xs
xsm
sm
md
lg

"ปู"ดิ้นเพิ่มพยานจำนำข้าว องคมนตรีปัดถกนายกฯม.7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้หารือร่วมกับรัฐมนตรี และทีมทนายความ และบุคคลที่เกี่ยวข้องในการชี้แจงต่อ ป.ป.ช. ในเรื่องโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความ เปิดเผยว่า เราได้รับโอกาสที่จะนำพยานเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จำนวน 4 ปาก คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ และพล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังเหลืออีก 7 ปาก คือ พยานที่เราขออนุญาตตั้งแต่แรกจำนวน 5 ปากและ 2 ปากสุดท้าย อาทิ นายสมชัย สัจจพงษ์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า มีความสำคัญที่จะไปหักล้างประเด็นของนางสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง รายงานอนุกรรมการปิดบัญชีว่า การจัดทำรายงานดัวกล่าวไม่สมบูรณ์ถูกต้องอย่างไร
นายพิชิต กล่าวว่า ในวันนี้ (23 เม.ย.) จะเดินทางไปยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อ ป.ป.ช. ว่าพยาน 7 ปากที่เหลือนั้น ป.ป.ช. อย่าตัดทิ้งเลย ขอให้ให้โอกาสต่อโครงการดังกล่าว เพราะถือเป็นโครงการใหญ่ มีโครงสร้าง และขั้นตอนและหน่วยงานที่รับผิดชอบจำนวนมาก อย่าง นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ เข้ามาทำหน้าที่ตรงกับเวลาที่ นางสุภา ทำงานและบอกว่า สต็อกข้าว 2.9 ล้านตันหาย การที่ให้นายวราเทพ เข้าไปชี้แจงต่อป.ป.ช. ก็จะเกิดประโยชน์
เมื่อถามว่า หากป.ป.ช.ยังยืนยันในจุดยืนเดิม จะมีผลเสียต่อนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายพิชิต กล่าวยอมรับว่า ถ้าถามถึงความเสียหาย เสียหายแน่เพราะในส่วนของนายกิตติรัตน์ และนายนิวัฒน์ธำรง ถือเป็นส่วนนโยบาย แต่ในส่วนฝ่ายปฏิบัติ ก็ยังไม่มีการชี้แจง เมื่อฝ่ายการเมืองพูดแล้วก็ควรฟังฝ่ายข้าราชการประจำบ้าง

**"ชัยเกษม"ยกอดีตหวังพึ่งพระบารมี

นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการเตรียมการรับมือ กรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยสถานภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า ขณะนี้นายกฯ อยู่ระหว่างให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญ และรออย่างเดียวว่าจะตัดสินเมื่อไร อย่างไร คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ส่วนการขอเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายรายงานนั้น ปกติสามารถทำได้ แต่ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน อะไรจะเกิดขึ้นบ้างยังไม่รู้
อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ได้มีการหารือกับนายกฯ หรือ ครม. เรื่องการใช้ช่องทาง มาตรา 7 เพื่อขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย เพราะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของตนเท่านั้น แต่ตนยังยืนยันแนวทางนี้อยู่หากศาลรัฐธรรมนูญทำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่หากไม่ทำเกินกว่ากฎหมายกำหนดก็แล้วไป ทั้งนี้ จริงๆ แล้วสำหรับเรื่องนี้ไม่ต้องทำตามมาตรา 7 ก็ได้ เนื่องจากแต่เดิมถ้าประชาชนเดือดร้อน อะไรที่ไม่มีทางออกจริงๆ สามารถพึ่งพระบารมีได้ ดังนั้น การจะอ้างมาตรา 7 หรือไม่อ้างนั้นไม่แตกต่างกัน แต่หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้น


**องคมนตรีไม่มีประชุมเรื่องนายกฯม.7

วานนี้ (22เม.ย.) คณะองคมนตรีได้มีการประชุมประจำสัปดาห์ โดยเป็นการประชุมตามวาระปกติ ซึ่งเรื่องส่วนใหญ่ที่หารือเป็นเรื่องของข้อกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะข้อกฎหมายเกี่ยวกับคดีของนักโทษที่ทางกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ที่ทำเรื่องเข้ามาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ พร้อมทั้งหารือกรณีที่รัฐบาลคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาคงามมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้กับนายถวิล เปลี่ยนศรี แทน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ซึ่งย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด โดยองคมนตรีได้หารือเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งศาลฯเท่านั้น
อย่างไรก็ตามยืนยันว่าในที่ประชุมองคมนตรีไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง รวมถึงเรื่อง มาตรา7 ที่จะให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงวินิจฉัยเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีพระราชทาน เพราะเรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับองคมนตรี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการประชุมเรื่องดังกล่าว ตามที่มีกระแสข่าวลือ

** "สุเทพ"นำม็อบบุกกฟผ. คนแห่รับคึก

เวลา 10.00 น.วานนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมแกนนำ กปปส. นำผู้ชุมนุมเดินทางโดยขบวนรถจากสวนลุมพินี ขึ้นทางด่วน ไปยังสำนักงานใหญ่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เมื่อไปถึงได้มี พนักงานกฟผ. ออกไปรอต้อนรับจำนวนมาก
จากนั้นได้นำนายสุเทพ ไปยังหอประชุมประชาสัมพันธ์ 2 กฟผ. ที่มีการจัดห้องประชุม และพื้นที่ไว้ต้อนรับ บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก โดยนายประภาส วิชากูล รองผู้ว่าการกิจการสังคม และ นายสืบพงศ์ บูรณศิรินทร์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ บริหารทรัพยากรบุคคล ได้มาหารือด้วย ซึ่งนายสุเทพ ชี้แจงต่อผู้บริหาร กฟผ.ว่า การเดินทางมาเพื่อเชิญท่านไปร่วมมือกับมวลมหาประชาชนไล่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกไป เพื่อปฏิรูปประเทศไทยให้แผ่นดินสูงขึ้น เพราะคนไทยประจักษแล้วว่า ระบอบบทักษิณทำความอันตรายต่อประเทศไทยรุนแรงที่สุด และเชื่อว่าคนกฟผ. เจอกับตัวเอง
" ระบอบทักษิณไม่ใช่นักประชาธิปไตย แอบอ้างเข้ามาใช้เงินเงินทุนมหาศาล ทั้งซื้อทั้งโกง ไม่มีใครคำนวณได้ว่าวันนี้เขาโกงประเทศไทยได้กี่แสนล้านบาทแล้ว ซึ่งการปฏิรูปประเทศไทย ต้องปฏิรูปเรื่องการเมืองก่อนทั้งหมด เพราะประชาชนตระหนักว่าการรเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นที่มาการให้คนชั่วเข้ามามีอำนาจ และปล้นบ้านเมือง เรื่องที่ต้องทำเร็วที่สุดคือ ระบบพรรคการเมือง และบทลงโทษ และการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน การกระจายอำนาจการ ปกกครอง ขณะที่วิธีก็จำเป็นต้องเอารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกไป เนื่องจากยังเป็นตัวแทน นอมินี อาละวาดเล่นงานประเทศไทยอยู่ โดยวิธีทางกฎหมาย" นายสุเทพ กล่าว
ภายหลังนายสุเทพ ชี้แจงเสร็จ นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพ แรงงาน กฟผ. กล่าวว่า ขอหารือ กปปส. 2 เรื่อง คือ กรณี กฟผ.มีหน้าที่ดูแลความมั่นคงด้านการไฟฟ้า ซึ่งความเป็นจริงกฟผ. ต้องผลิตไฟฟ้า 40% แต่ขณะนี้ผลิตได้เพียง 30% จึงอยากให้ปฏิรูปในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งการที่ไฟฟ้าในภาคใต้ ที่ทุกวันนี้ภายังใช้ไฟฟ้าจากภาคกลาง ทำให้ไฟฟ้าไม่เพียงพอ ดังนั้นขอให้นายสุเทพ สนับสนันตั้งโรงไฟฟ้าในภาคใต้ด้วย จากนั้นนายสุเทพ พร้อมผู้บริหาร รับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน

**กวป.-กปปส.หวิดปะทะในศูนย์ราชการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 9.00 น. วานนี้ กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาชน หรือ กวป. นำโดย นายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษกกลุ่มฯได้รวมตัวที่บริเวณอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ วงเวียนบางเขน ก่อนเดินทางมายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง กรณีที่จะวินิจฉัยสถานภาพ นายกรัฐมนตรี จากการแต่งตั้งโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคง
แห่งชาติ โดยมีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 2 กองร้อย ตำรวจในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ทหาร คอยอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง แต่เมื่อมาถึงบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ กลุ่ม กวป. ได้ใช้เส้นทางบริเวณซอย 5 เพื่อเข้ามายังศูนย์ราชการ เนื่องจากไม่สามารถใช้เส้นทางถนนแจ้งวัฒนะได้ เพราะจะต้องผ่านกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ประกอบกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นไว้ กลุ่ม กวป. จึงเลี่ยงใช้เส้นทาง ซอยแจ้งวัฒนะ 5 อ้อมมาบริเวณวงเวียนโกลเด้นเพลส ที่อยู่ภายศูนย์ ราชการ ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่ทหารตั้งด่านสกัดอยู่
ขณะเดียวกันนั้นคณะของหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่กำลังจะเดินทางไปสมทบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่เดินทางไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เมื่อทราบว่ามีกลุ่ม กวป. เดินทางเข้ามาในพื้นที่ใกล้จุดชุมนุม แจ้งวัฒนะ ขบวนรถของหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่ขณะนั้นเดินทางไปถึงแยกงามวงศ์วาน ก็ได้เดินทางกลับมายังศูนย์ราชการ และนำกลุ่มผู้ชุมนุมไปยังวเวียนโกลเด้นเพลส จุดที่ กวป. ตั้งขบวนเจรจากับเจ้าหน้าที่ เพื่อขอเปิดทางไปที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญอยู่ โดยอยู่คนละฝั่งถนน และมีเจ้าหน้าที่ทหารกั้นทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้พูดผ่านเครื่องขยายเสียงประกาศให้เจ้าหน้าที่ทหาร และการ์ดของกลุ่มกปปส. ที่เป็นชุดเคลื่อนที่เร็ว ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ แม้ว่ากลุ่มกวป.จะถอยกลับไป แต่ก็มีรายงานว่า มีรถบางส่วนเข้ามายังศูนย์ราชการได้ ประกอบกับบางส่วนหลบเข้าไปในสนามกอล์ฟราชพฤกษ์ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ทหาร ที่มาดูแลความเรียบร้อย มารายงานต่อหลวงปู่ฯ เพื่อยืนยันว่า ไม่มีกลุ่มของกวป. อยู่ในบริเวณพื้นที่หลวงปู่พุทธะอิสระ จึงได้นำกลุ่มผู้ชมนุมกลับ ไปยังเวที ถ.แจ้งวัฒนะ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารก็ยังคงตรึงกำลังรอบๆศูนย์รายการ
ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสถานที่เป้าหมายของกลุ่ม กวป.จะมาแสดงกิจกรรม ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่ รปภ.ของอาคารเฝ้าดูแล หลังได้รับรายงานว่ากลุ่มกวป. จะเดินทางมา แต่เมื่อได้รับทราบว่ากลุ่มกวป. ถอนกำลังไปแล้ว ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ด้านนายศรรักษ์ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เหตุที่กลุ่มกวป. ไม่สามารถไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รู้เห็นเป็นใจกับกลุ่มกปปส. ให้มาขัดขวาง พร้อมยืนยันว่า กลุ่มกวป. จะเข้าไปยังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อทำกิจกรรมดังกล่าวให้ได้ ในวันหนึ่ง โดยถ้าจำเป็นต้องรื้อพื้นที่ชุมนุมของ กปปส.เพื่อเปิดทาง ก็ต้องทำ

** การ์ดกปปส.รวบตร.แฝงตัวมาหาข่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างนั้น มีเสียงดังคล้ายเสียงปืนดังขึ้น จำนวน 2 ครั้ง โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น กลุ่มการ์ด กปปส.ก็ได้กรูเข้าจับกุมชายต้องสงสัย จำนวน 3 คน และได้นำตัวมาให้หลวงปู่ฯ สอบปากคำที่บ้านทรงไทย ข้างกองพันปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ที่ 1รักษาพระองค์ (ปตอ.พัน1 รอ.) จากการตรวจค้นตัว พบบัตรประจำตัว ร.ต.อ. ธวัชชัย จิตตรีชาติ อายุ 31 ปี ตร. สืบสวน สน. คันนายาว จ.ส.ต. ณรงค์เดช จาระนุ่น อายุ 31 ผู้บังคับหมู่ สน. คันนายาว และ ด.ต. สมหมาย แก้วดอนไทย ผบ.หมู่ งานสืบสวน สน.ประชาชื่น รวมทั้งอาวุธปืนพก และกระสุนปืนจำนวนหลายนัด เสื้อวินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง สกรีนเบอร์ 4 เขตจตุจักร หมู่บ้านปูนซีเมนต์ไทย
ทั้งนี้ชายหนึ่งในกลุ่มการด์ กปปส.อ้างว่า ขณะจับกุม มีชายเสื้อยืดขาว กางเกงยีนส์ ได้หลบหนีไปได้
สำหรับตำรวจที่ถูกการ์ดกปปส.จับกุมได้นั้นให้การว่า ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้มาหาข่าวบริเวณซอยแจ้งวัฒนะ 5 เรื่อง กวป. จะมาที่ศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงปืนใส่การด์ แต่อย่างใด
ด้านหลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่มาหาข่าว ไม่ควรพกพาอาวุธ และควรแต่งเครื่องแบบตำรวจมาปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกัน การ์ด ได้นำตัวผู้ต้องสงสัย อีก 1 ราย ชื่อ นายพงศ์ประณต เดชคำแก่น ถูกจับตรงบริเวณ ซ.แจ้งวัฒนะ 12 ซึ่งเจ้าตัวให้การว่ามาขายของที่ตลาดในทีโอที จากกการค้นตัวพบบัตร เจ้าหน้าที่ การข่าว กก.2ป.

**แพทย์-พยาบาลประณามยิงบ้านปลัดสธ.

ด้านกลุ่มแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหลายจังหวัดทั่วประเทศ ได้ออกมาเคลื่อนไหวให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข หลังถูกคนร้ายคุกคามยิง M79 ใส่บ้านพักเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา พร้อมประณามผู้ก่อเหตุ และเรียกร้องให้ตำรวจเร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว
เช่นที่ รพ.ขอนแก่น นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผอ.ศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด รพ.ขอนแก่น พร้อมกลุ่มแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ รพ.ขอนแก่น ได้รวมตัวกันกว่า 50 คนที่หน้าตึกอุบัติเหตุ พร้อมเป่านกหวีด ร้องเพลงชาติ และแสดงป้ายสัญลักษณ์ที่มีข้อความให้กำลังใจปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมประณามคนร้ายที่ใช้เครื่องยิงระเบิด M79 ใส่บ้านพักปลัดกระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นการข่มขู่ข้าราชการที่ดี เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม ไร้คุณธรรม และจริยธรรม
ขณะเดียวกัน ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งสืบสวนหาผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ดังกล่าวมาลงโทษโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายต่อไป
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า การรวมตัวของบุคลากรสาธารณสุขของ รพ.ศูนย์ขอนแก่นครั้งนี้ เพื่อประกาศจุดยืนของชาวสาธารณสุขที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือไม่เอาความรุนแรง และขับไล่รัฐบาลโกงให้ออกไป และพร้อมจะยืนเคียงข้างปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องและดีงามให้เป็นตัวอย่างของข้าราชการที่ดี ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจ หรืออิทธิพลที่ไม่ชอบธรรม และไม่หวังผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้มาโดยมิชอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น