ช่วงนี้ดูเหมือนมีข่าวคราวประเด็นทางสังคมมากมายที่ส่งผลกระทบทางสังคม และกลายเป็นประเด็น Talk of the town กันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกโซเชี่ยลมีเดีย มีเรื่องนั้นมายังไม่ทันจาง ก็มีเรื่องใหม่มาให้วิพากษ์วิจารณ์
ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นเพราะนักข่าวในยุคนี้ที่มีจำนวนมากขึ้นตามยุคสมัยที่มีทีวีช่องดิจิตอลเกิดขึ้นมาอีกหลายช่อง ประจวบเหมาะกับบรรดานักข่าวเองก็มีข้อจำกัดในการนำเสนอข่าวในหมวดการเมือง ก็เลยดูเหมือนว่าข่าวบันเทิงและข่าวสังคมได้รับการนำเสนอจากที่มากอยู่แล้วก็มากขึ้นไปอีก !
ฉบับนี้ ดิฉันเลือกเอาข่าวฮอตเรื่องกองประกวดสาวงามเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ได้ตัดสินใจปลด “น้ำเพชร สุณัณณิการ์ กฤษณสุวรรณ” รองชนะเลิศอันดับที่ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย เหตุจากภาพฉาว ทำเสียภาพลักษณ์นางงาม หลังจากโดนขุดคุ้ยประวัติ ทั้งเรื่องโกงอายุในการเข้าประกวด ภาพหลุดสุดหวิวต่างๆ ถึงขนาดเธอต้องออกมาร้องไห้ต่อหน้าสื่อเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ
ก่อนหน้านี้ ก็เคยมีข่าวในท่วงทำนองนี้มาหลายต่อหลายครั้ง จนถึงขั้นตามข่าวไม่ทัน ไม่รู้เวทีไหนเป็นเวทีไหนกันบ้าง เพราะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในประเทศเราเองและต่างประเทศก็มีไม่น้อย เหตุเพราะมีปูมหลังที่ผิดพลาด ทั้งในเรื่องมีการถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ก็เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด หรือแม้กระทั่งการทำศัลยกรรม ฯลฯ ซึ่งก็จะมีมือที่มองไม่เห็นมาช่วยขุดคุ้ยประวัติให้คุณเสร็จสรรพ
ความจริงไม่ใช่แค่วงการนางงามเท่านั้น วงการนางแบบ ดารา นักร้อง ก็มีเรื่องเหล่านี้อยู่บ่อยๆ พอถึงจุดหนึ่งที่เริ่มมีชื่อเสียง แต่เพราะในโลกไร้พรมแดน โลกออนไลน์อย่างปัจจุบันแทบจะไม่สามารถปิดบังอดีตได้เหมือนในยุคก่อน ใครเคยทำอะไรที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ก็สามารถถูกค้นพบได้ไม่ยาก จนถึงขนาดมีการเปรียบเทียบกันว่า เมื่อไรก็ตามที่คุณเป็นคนธรรมดา ไม่มีใครสนใจคุณหรอก แต่ถ้าเมื่อใดที่คุณไปยืนในจุดที่มีสปอร์ตไลท์ ก็จะมีคนช่วยสืบหาสืบค้นประวัติให้คุณเอง จนบางทีบางเหตุการณ์ บางอดีตคุณก็ลืมไปแล้ว แต่จะมีคนช่วยขุดให้คุณเอง
จะว่าเป็นข้อดีก็ดี เพราะทำให้ผู้คนสามารถตรวจสอบกันเองได้ แต่จะว่าเป็นข้อเสีย ก็เพราะสามารถใช้มาเป็นเครื่องมือในการทำร้ายกันก็ได้
แต่ในกรณีที่เป็นข่าวคราวเรื่องนางงาม ก็น่าจะถือโอกาสนำมาพูดคุย และชวนให้คิดที่จะนำมาเป็นบทเรียนในครอบครัวร่วมกันได้
ประการแรกทำสิ่งใดในวันนี้ส่งผลต่ออนาคต
สอนให้ลูกได้เรียนรู้ว่าการกระทำอะไรก็ตามในปัจจุบันจะส่งผลต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน วันนี้เราอาจจะทำสิ่งใดไป เป็นเพราะวัยแห่งความคึกคะนอง หรืออยากรู้อยากเห็น หรือเพราะเหตุผลร้อยแปดพันประการ แต่ขอให้ได้รับรู้ไว้ว่ามันส่งผลถึงอนาคตอย่างแน่นอน นั่นหมายความว่า ก่อนจะทำสิ่งใดก็ตาม ต้องคิดใคร่ครวญก่อนให้รอบคอบ เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่าในอนาคตเราอาจอยากจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วอดีตของเรากลับกลายมาเป็นปัญหา แล้วทำให้เราต้องเสียโอกาส หรือหมดอนาคตก็ได้
ประการที่สองต้องยอมรับความจริง
สอนให้ลูกเรียนรู้ว่าต้องยอมรับความจริง เมื่อเราทำสิ่งใดผิดพลาด หรือเคยผิดพลาดในอดีต และเหตุการณ์นั้นได้ส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบัน ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเป็นเพราะเราได้กระทำสิ่งนั้นจริง และต้องยอมรับความจริงให้ได้ กรณีดังกล่าว ถ้าจะต้องโดนปลดจากตำแหน่ง ก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้ เพราะเป็นผลจากการกระทำที่ไม่เหมาะสมของตัวเอง และเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้
ประการที่สามกำลังใจสำคัญที่สุด
ครอบครัวต้องเป็นกำลังใจให้กับความผิดพลาดหรือความสูญเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของลูก แม้จะเสียใจและเสียดายขนาดไหน แต่ก็ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะนาทีแห่งความผิดหวัง การได้กำลังใจจากคนที่เรารักเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต่อการดำเนินชีวิตต่อไป ในช่วงเวลาแห่งความผิดหวังไม่ควรที่จะซ้ำเติมกัน
ประการสุดท้าย เดินหน้าในเร็ววัน
เมื่อลูกได้กำลังใจแล้ว สิ่งสำคัญคือการประคับประคองชีวิตให้เขาเดินหน้าต่อไปให้ได้ เมื่อสูญเสียและผิดหวังแล้ว ล้มแล้วต้องลุกให้ได้ ต้องลุกให้ได้ในเร็ววัน และให้มองชีวิตในอนาคต
ทั้ง 4 ประการ จะว่าไปแล้ว ก็เป็นหลักธรรมอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิตว่า “ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด” เพราะผลของปัจจุบันมันส่งผลต่ออนาคตของเราทั้งชีวิต
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่