้วว่า ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ แต่ที่ต้องก้าวเดินออกมา ก็เพื่อ“ฟอกตัว”ให้ดูดีเหมาะเป็น“พระเอกขี่ม้าขาว”ก็เท่านั้น
ทำไปเพื่อคาดหวังให้ประชาชน เคลิ้มกับ “วาทกรรม”แล้วหันมามอง“พี่มาร์ค”ให้ทางที่ดีบ้าง
**อินไซด์จาก พรรคประชาธิปัตย์ระบุตรงกันว่า การออกมาของ“พี่มาร์ค”เที่ยวนี้ ทำตามคำแนะนำคนคุ้นเคยอย่าง“กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ”ที่ยังคงเดินเข้า-เดินออก พรรคพระแม่ธรณีฯอยู่ แม้ก่อนหน้านี้จะดูเหินห่างไปบ้าง
แต่ด้วยความสนิทสนมกับ“พี่มาร์ค”ระยะหลัง “มิสเตอร์กอร์ป”จึงขอเกาะชายกางเกง“พี่มาร์ค”เข้ามาเสนอไอเดียในปชป.หลายต่อหลายครั้ง
หากย้อนกลับไปดูหมากการเมือง-การอ่านเกมของ “มิสเตอร์กอร์ป”แล้วจะพบว่า ผิดพลาดมาหลายครั้งหลายครา ผลงานชิ้น “โบว์ดำ”คงหนีไม่พ้น การเสนอให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ ยุบสภาในช่วงกลางปี 2554
ขณะนั้น “มิสเตอร์กอร์ป”นั่งตำแหน่งเลขาธิกานายกฯ คอยประเมินสถานการณ์ทางการเมืองให้“พี่มาร์ค”ตัดสินใจ โดย “มิสเตอร์กอร์ป”ประเมินว่า กระแสของ “พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง”กำลังอ่อนแรง หลังผ่านศึกนองเลือดช่วงกลางปี 2553
“มิสเตอร์กอร์ป”ดีดลูกคิดคำนวณแล้ว “พรรคสีฟ้า”จะเข้าวินมาลำดับสอง เป็นรอง“พรรคสีแดง”ไม่มากนัก แต่จุดเปลี่ยนจะอยู่ที่“พรรคสีน้ำเงิน”ที่คาดการณ์ว่าจะสามารถลากส.ส.อีสาน เข้าสภาได้ 70-80 ที่นั่ง
หากรวมเสียง“พรรคสีฟ้า”เข้ากับ “พรรคสีน้ำเงิน”มีหวังชนะ“พรรคสีแดง”แบบนอนมา
แต่ผลการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 กลับทำให้ “เครือข่ายทักษิณ” กลับมาผงาดอีกครั้ง ส่วน“ปชป.-ภท.”แพ้ขาด ชนิดที่ยังไม่สามารถรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับ“เพื่อไทย”ได้เลย
ลูกคิดของ“มิสเตอร์กอร์ป”หักกลาง บรรดาลูกพรรคปชป.ก่นด่า “มิสเตอร์กอร์ป”ชนิดไม่ไว้หน้า ทำให้บทบาทของ “มิสเตอร์กอร์ป”ลดลงไปตามผลงานชิ้น“โบว์ดำ”ในครั้งนั้น
นอกจากนี้ “มิสเตอร์กอร์ป”กำหนดไทม์มิ่งให้ “พี่มาร์ค”โชว์บทพระเอกในระยะเวลา 10 วัน โดยในกรอบวัน ว. เวลา น. ดังกล่าวเหมาะเหม็งกับที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยคดี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กรณีโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี”เกือบจะพอดี
หาก"พี่มาร์ค"อาศัยช่วงเวลา 10 วันฟอกตัวได้ “มะม่วง”อาจจะหล่นทับอีกรอบ เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกมา “รัฐบาลปูแดง”ต้องพ้นสภาพ เกิดสุญญากาศ “พี่มาร์ค”ก็พร้อมเข้าเสียบทันที
**ดูเหมือน “มิสเตอร์กอร์ป”จอมขายฝัน จะเป่าหู“พี่มาร์ค”เสียจนทำให้ “พี่มาร์ค”เกิดอาการกระสันอยากนั่งเก้าอี้“ผู้นำ”อีกคำรบ จึงเห็นดีเห็นงามกับแนวทางที่ว่า
ข้อเสนอของ“มิสเตอร์กอร์ป”อินไซด์ใน ปชป. ยืนยันเกือบเป็นเสียงเดียวกันว่า“กำนันสุเทพ”แทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย มารู้อีกทีหน้า “พี่มาร์ค”โผล่บนยูทิวบ์ แล้ว
“พี่มาร์ค”รู้ทั้งรู้ว่า“มิสเตอร์กอร์ป”ทำเสียขบวนแพ้เลือกตั้งมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังจะ“โง่”หลงเชื่อน้ำคำอีก เพราะอะไร ก็เพราะความอยากนั่นเอง
ทว่ายังดีที่ “กำนันสุเทพ”อ่านเกมขาด ออกมาชิงจังหวะด่าก่อนว่า“อย่าสะเออะ”เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ “พี่มาร์ค”ทำ ส่งผลเสียหายใหญ่หลวงต่อรูปขบวนของ กปปส.
**"กำนันสุเทพ" ส่งสัญญาณชัดเจนว่าไม่เอาด้วยกับ“พี่มาร์ค”เพราะต้องการ “คนกลาง”ตัวจริงมาถือธงปฏิรูปประเทศ จับสัญญาณคีย์เวิร์ดของ“กำนันสุเทพ”ก็รู้ว่าต้องการกระทบชิ่งไปถึงตัว“มิสเตอร์กอร์ป”
งานนี้มีหวัง “พี่มาร์ค”จะทำให้แนวทางของ กปปส.บิดเบี้ยวไป เพราะชัดเจนแล้วว่า แนวทางปฏิรูปประเทศ ของกปปส. ที่ต้องการเอา “คนกลาง”ขึ้นมาชูธงปฏิรูปประเทศ
แต่ “พี่มาร์ค”กลับเล่นบทสวนทางอยากเป็นเอง ทั้งที่บทบาทของ“พี่มาร์ค” ที่ผ่านมา หากไม่นับ“อ้ายแม้ว”แล้ว ดูเหมือนจะเป็นคนที่เปื้อนโคลนการเมืองมากที่สุด
แล้วจะมีใครมายอมรับ “พี่มาร์ค”ได้สักกี่คน
**สิ่งที่ “กำนันสุเทพ”บ่มเพาะมากว่า 180 วัน อาจจะพังด้วยน้ำมือของ “ พี่มาร์ค”นี่แหละ !!!
ทั้งที่หากดูตามเนื้อผ้าแล้ว สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้อาสามาแสดงบทหล่อเลย
โดยเริ่มจากนัดหมายคุยกับ “กิตติพงษ์ กิตยารักษ์”ปลัดกระทรวงยุติธรรม ตามด้วย“พล.อ.ธนะศักดิ์ ฏิมาประกร”ผบ.สส. คณะกรรมการการเลือกตั้ง”(กกต.) และรัฐบาล
วรรคทองของ "พี่มาร์ค" คือ “ขอโอกาสผมทำงานครับ อย่าเพิ่งปฏิเสธการทำงานของผม ให้โอกาสกับผม ผมขอเชิญชวนทุกฝ่ายให้โอกาสกับประเทศของเรา”
**ดูเท่-ดูหล่อ-ดูดี แต่ในทางปฏิบัติแล้ว แทบที่จะไม่มีทางเป็นไปได้เลย
เพราะคู่ขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ มีชื่อของ“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ติดแบล็กลิสต์อยู่ด้วย
แถมเป็นแบล็คลิสต์เบอร์ต้นๆที่ “คนเสื้อแดง”จ้องจะแก้แค้นให้ได้
ความฝันที่ “พี่มาร์ค”จะเป็นโซ่ข้อกลางมาหาทางแก้ปัญหาให้บ้านเมือง จึงเสมือนปราสาททรายที่รอวันล่มสลาย
ทว่าการออกมาเสนอตัวของ “พี่มาร์ค”ถูกซ่อนไว้ด้วยเล่ห์กลการเมือง เพราะคนอย่าง “พี่มาร์ค”รู้ดีอยู่แล้วว่า ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ แต่ที่ต้องก้าวเดินออกมา ก็เพื่อ“ฟอกตัว”ให้ดูดีเหมาะเป็น“พระเอกขี่ม้าขาว”ก็เท่านั้น
ทำไปเพื่อคาดหวังให้ประชาชน เคลิ้มกับ “วาทกรรม”แล้วหันมามอง“พี่มาร์ค”ให้ทางที่ดีบ้าง
**อินไซด์จาก พรรคประชาธิปัตย์ระบุตรงกันว่า การออกมาของ“พี่มาร์ค”เที่ยวนี้ ทำตามคำแนะนำคนคุ้นเคยอย่าง“กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ”ที่ยังคงเดินเข้า-เดินออก พรรคพระแม่ธรณีฯอยู่ แม้ก่อนหน้านี้จะดูเหินห่างไปบ้าง
แต่ด้วยความสนิทสนมกับ“พี่มาร์ค”ระยะหลัง “มิสเตอร์กอร์ป”จึงขอเกาะชายกางเกง“พี่มาร์ค”เข้ามาเสนอไอเดียในปชป.หลายต่อหลายครั้ง
หากย้อนกลับไปดูหมากการเมือง-การอ่านเกมของ “มิสเตอร์กอร์ป”แล้วจะพบว่า ผิดพลาดมาหลายครั้งหลายครา ผลงานชิ้น “โบว์ดำ”คงหนีไม่พ้น การเสนอให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ ยุบสภาในช่วงกลางปี 2554
ขณะนั้น “มิสเตอร์กอร์ป”นั่งตำแหน่งเลขาธิกานายกฯ คอยประเมินสถานการณ์ทางการเมืองให้“พี่มาร์ค”ตัดสินใจ โดย “มิสเตอร์กอร์ป”ประเมินว่า กระแสของ “พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง”กำลังอ่อนแรง หลังผ่านศึกนองเลือดช่วงกลางปี 2553
“มิสเตอร์กอร์ป”ดีดลูกคิดคำนวณแล้ว “พรรคสีฟ้า”จะเข้าวินมาลำดับสอง เป็นรอง“พรรคสีแดง”ไม่มากนัก แต่จุดเปลี่ยนจะอยู่ที่“พรรคสีน้ำเงิน”ที่คาดการณ์ว่าจะสามารถลากส.ส.อีสาน เข้าสภาได้ 70-80 ที่นั่ง
หากรวมเสียง“พรรคสีฟ้า”เข้ากับ “พรรคสีน้ำเงิน”มีหวังชนะ“พรรคสีแดง”แบบนอนมา
แต่ผลการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 กลับทำให้ “เครือข่ายทักษิณ” กลับมาผงาดอีกครั้ง ส่วน“ปชป.-ภท.”แพ้ขาด ชนิดที่ยังไม่สามารถรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับ“เพื่อไทย”ได้เลย
ลูกคิดของ“มิสเตอร์กอร์ป”หักกลาง บรรดาลูกพรรคปชป.ก่นด่า “มิสเตอร์กอร์ป”ชนิดไม่ไว้หน้า ทำให้บทบาทของ “มิสเตอร์กอร์ป”ลดลงไปตามผลงานชิ้น“โบว์ดำ”ในครั้งนั้น
นอกจากนี้ “มิสเตอร์กอร์ป”กำหนดไทม์มิ่งให้ “พี่มาร์ค”โชว์บทพระเอกในระยะเวลา 10 วัน โดยในกรอบวัน ว. เวลา น. ดังกล่าวเหมาะเหม็งกับที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยคดี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กรณีโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี”เกือบจะพอดี
หาก"พี่มาร์ค"อาศัยช่วงเวลา 10 วันฟอกตัวได้ “มะม่วง”อาจจะหล่นทับอีกรอบ เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกมา “รัฐบาลปูแดง”ต้องพ้นสภาพ เกิดสุญญากาศ “พี่มาร์ค”ก็พร้อมเข้าเสียบทันที
**ดูเหมือน “มิสเตอร์กอร์ป”จอมขายฝัน จะเป่าหู“พี่มาร์ค”เสียจนทำให้ “พี่มาร์ค”เกิดอาการกระสันอยากนั่งเก้าอี้“ผู้นำ”อีกคำรบ จึงเห็นดีเห็นงามกับแนวทางที่ว่า
ข้อเสนอของ“มิสเตอร์กอร์ป”อินไซด์ใน ปชป. ยืนยันเกือบเป็นเสียงเดียวกันว่า“กำนันสุเทพ”แทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย มารู้อีกทีหน้า “พี่มาร์ค”โผล่บนยูทิวบ์ แล้ว
“พี่มาร์ค”รู้ทั้งรู้ว่า“มิสเตอร์กอร์ป”ทำเสียขบวนแพ้เลือกตั้งมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังจะ“โง่”หลงเชื่อน้ำคำอีก เพราะอะไร ก็เพราะความอยากนั่นเอง
ทว่ายังดีที่ “กำนันสุเทพ”อ่านเกมขาด ออกมาชิงจังหวะด่าก่อนว่า“อย่าสะเออะ”เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ “พี่มาร์ค”ทำ ส่งผลเสียหายใหญ่หลวงต่อรูปขบวนของ กปปส.
**"กำนันสุเทพ" ส่งสัญญาณชัดเจนว่าไม่เอาด้วยกับ“พี่มาร์ค”เพราะต้องการ “คนกลาง”ตัวจริงมาถือธงปฏิรูปประเทศ จับสัญญาณคีย์เวิร์ดของ“กำนันสุเทพ”ก็รู้ว่าต้องการกระทบชิ่งไปถึงตัว“มิสเตอร์กอร์ป”
งานนี้มีหวัง “พี่มาร์ค”จะทำให้แนวทางของ กปปส.บิดเบี้ยวไป เพราะชัดเจนแล้วว่า แนวทางปฏิรูปประเทศ ของกปปส. ที่ต้องการเอา “คนกลาง”ขึ้นมาชูธงปฏิรูปประเทศ
แต่ “พี่มาร์ค”กลับเล่นบทสวนทางอยากเป็นเอง ทั้งที่บทบาทของ“พี่มาร์ค” ที่ผ่านมา หากไม่นับ“อ้ายแม้ว”แล้ว ดูเหมือนจะเป็นคนที่เปื้อนโคลนการเมืองมากที่สุด
แล้วจะมีใครมายอมรับ “พี่มาร์ค”ได้สักกี่คน
**สิ่งที่ “กำนันสุเทพ”บ่มเพาะมากว่า 180 วัน อาจจะพังด้วยน้ำมือของ “ พี่มาร์ค”นี่แหละ !!!
