ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ในที่สุด เดวิด มอยส์ ก็อยู่ไม่ครบเทอม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจจ่ายค่าชดเชยสัญญาที่เหลือ 5 ปี จากผลงานเลวร้าย ไร้แชมป์ติดมือ ไม่ได้ไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 19 ปี ส่อแววจบอันดับต่ำที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนัง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ กับโปรแกรม 4 นัดสุดท้าย
ก็ถือว่าสมควร เพราะตลอดระยะเวลาราว 10 เดือนภายใต้บทบาทนายใหญ่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เริ่มตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา มอยส์ ไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้สาวก "เรด เดวิลส์" ชื่นใจ โดยมีสิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมอย่างเดียวคือแชมป์ เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์ โล่ห์การกุศล 8 เหลี่ยมที่ได้จากการเอาชนะ วีแกน แอธเลติก 2-0 อุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล แต่พูดไปก็อายเขาเปล่าๆ เพราะไม่นับเป็นถ้วยรางวัลระดับเมเจอร์
เส้นทางของ มอยส์ ก็คล้ายกุนซือหลายคนที่พิสูจน์ฝีมือจากการคุมสโมสรระดับกลางอย่าง เอฟเวอร์ตัน ถึง 11 ปีคว้าอันดับ 4 โควตา แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2004-05 แม้ว่าจะคัดเลือกไม่ผ่านอดเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม รวมถึงเข้าชิง เอฟเอ คัพ ปี 2009 ดังนั้นเมื่อโอกาสทองฝังเพชรมาเคาะประตูหน้าบ้าน แม้รู้ว่าเป็นงานช้าง จึงบอกปัดสัญญาใหม่ถิ่น กูดิสัน ปาร์ค หอบผ้าหอบผ้ามาเป็นทายาทของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่วางมือจากการกุมบังเหียน แมนฯยู มานานถึง 26 ปีคว้าแชมป์มาประดับตู้โชว์แล้วทุกรายการ
แต่ใครจะคิดว่าผลงานของ มอยส์ จะห่วยแตกขนาดนี้ เมื่อพิจารณาจากขุมกำลังนักเตะที่ เฟอร์กี ทิ้งมรดกเอาไว้ให้ นำโดย โรบิน ฟาน เพอร์ซี และ เวย์น รูนีย์ จึงนำมาสู่สถิติไม่น่าจดจำมากมายดังนี้
- แพ้ สโต๊ค ซิตี ในลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1984
- แพ้ เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน คาบ้านในลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1978
- แพ้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด คาบ้านในลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1972
- แพ้ สวอนซี ซิตี คาบ้านในลีกครั้งแรก
- ร่วง เอฟเอ คัพ รอบ 3 ซึ่งยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั้นเคยพลาดพลั้งแค่ครั้งเดียว
- แพ้ติดต่อกัน 3 นัดนับตั้งแต่ปี 2001
- แพ้ที่บ้านมากที่สุดในลีกรอบทศวรรษ
- ไม่ได้ไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1995
- จบอันดับต่ำที่สุดใน พรีเมียร์ ลีก
- เสียประตูตั้งแต่นาทีแรกเกม พรีเมียร์ ลีก ครั้งแรก นัดที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี จาก เอดิน เซโก
- แพ้ เอฟเวอร์ตัน, แมนเชสเตอร์ ซิตี และ ลิเวอร์พูล ทั้งเหย้า-เยือน ครั้งแรกนับตั้งแต่มี พรีเมียร์ ลีก
สำหรับฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ แมนฯยู เหลืออดก็คือเกมที่บุกไปพ่าย เอฟเวอร์ตัน 0-2 ที่ กูดิสัน ปาร์ค เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ 2 วันจากนั้น ตระกูลเกลเซอร์ส เจ้าของถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เซ็นอนุมัติไล่ออกทันที ซึ่งกุนซือชาวสกอตก็ก้มหน้ารับสภาพแต่โดยดีชนิดที่ไม่มีข้อโต้แย้ง
เพราะที่ผ่านมาสโมสรระดับ แมนฯยู ต้องมีกุนซือที่กลายเป็นตัวตลก ถูกสาวก "เรด เดวิลส์" ต่อต้านเสียเองไล่ตั้งแต่แบนเนอร์ "The Chosen One" (ผู้ที่ถูกเลือก) บริเวณอัฒจันทร์ที่ต้องให้เจ้าหน้าที่สนามไปอารักขา เพราะหวั่นแฟนบอลปลดไปเผาเป็นที่ระบายความโกรธแค้น ซึ่งเมื่อไม่สำเร็จทุกคนก็ลงขันกันจ้างเครื่องบินผูกป้ายมีข้อความว่า "WRONG ONE MOYES OUT" (เลือกผิด มอยส์ ออกไป) บินโฉบเหนือถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
อีกอย่างที่เลวร้ายคือถูกแฟนบอลคู่ต่อสู้ล้อกันอย่างสนุกมือ โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ซิตี อริร่วมเมืองที่ชูป้าย "อย่าไล่ มอยส์" บ้าง “มอยส์ สุดยอดอัจฉริยะบ้าง” เพื่อที่ฤดูกาลหน้าจะได้ย่ำแย่ต่อไป ขณะที่กระแสบนโลกออนไลน์ที่ทุกวันนี้ถือว่ารวดเร็วฉับไวก็มีการนำภาพกุนซือไปตัดต่อล้อเลียนต่างๆ นาๆ เข้ากับโปสเตอร์หนังดัง จนล่าสุดที่ถูกไล่ออกมีภาพทุกคนเสียใจกันเป็นทิวแถวยกเว้นแฟน "ผีแดง" ที่ลิงโลด
จะว่าไปที่ผ่านมาก็เคยมีกุนซือที่ฝากผลงานเลวร้าย อย่าง รอย ฮ็อดจ์สัน ที่ตอนนี้คุมทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่เตรียมลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ บราซิล กลางปีนี้ ก่อนหน้านี้เข้ามาสานงานถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2010 ก่อนที่จะถูกไล่ออกเมื่อเดือนมกราคมปี 2011 หน้านั้นคุม ฟูแลม ได้อย่างเตะตา หรือ ฌักส์ ซองตินี (ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์) ไบรอัน คลัฟ (ลีดส์ ยูไนเต็ด) โจ คินเนียร์ (นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด) และ แฮร์รี เรดแน็ปป์ (เซาแธมป์ตัน)
เหนืออื่นใด เฟอร์กี ต้องรับผิดชอบกับการดึง มอยส์ เข้ามาเป็นตัวแทนด้วย เพราะก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะเชื่อมือกุนซือวัย 50 ปีที่เคยคุม เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ ระหว่างปี 1998-2002 มากเป็นพิเศษ โดยพยายามทาบทามมาเป็นมือขวาตอนนั้น แต่ถูกตอบปฎิเสธ จนมาสำเร็จเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมาและกลายเป็นเศษเสี้ยวอันเลวร้ายหน้าประวัติศาสตร์ของทีม
ขณะที่ มอยส์ ออกมาเปิดปากเป็นครั้งแรก หลังจากถูกไล่ออก ซึ่งถือว่าเป็นข่าวใหญ่ส่งท้ายศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ช่วง 100 เมตรสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูล กำลังขับเคี่ยวแชมป์กับ เชลซี และ แมนฯซิตี รวมถึงน่าจะเป็นข่าวฮอตแห่งปี 2014 ที่ถูกรวบรวมตอนปลายปี ว่า "ผมเชื่อเสมอว่าในฐานะกุนซือคุณต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้และช่วงที่คุม แมนฯยู ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี ตนภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่พาทีมเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เหนืออื่นใดต้องขอบคุณ เฟอร์กี ที่ไว้ใจให้เป็นทายาท เพราะมั่นใจในความสามารถและให้โอกาสครั้งนี้"
แต่ มอยส์ ก็ก้มหน้ารับสภาพและเข้าใจถึงผลงานอันน่าผิดหวังเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะในและนอกสนาม เพราะทำให้ แมนฯยู ต้องสูญเงินลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดระดับ 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,750 ล้านบาท) กับการไม่ได้ไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก นอกจากนี้การซื้อตัวนักเตะไล่ตั้งแต่ซัมเมอร์ที่ผ่านมาคือ มารูยาน เฟลไลนี กองกลางทีมชาติเบลเยียมจาก เอฟเวอร์ตัน 27.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) ก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ตามด้วยการคิดกู้วิกฤตช่วงตลาดเปิดเดือนมกราคมเบิกอีก 37.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2 ล้านบาท) สูงเป็นสถิติใหม่สโมสรดึง ฆวน มาตา ปีกทีมชาติสเปน มาจาก เชลซี ก็เล่นแบบ 3 วันดี 4 วันไข้ แถมทีมต้องยอมจ่ายค่าชดเชย 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 550 ล้านบาท) จากสัญญาที่เหลืออีก 5 ปีด้วย
ที่ผ่านมาหลายคนแนะนำให้ทุกคนอดทนและให้เวลา มอยส์ เนื่องจากเพิ่งคุมทัพ แมนฯยู เพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น น่าจะให้โอกาสลองผิดลองถูกอีกสักปีคล้ายกับ เฟอร์กี ที่กว่าจะประสบความสำเร็จพาทีมได้แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษอีกครั้งทีมก็ต้องรอถึง 26 ปี นอกจากนี้กว่าป๋าจะได้แชมป์แรกคือ เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 1989-90 ก็ต้องรอเช่นกัน หลังเข้ามาคุมเมื่อปี 1986
ทว่ายุคสมัยของเกมลูกหนังเปลี่ยนไปแล้ว แมนฯยู ไม่สามารถรอคอยความสำเร็จแบบนั้น ขณะที่สโมสรอื่นพร้อมทุ่มเงินต่อเนื่องขึ้นมาท้าทายตั้งแต่สมัยที่ "ผีแดง" ยึดหัวหาดเวที พรีเมียร์ ลีก ตอนนี้ก็มี แมนฯซิตี, เชลซี, อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล และ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ยังไม่นับระดับยุโรปที่มีทั้ง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แต่ละสโมสรล้วนมีเม็ดเงินสนับสนุนไม่อั้นจากเศรษฐีเจ้าของทีมจากตะวันออกกลางและสหรัฐอเมริกา
ทำให้ มอยส์ จึงต้องพ้นตำแหน่งไปก่อนครบวาระตามระเบียบ ซึ่งก็เหลือเชื่อว่าจากนั้นหุ้นของ แมนฯยูไนเต็ด เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เปอร์เซนต์เมื่อวันอังคารที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา โดยถือเป็นสโมสรอังกฤษที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ นิว ยอร์ก ทันทีที่เปิดก็ขยับไปแตะที่ 19.18 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 632 บาท) ก่อนจะปิดที่ 18.78 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 619 บาท) ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคมปี 2013 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้จัดการลีก ตราหน้าว่า แมนฯยู ไร้ความเป็นมืออาชีพกับการกระทำครั้งนี้ ริชาร์ด เบวาน ผู้อำนวยการบริหาร เผยว่า "เราผิดหวังกับลักษณะการแยกทางกันของ มอยส์ กับ แมนฯยู เพราะตลอดเวลาก็ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นมืออาชีพ เชื่อในประวัติศาสตร์อันยาวนานของทีม จึงถือเป็นเรื่องเศร้าอย่างมาก เขาเป็นกุนซือที่มีความสามารถ ผ่านงานและทุ่มเทให้ฟุตบอลอังกฤษ เริ่มตั้งแต่อายุ 35 ปีใช้เวลา 16 ปีคุมมามากกว่า 800 เกม แถมเคยได้รางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของเราถึง 3 ครั้ง จึงไม่มีข้อกังขาในฝีมือ จากนี้คงต้องไปหาความท้าทายครั้งใหม่"
ด้านกระบอกเสียงของ แมนฯยู ก็ตอบโต้เช่นกันว่า "เราไม่ยอมรับการกล่าวอ้างว่าไร้ความเป็นมืออาชีพ การตัดสินใจไม่ได้ดำเนินการขึ้นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น"
จากนี้ "ผีแดง" มอบหมายให้ ไรอัน กิ๊กส์ ปีกวัย 40 ปีที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่อายุ 17 ปีคุมทีมขัดตาทัพไปก่อนกับ 4 นัดที่เหลือคือพบ นอริช ซิตี เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 26 เมษายนนี้ ตามด้วย ซันเดอร์แลนด์, ฮัลล์ ซิตี และ เซาแธมป์ตัน ขณะที่เต็ง 1 กุนซือใหม่ที่จะเสาะหากันซัมเมอร์นี้คือ หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่ที่จะคุม เนเธอร์แลนด์ส จนเสร็จศึกฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งก็แบะท่าลุยงานสโมสร พรีเมียร์ ลีก หลังเคยสร้างชื่อกับ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม และ บาร์เซโลนา ซึ่งก่อนหน้านี้เป็น ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ที่อยากได้ตัว
ขณะที่ มอยส์ สถานีหน้าก็คงไปหางานคุมทัพสโมสรอื่น แต่คงเป็นระดับที่ต่ำลงไป เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาก็ถือว่าพิสูจน์ตัวเองได้พอสมควร กับ แมนฯยู ก็เป็นเพียงแค่รอยด่าง พร้อมเดินหน้าต่อในโลกลูกหนัง แต่หากได้อยู่ใน พรีเมียร์ ลีก ต่อ โคจรมาเจอ “ผีแดง” งานนี้บอกได้คำเดียวว่ามัน เพราะถึงเวลาล้างแค้นอย่างแท้จริง