ASTVผู้จัดการรายวัน - "ชัยวัฒน์" หน.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ยันไม่เกี่ยว "บิลลี่" แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย หายตัวลึกลับหลังถูกคุมตัวสอบเพราะพบพกขวดน้ำผึ้ง เผยคุยจนรู้ว่าเป็นสมาชิกอบต. เลยแค่ว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยไป ด้านเลขาธิการเครือข่ายกระเหรี่ยง พาภรรยายื่นหนังสือผู้ว่าฯเพชรบุรี-ผู้การตำรวจขอความเป็นธรรม ขณะที่มูลนิธิผสานวัฒนธรรมแถลงการณ์ ระบุเงื่อนปมจากเหตุฟ้องศาลปกครองคดีสั่งเผาหมู่บ้าน
จากกรณีที่ นายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย หายตัวไปหลังจากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ควบคุมตัวมาสอบสวนหลังค้นรถจักรยานยนต์นายพอละจี ขณะเดินทางจากหมู่บ้านลงมายังตัวอำเภอแก่งกระจาน พบน้ำผึ้ง 6 ขวด แต่ได้ปล่อยตัวไปภายหลัง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นไม่มีใครพบนายพอละจีอีกเลย ต่อมาวันที่ 18 เมษายน เวลา 21.00 น. นายกระทง โชควิบูลย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง เข้าแจ้งความที่สภ.แก่งกระจาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนว่าหายตัวไปจริงหรือไม่นั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (21 เม.ย.) นายชัยวัฒน์ แถลงว่า จากที่มีข่าวว่าตนถูกพาดพิงถึงเรื่องการหายตัวไปนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยวันนั้นตนและเจ้าหน้าที่กลับจากตรวจพื้นเขาพะเนินทุ่ง และมีเจ้าหน้าที่อุทยานโทรศัพท์มาแจ้งว่าจับกุมผู้บุกรุกป่าได้ ของกลางเป็นน้ำผึ้งจำนวนหนึ่งและได้ควบคุมตัวไว้ ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จึงไปรับตัว ขึ้นรถมาพร้อมตน และสอบถามจึงทราบว่าเป็นนายพอละจี และเป็นสมาชิกอบต.แห่งหนึ่ง ก็ตกใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ของรัฐถึงทำแบบนี้ จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนไป
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า นายพอละจีสารภาพว่านำน้ำผึ้งออกมาจริง แต่นำมาเพียง 5 ขวด ส่วนในกระเป๋าที่นำมาด้วย คือ เสื้อผ้า ไม่ใช่น้ำผึ้งตามที่เจ้าหน้าที่สงสัย จึงตรวจค้นและพบว่าเป็นเสื้อผ้าจริงๆ ซึ่งตนยอมรับว่าได้ว่ากล่าวตักเตือนมาตลอดทางจนถึงแยกหนองมะค่าจึงปล่อยตัวไป เจ้าหน้าที่สามารถเป็นพยานยืนยันเรื่องนี้ได้
"น้ำผึ้งแค่ 5 ขวด ไม่น่าเป็นต้นเหตุการหายตัวไปของนายพอละจี ผมว่าเหตุผลแค่นี้มันเกินไป ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เกม คนบางกลุ่มอยากให้ผมถูกย้ายออกจากพื้นที่ แต่ผมไม่เดือนร้อนและไม่ได้หนักใจ ผมอยากเรียกร้องให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ซึ่งปกป้องทรัพยากรของแผ่นดิน และขอความเป็นธรรมสำหรับคนที่ตั้งใจทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีศีลธรรม จริยธรรม คนที่ดีควรจะปกป้องเขาก็ควรปกป้อง แต่สำหรับผู้ที่ทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรผมก็ไม่ยอม"
ต่อมา นายเกรียงไกร ชีช่วง เลขาธิการเครือข่ายกระเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และน.ส.พิณนภา พฤษาพรรณ ภรรยานายพอละจี รวมถึงชาวบ้านอีกประมาณ 30 คน ยื่นหนังสือต่อนายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี และพล.ต.ต.พีรชาติ รื่นเริง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เพื่อขอความเป็นธรรมเป็นธรรม และขอให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
ทั้งนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ออกแถลงการณ์ว่า นายพอละจีหายตัวไปขณะเดินทางออกจากหมู่บ้านมาที่ตัวอำเภอ เพื่อเตรียมข้อมูลและเตรียมนำชาวบ้านไปร่วมฟังการพิจารณาคดีของศาลปกครอง ในคดีที่ชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายชัยวัฒน์ ที่รื้อถอน เผาทำลายบ้านเรือน และทรัพย์สินของชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ซึ่งต่อมาผลการศึกษายืนยันว่าชาวบ้านเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิม ตั้งรกรากอยู่บริเวณลำห้วยเหนือแม่น้ำบ้านบางกลอยบนมากว่า 100 ปีแล้ว
โดยคดีนี้นายพอละจีทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทนายความ และเป็นพยานในคดีด้วย ทำให้ชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย ตั้งข้อสงสัยว่าการหายตัวไปอาจส่งผลเสียหายต่อคดี และการเรียกร้องความยุติธรรมของชาวบ้าน
ขณะเดียวกัน นายชัยวัฒน์ยังตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า ในคดีลอบสังหารนายทัศน์กมล โอบอ้อม เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2554 โดยนายทัศน์กมลได้ต่อสู้และเรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย ในกรณีรื้อถอน เผาทำลายบ้าน เรือนและทรัพย์สินเช่นกัน
จากกรณีที่ นายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย หายตัวไปหลังจากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ควบคุมตัวมาสอบสวนหลังค้นรถจักรยานยนต์นายพอละจี ขณะเดินทางจากหมู่บ้านลงมายังตัวอำเภอแก่งกระจาน พบน้ำผึ้ง 6 ขวด แต่ได้ปล่อยตัวไปภายหลัง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นไม่มีใครพบนายพอละจีอีกเลย ต่อมาวันที่ 18 เมษายน เวลา 21.00 น. นายกระทง โชควิบูลย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง เข้าแจ้งความที่สภ.แก่งกระจาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนว่าหายตัวไปจริงหรือไม่นั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (21 เม.ย.) นายชัยวัฒน์ แถลงว่า จากที่มีข่าวว่าตนถูกพาดพิงถึงเรื่องการหายตัวไปนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยวันนั้นตนและเจ้าหน้าที่กลับจากตรวจพื้นเขาพะเนินทุ่ง และมีเจ้าหน้าที่อุทยานโทรศัพท์มาแจ้งว่าจับกุมผู้บุกรุกป่าได้ ของกลางเป็นน้ำผึ้งจำนวนหนึ่งและได้ควบคุมตัวไว้ ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จึงไปรับตัว ขึ้นรถมาพร้อมตน และสอบถามจึงทราบว่าเป็นนายพอละจี และเป็นสมาชิกอบต.แห่งหนึ่ง ก็ตกใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ของรัฐถึงทำแบบนี้ จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนไป
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า นายพอละจีสารภาพว่านำน้ำผึ้งออกมาจริง แต่นำมาเพียง 5 ขวด ส่วนในกระเป๋าที่นำมาด้วย คือ เสื้อผ้า ไม่ใช่น้ำผึ้งตามที่เจ้าหน้าที่สงสัย จึงตรวจค้นและพบว่าเป็นเสื้อผ้าจริงๆ ซึ่งตนยอมรับว่าได้ว่ากล่าวตักเตือนมาตลอดทางจนถึงแยกหนองมะค่าจึงปล่อยตัวไป เจ้าหน้าที่สามารถเป็นพยานยืนยันเรื่องนี้ได้
"น้ำผึ้งแค่ 5 ขวด ไม่น่าเป็นต้นเหตุการหายตัวไปของนายพอละจี ผมว่าเหตุผลแค่นี้มันเกินไป ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เกม คนบางกลุ่มอยากให้ผมถูกย้ายออกจากพื้นที่ แต่ผมไม่เดือนร้อนและไม่ได้หนักใจ ผมอยากเรียกร้องให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ซึ่งปกป้องทรัพยากรของแผ่นดิน และขอความเป็นธรรมสำหรับคนที่ตั้งใจทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีศีลธรรม จริยธรรม คนที่ดีควรจะปกป้องเขาก็ควรปกป้อง แต่สำหรับผู้ที่ทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรผมก็ไม่ยอม"
ต่อมา นายเกรียงไกร ชีช่วง เลขาธิการเครือข่ายกระเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และน.ส.พิณนภา พฤษาพรรณ ภรรยานายพอละจี รวมถึงชาวบ้านอีกประมาณ 30 คน ยื่นหนังสือต่อนายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี และพล.ต.ต.พีรชาติ รื่นเริง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เพื่อขอความเป็นธรรมเป็นธรรม และขอให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
ทั้งนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ออกแถลงการณ์ว่า นายพอละจีหายตัวไปขณะเดินทางออกจากหมู่บ้านมาที่ตัวอำเภอ เพื่อเตรียมข้อมูลและเตรียมนำชาวบ้านไปร่วมฟังการพิจารณาคดีของศาลปกครอง ในคดีที่ชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายชัยวัฒน์ ที่รื้อถอน เผาทำลายบ้านเรือน และทรัพย์สินของชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ซึ่งต่อมาผลการศึกษายืนยันว่าชาวบ้านเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิม ตั้งรกรากอยู่บริเวณลำห้วยเหนือแม่น้ำบ้านบางกลอยบนมากว่า 100 ปีแล้ว
โดยคดีนี้นายพอละจีทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทนายความ และเป็นพยานในคดีด้วย ทำให้ชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย ตั้งข้อสงสัยว่าการหายตัวไปอาจส่งผลเสียหายต่อคดี และการเรียกร้องความยุติธรรมของชาวบ้าน
ขณะเดียวกัน นายชัยวัฒน์ยังตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า ในคดีลอบสังหารนายทัศน์กมล โอบอ้อม เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2554 โดยนายทัศน์กมลได้ต่อสู้และเรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย ในกรณีรื้อถอน เผาทำลายบ้าน เรือนและทรัพย์สินเช่นกัน