ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลรัฐธรรมนูญมีมติต่อลมหายใจ "ปู" อีก 15 วัน ให้ขยายเวลาแจงคดีย้าย "ถวิล" พร้อมเรียกพยานไต่สวนอีก 4 ปาก "ส.ว.คำนูญ"คาดจะมีการวินิจฉัย 7-9 พ.ค.นี้ ท่ามกลางม็อบสองฝ่าย "เหลิม"ปัดเตรียมขอนายกฯ พระราชทาน แค่จะขอพระบรมราชวินิจฉัยกรณีพสกนิกรเดือดร้อนจากคำวินิจฉัยของศาล กกต.นัดรัฐบาลหารือ 30 เม.ย. เดินหน้าเลือกตั้ง "มาร์ค"เผย 2 พรรคการเมืองใหญ่มีโอกาสพูดคุย
วานนี้ (23 เม.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าว ภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ที่ประชุมคณะตุลาการฯ มีมติอนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ผู้ถูกร้องในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กับคณะ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) ประกอบมาตรา 268 หรือไม่ ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันที่ 17 เม.ย. ที่ครบกำหนดระยะเวลาที่ศาลให้ยื่นคำชี้แจงครั้งแรก โดยให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงกลับมาภายในวันที่ 2 พ.ค.นี้
ส่วนที่นายกฯ ขอให้ศาลไต่สวนพยานบุคคลรวม 3 ปาก ประกอบด้วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน และพล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ศาลมีคำสั่งไม่ไต่สวนพยานบุคคลดังกล่าว แต่หากบุคคลทั้งหมดจะยื่นบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นเป็นหนังสือ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ก็ให้ยื่นได้ภายในวันที่ 2 พ.ค. เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ศาลให้มีการไต่สวนพยานบุคคลรวม 4 ปาก ประกอบด้วย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ผู้ยื่นคำร้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ถูกร้อง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันที่ 6 พ.ค. เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้พยานทั้ง 4 ปาก ยื่นบันทึกยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นเป็นหนังสือ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องภายในวันที่ 29 เม.ย.นี้ หากไม่มาศาล หรือไม่ยื่นบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นถือว่าไม่ติดใจ
นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ที่ศาลเรียกไต่สวนพยาน 4 ปากนั้น ในจำนวนนี้ 1 คน คือ พล.ต.อ.วิเชียร เป็นพยานที่นายกฯ ขอให้ศาลเรียกสืบ ส่วนอีก 3 ปาก เป็นพยานที่ศาลเห็นว่า ควรที่จะไต่สวน เพราะมีความเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ขณะที่ในส่วนพยาน 3 ปากที่นายกฯ ขอมา ทั้งร.ต.อ.เฉลิม พล.ต.อ.โกวิท และ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ศาลเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดี จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติขยายเวลายื่นคำชี้แจงให้นายกรัฐมนตรีแล้ว ในวันที่ 26 เม.ย.-4 พ.ค. จะมีตุลาการบางส่วนเดินทางไปร่วมการประชุมสมาคมศาลรัฐธรรมนูญภูมิภาคเอเชียครั้งที่ 2 ที่ประเทศตุรกี
**"คำนูณ"คาดวินิจฉัย 7-9 พ.ค.นี้
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้เขียนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติอนุญาตให้ขยายเวลา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นคำชี้แจงว่า เป็นไปตามคาด ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งขยายเวลายื่นคำชี้แจงให้นายกฯ ถึงวันศุกร์ที่ 2 พ.ค. แต่เหนือที่คาดคือ ศาลฯ นัดออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนวันอังคารที่ 6 พ.ค. โดยกำหนดพยานเพียง 4 ปาก คือ1.นายกฯ 2.พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตเลขาฯ สมช. 3.นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ผู้ร้อง และ 4.นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯ สมช. แนวโน้มนัดแถลงความเห็นส่วนตัว และลงมติมีคำวินิจฉัย ในวันพุธที่ 7 พ.ค. หรือภายในก่อนวันที่ 9 พ.ค. ยังมีสูงมาก และเป็นไปได้สูงเช่นกันที่การนัดชุมนุมใหญ่ของทั้งสองฝ่าย จะเป็นวันอังคารที่ 6 พ.ค.นี้
**"แม้ว"โพสต์อินสตาแกรมอยู่"อลาสก้า"
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม thaksinlive โดยโพสต์ภาพตัวเองที่เมืองอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมเขียนข้อความว่า "อลาสก้าตอนนี้อากาศเย็นสบายดีครับ เมืองไทยร้อนหรือไม่ครับ"
**“เหลิม”ปัดขอนายกฯพระราชทาน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวถึงกระแสข่าว นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมทำหนังสือขอพระราชทานนายกฯ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยพูด เพียงแต่เราคิดกันว่าครั้งหนึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยตัดสินนายสมัคร สุนทรเวช หลุดจากตำแหน่งนายกฯ คนเดียว แต่ครม.ไม่หลุด หากคราวนี้ศาลรัฐธรรมนูญทำเกินกว่ากฎหมายกำหนด บอกว่าต้องออกไปทั้งหมด พวกตนจะพึ่งพระบารมี เพราะเป็นพสกนิกรเหมือนกัน หากทุกข์ร้อน สามารถพึ่งพระบารมีได้ โดยจะทำหนังสือกราบบังคมทูลฯ ไม่ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แต่ไม่ใช่ขอนายกฯ พระราชทาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นหนังสือกราบบังคมทูลฯ จะทำในนาม ศอ.รส. หรือส่วนตัว ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนกำลังคิดอยู่ แต่จริงๆ ใช้อดีต ส.ส. จำนวน 9 คน ก็ได้ มีตนเป็นแกนนำ ไม่เห็นต้องทำในนาม ศอ.รส. เลย เพราะเป็นพสกนิกรได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องนี้ ตนมีความเชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเกินกว่ากำหนด ฝืนมาตรา 181 จึงไม่มีที่พึ่งที่ไหน ถามว่าตนไม่มีสิทธิ์หรือ
ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) เอาเนื้อหาการประชุมภายใน ศอ.รส.ไปพูดบนเวทีปราศรัยนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พูดไม่ตรง ไม่มี แต่เรื่องการตั้งทีมจับกุมนายสุเทพนั้น เป็นเรื่องจริง เพราะตำรวจมีหน้าที่ต้องจับกุม ไม่ต้องไปสั่งเขา เพราะมีหมายจับ
มีรายงานว่า ก่อนการประชุม ศอ.รส. จะเริ่มขึ้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้ชี้แจงต่อที่ประชุม ศอ.รส. ถึงกรณีนายสุเทพ ใช้คำว่า เดรัจฉานด่าตนเองบนเวทีปราศรัย กปปส. พร้อมทั้งกล่าวหาตนเองจะนำการไฟฟ้าฝ่ายผลิตไปแปรรูปนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง ต้องชี้แจงเรื่องนี้ เพราะเสียชื่อ ผอ.ศอ.รส. พร้อมกล่าวด้วยว่าตัวเองไม่เข้าข่ายเดรัจฉาน เพราะไม่เคยผิดศีลธรรม จริยธรรม หรือเป็นชู้กับเมียใคร
ส่วนที่มีการนำเสนอว่า นายธาริต เป็นผู้เสนอความคิดเรื่องการทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชวินิจฉัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯ และครม.พ้นสภาพจากการปฏิบัติหน้าที่รักษาการนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ได้ยืนยันไปแล้ว นายธาริตไม่ได้เป็นผู้เสนอต่อที่ประชุมศอ.รส. เป็นเพียงแนวคิดที่พูดกันในศอ.รส. เท่านั้น และหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินกว่าอำนาจที่กฎหมายบัญญัติไว้ เราจะยอมให้คน 9 คน (ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ) มามีอิทธิพลเหนือคนทั้งประเทศได้อย่างไร ดังนั้น ตนพร้อมอดีต ส.ส.รวม 9 คน จะร่วมกันลงชื่อ ทูลเกล้าฯขอพระบรมราชวินิจฉัย โดยตนจะเป็นคนแรกที่ลงนามในฐานะประชาชน และจะไม่พึ่ง ศอ.รส.
**ซัด"มาร์ค"เวอร์ปูดคนจ้องใช้ระเบิดพลีชีพ
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เข้าร่วมหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตัวแทนพรรคการเมือง โดยอ้างว่ามีคนลอบปองร้ายว่า พรรคประชาธิปัตย์เวอร์ ตนอยู่กองปราบมา 10 ปี ระเบิดพลีชีพ จะใช้ต่อเมื่อต้องการฆ่าคนทีเดียวพร้อมกันจำนวนมาก อาทิ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ฆ่านาวิกโยธิน ซึ่งหากจะมีการฆ่านายอภิสิทธิ์ เขาไม่ใช้ระเบิดพลีชีพหรอก เพราะคนทำระเบิดพลีชีพจะตายด้วย แต่เดินเข้าไป ใช้ปืนยิงกบาลทีเดียวจบ แล้ววิ่งออกมา ตนยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องจริง ส่วนจะมีคนคิดร้ายกับนายอภิสิทธิ์ หรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ไม่ถึงกับใช้ระเบิดพลีชีพแน่
อย่างไรก็ตาม การที่นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ไปร่วมหารือกับกกต. จะไม่กระทบต่อการจัดการเลือกตั้ง กกต.ไม่ต้องสนใจ พรรคไหนไม่ไป ก็ไม่ต้องประชุม หน้าที่จัดการเลือกตั้งเป็นของ กกต. อย่าเอาพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นตัวตั้ง จนกระทั่งต้องล้มการเลือกตั้ง ซึ่ง ศอ.รส. กำลังตรวจสอบอยู่ว่า กกต.ประวิงเวลาหรือไม่ มีเหตุอันควรเชื่อหรือไม่ว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากชัดเจน ตนจะออกแถลงการณ์ ซึ่งวันนี้กกต.ยังขะมักเขม้นอยู่ จึงยังไม่คิดจะดำเนินการ แต่ฝากบอก กกต.ว่าการจัดการเลือกตั้งเป็นอำนาจของท่าน กกต.มี 5 คน อย่าให้คนๆ เดียวมาชี้นำ
** "ปึ้ง"อ้างอาเซียนเร่งให้เลือกตั้ง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศอ.รส. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนได้รับหนังสือจากรมว.ต่างประเทศเมียนมาร์ ในฐานะประธานรมว.ต่างประเทศอาเซียน โดยเป็นหนังสือที่ นายมาร์ตี นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย เป็นผู้ร่าง และจะออกเป็นแถลงการณ์ ร่วมกันของ รมว.ต่างประเทศของกลุ่มอาเซียน ซึ่งจะส่งไปยัง 10 ประเทศอาเซียน เพื่อขอรับรองร่างหนังสือฉบับนี้ สำหรับประเทศไทย ตนได้ตอบเห็นด้วยไปเรียบร้อยแล้ว โดยอาเซียนมีความห่วงใย และอยากจะเห็นประเทศไทยแก้ปัญหาโดยการเจรจา ยึดหลักประชาธิปไตย ที่สำคัญที่สุด คือ อยากเห็นการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นทางออกที่ดี ได้แก้ไข นำไปสู่ความปรองดองของประเทศ
"ฝากไปถึง นายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ ไปคุยกันให้จบ เพราะเป็นพวกเดียวกันว่าจะเลือกตั้งเมื่อไร แล้วเลิกโยนให้พรรคการเมืองอื่นๆ จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็เป็นจะตัวแทนไปพูดคุยกับ กกต. เพื่อจะได้จัดการเลือกตั้ง โดยไม่มีใครขัดขวาง ส่วนการประชุมร่วมระหว่างกกต.กับพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 22เม.ย. นายอภิสิทธิ์กลัวว่าจะมีคนมาทำร้าย ตนคิดว่าพอกันเสียทีในการสร้างภาพให้ตัวเองดูดี นายอภิสิทธิ์ ต้องรับความจริงแล้วสังคมจะรับได้"
**กกต.นัดรัฐบาลหารือ 30 เม.ย.
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการสำนักงาน กกต. กล่าวว่า จากการที่ กกต. ได้มีการประชุมร่วมกับ 58 พรรคการเมือง เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา และเบื้องต้นที่ประชุมเห็นด้วยกับแนวทางที่จะให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 20 ก.ค. ซึ่งกกต. ได้มีการประสานไปยังเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในการที่จะขอเชิญนายกฯ และคณะ มาหารือที่สำนักงาน กกต. ในวันพุธที่ 30 เม.ย. เวลา 14.00 น. ซึ่งทางเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็ได้ตอบรับแล้ว โดยกกต. จะได้นำเสนอข้อมูลต่างๆ ทั้งการหารือร่วมกับฝ่ายความมั่นคง พรรคการเมือง เพื่อให้รัฐบาลพิจารณา คาดว่าวันดังกล่าวจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับวันเลือกตั้งที่ชัดเจน
ทั้งนี้ การจัดการเลือกตั้งไม่ใช่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของ กกต. อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่ที่กับสถานการณ์ต่างๆ ด้วย เพราะที่ผ่านมา กกต. เคยประสานขอพูดคยกับคู่ขัดแย้งแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบรับ โดยการหารือระหว่าง กกต. กับรัฐบาลครั้งนี้ คงไม่เกิดเหตุความวุ่นวาย มีการมาชุมนุมคัดค้านของกลุ่มมวลชนต่างๆ เพราะที่นี่ คือ สถานที่ราชการ แต่เพื่อความไม่ประมาท กกต. ได้เตรียมแผนสำรองไว้ 2-3 แผนแล้ว
นายภุชงค์ กล่าวด้วยว่า กกต.มีมติรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ว. เพิ่มอีก 4 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสิงห์บุรี และได้รับคำร้องคัดค้านผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ว.ใน จ.แพร่ เรื่องร้องคัดค้าน เนื่องจากมีเนื้อหารายละเอียดที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม กรณีที่การหาเสียงลงหนังสือพิมพ์ที่มีข้อความอาจขัดประกาศ กกต. ทำให้ขณะนี้ ยังเหลือ ส.ว.ที่ กกต.ยังไม่พิจารณารับรองอีก 15 จังหวัด รวมทั้งที่ประชุม กกต. ยังมีมติเห็นชอบกับที่ ครม. เสนอให้งดเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำดีเซล ต่ออีก 1 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 1-31 พ.ค.2557
***แย้ม ปชป.-พท. มีโอกาสหารือกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนและตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งใจที่จะไปร่วมประชุมกับ กกต. แต่มีข้อมูลว่ามีความพยายามที่จะใช้ความรุนแรงในที่ประชุม และไม่มีใครสามารถยืนยันได้ จึงตัดสินใจปรึกษากับทาง กกต. ซึ่ง กกต.ยอมรับว่า มีข้อจำกัดในการที่จะดูแลความปลอดภัย ตนจึงทำหนังสือชี้แจงไปยัง กกต. ของดการไปร่วมหารือดังกล่าว แต่มีสื่อบางฉบับตีข่าวว่าตนเบี้ยวนัด เพราะมองว่าการที่มีคนปองร้ายตนนั้น เป็นเรื่องปกติ โดยไม่มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการละเมิดหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย และที่สำคัญ ตนได้ยืนยันในจดหมายว่า พร้อมที่จะร่วมมือในการหาคำตอบให้กับประเทศ และผลการประชุม ก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายว่า พรรคการเมืองส่วนใหญ่อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ตนยืนยันว่าหากจัดการเลือกตั้งได้เรียบร้อย ก็อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว
"คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ คือ สิ่งที่จะช่วยกันทำให้มันเรียบร้อย คืออะไร เพราะทาง กกต.ยืนยันแต่เพียงว่า เลือกคราวนี้ไม่โมฆะเหมือนคราวที่แล้ว คำว่า ไม่โมฆะเหมือนคราวที่แล้วนั้น ไม่ใช่หมายความว่า จะไม่มีปัญหาเลย เพียงแต่บอกว่า ที่เป็นปัญหาบางเรื่อง เช่น การเปิดรับสมัคร จะมีวิธีการแก้โดยการเปิดรับสมัครทางไปรษณีย์ หรือทางอินเทอร์เน็ต แต่ก็ไม่ได้มีการยืนยันว่า แล้วการเลือกตั้งหลังจากสมัครได้แล้ว จะเรียบร้อยหรือไม่ อย่างไร ก็คือไม่โมฆะด้วยเหตุผลเหมือนกับคราวที่แล้ว ไม่ใช่ไม่โมฆะเหมือนกับคราวที่แล้ว เพราะฉะนั้น ตรงนี้ยังเป็นหน้าที่ทุกพรรคการเมือง รวมทั้งรัฐบาล และ กกต. จำเป็นต้องช่วยกันแก้โจทย์ ในการที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับ และพรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะพูดคุยว่า เราจะช่วยทำอะไรได้บ้าง แต่ถ้ารัฐบาลไม่สนใจโจทย์นี้เลย บอกไม่เกี่ยว ไม่สนใจว่าคนจะไปเลือกตั้ง หรือจะมีความวุ่นวายหรือไม่ แต่ก็กำหนดไปอย่างนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคุยอะไรกัน"
นายอภิสิทธิ์ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ มีโอกาสคุยกัน เพราะพรรคไม่เคยปิดกั้นในการไปพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น แต่ว่าการที่พรรคการเมือง 2 พรรคใหญ่ จะคุยกัน ต้องเข้าใจด้วยว่าเรากำลังพยายามที่จะแก้ปัญหา ซึ่งมีฝ่ายอื่นๆ ในสังคมที่เขาจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นภาคประชาชน ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายกฎหมาย หรือฝ่ายอื่นๆ ไม่เอาเพียงแต่ความต้องการของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ แล้วไปทึกทักให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเดินตามเพราะคนที่เขาสนับสนุนหรือสมาชิกพรรคการเมือง ก็มีวิจารณญาณของเขา และกระแสวิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้น เป็นความผิดของทุกฝ่าย ทุกคนต้องมาช่วยกันแก้ไข
** "ปู"ต้องกล้าตัดสินใจให้บ้านเมืองสงบ
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่าเศรษฐกิจมีปัญหา เพราะไม่มีการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวยอมรับว่า ทุกคนเดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจจริง หากสามารถคลี่คลายปัญหาการเมืองได้เร็ว ก็จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่ปัญหาหลัก คือ ความต้องการที่จะเดินเลือกตั้งและปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจล้วนเกิดขึ้นจากเรื่องการทุจริต คอร์รัปชั่น จากนโยบายที่ผิดพลาด หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ คิดว่าการเมืองติดหล่ม เพราะพวกตน และกปปส. สร้างความเดือดร้อน และอยากที่จะให้มันหลุดพ้นจากสภาพนี้ไป คำถาม คือ แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ คิดจะทำอะไร เพราะตนคิดและพยายามนำเสนอทางออก โดยประสานงานพบปะกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพูดรายละเอียดได้มากขึ้นในอีก 2-3 วันข้างหน้า แต่ต้องถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมจะทำหรือไม่
"ที่บอกว่าพร้อมจะวางมือทางการเมือง ถ้าบ้านเมืองเดินได้ แล้วจะลองคุยกันมั้ยว่า ถ้าจะวางมือแล้ว ขณะเดียวกันรักษาระบบ รักษาประชาธิปไตยอย่างที่คุณยิ่งลักษณ์บอกว่าเป็นความปรารถนาของตัวเองด้วย แล้วประเทศเดินได้ ถ้าพูดให้สัมภาษณ์เฉยๆ บอกว่าพร้อมจะอย่างนี้ แต่ว่าต้องไปเลือกตั้ง อันนี้ไม่ใช่ครับ ต้องถามว่า ตกลงคุณยิ่งลักษณ์ พร้อมใช่มั้ยที่จะวางมือ แล้วบ้านเมืองจะสงบมั้ย ต้องมาแลกเปลี่ยนกันว่า ประเด็นที่จะทำให้บ้านเมืองสงบนี้ มีอะไรบ้าง อาจจะเกี่ยวกับการที่คุณยิ่งลักษณ์ วางมือหรือไม่วางมือก็ได้ เพราะไม่มีใครเรียกร้อง ขณะนี้คุณยิ่งลักษณ์จะต้องวางมือเด็ดขาดทางการเมือง"นายอภิสิทธิ์กล่าว
**ยันการข่าว 3 ฝ่ายมีแผนลอบฆ่า"มาร์ค"
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ ตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมพรรคการเมือง เกิดจากการประมวลสถานการณ์และการข่าวในสามด้าน คือ จากวอร์รูม กปปส. ข้อมูลจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ และการข่าวจากฝ่ายความมั่นคง ตรงกันว่า จะมีการก่อเหตุ ทำให้มีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัย จึงต้องถามไปยังวอร์รูมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน และ ผอ.ศอ.รส. ว่า ใช่หรือไม่ว่ามีทีมจาก จ.ลำปาง คอยชี้เป้าอยู่ในที่ประชุม มีทีมจากคลองเตย และทีมที่เคยก่อเหตุที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หากรัฐบาลมีความจริงใจ ขอให้ไปหาว่ามีใครไปพักที่รีสอร์ต ย่านรามอินทรา เป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยลงมือที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่รัฐบาลปล่อยให้ลอยนวล โดยที่ตำรวจไม่จับกุมใช่หรือไม่ เพราะเหตุรุนแรงที่เกิดกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล มีทั้งหมดกว่า 66 คดี แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
**"เอก"เผยคดียิงเอ็ม79บ้านปลัดสธ.คืบ
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. กล่าวที่จ.นครราชสีมาว่า คดียิงเอ็ม 79 ใส่บริเวณบ้านนพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พิสูจน์ทราบเบื้องต้นได้ว่ายิงเข้ามาในแนวราบ จุดที่ยิงห่างไป 45-50 เมตร โดยกำลังตรวจสอบภาพจากกล้องทีวีวงจรปิด ซึ่งยังรออยู่ว่าจะตรวจสอบพบหรือไม่ แต่เบื้องต้นสันนิฐานว่าใช้ยานพาหนะ ซึ่งเป็นรถยนต์ ไม่ใช่รถจักรยานยนต์ เพราะหลายกรณีที่ได้ตรวจที่เกิดเหตุ ลักษณะการใช้เอ็ม 79 ยิงสามารถประทับยิงจากในรถยนต์ได้ คนร้ายคงจะมี 2 คนขึ้นไป ส่วนสาเหตุมุ่งไปที่เรื่องปัญหาการเมืองเป็นหลัก แต่ก็ต้องให้เวลาตำรวจตรวจสอบด้วย
ส่วนที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าจะเหมือนคดีปาและยิงระเบิดบ้านก่อนหน้านี้ที่จับคนร้ายไม่ได้หรือไม่นั้น ต้องเรียนว่าบางกรณีต้องให้เวลา เพราะสาเหตุหรือกลุ่มบุคคลต้องสงสัยต้องมีพยานหลักฐานยืนยัน ผบ.ตรก็เร่งรัดให้สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้ทุกคดี