เมื่อวานนี้ 21 เมษายน ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกแถลงการณ์ตำหนิ ศอ.รส.ทำเกินอำนาจหน้าที่ ยืนยันว่า ศอ.รส. ไม่ได้มีความขัดแย้งกับศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. แต่ ศอ.รส.มีสิทธิที่จะออกแถลงการณ์บอกองค์กรอิสระทั้งสองหน่วยงาน เนื่องจากรัฐบาลแต่งตั้งพวกตนมาทำหน้าที่ โดยจากการข่าวรับฟังได้ว่ามีความพยายามจะตัดสินเกินบทบัญญัติรัฐธรรมนูญจึงห่วงใย ส่วนที่บอกว่าสองหน่วยงานบริสุทธิ์ยุติธรรมนั้น ขอให้บริสุทธิ์ยุติธรรมจริงๆ เรื่องจะได้ไม่เกิด เพราะมีความพยายามเรียกร้องว่าหากนายกฯ ออก ครม.ต้องพ้นทั้งคณะ ซึ่งหากพวกคุณทำกันขนาดนั้นจะนองเลือด ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญรักบ้านรักเมืองเหมือนกัน ที่ตนออกแถลงการณ์ไปจะไม่ฟังหรือทำอะไรก็เรื่องของคุณ แต่วันหนึ่งอย่ามาเสียใจ อย่ามาบอกว่า ศอ.รส.มีข่าวแล้วไม่บอกให้ทราบ และถ้าข่มขู่ตนจะออกแถลงการณ์ทำไม
“ถ้าจะไม่ฟังก็เชิญคุณตัดสินไปตามที่เป็นข่าว แล้ววันนั้นนายกฯ ที่มารับหน้าที่ใหม่จะรู้ว่านรกมีจริง บ้านเมืองมีเรื่อง คุณมีหน้าที่ ผมมีหน้าที่ แต่หน้าที่ต่างกัน ทำไมเราไม่ช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ หรืออยากให้นองเลือด หรืออยากให้มีการปฏิวัติเหมือนปี 49 ผมฟันธงเลยว่าหากทหารไม่ปฏิวัติ ขบวนการ กปปส.ขบวนการส้มหล่น ขบวนการนายกฯ คนกลางที่ตัดสูทชุดขาวไว้รอแพ้เรียบ ไปไม่ได้ พวกผมก็เป็นพสกนิกรเหมือนกัน ไม่ใช่แค่กำนันสุเทพ แล้วเชิญศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช.ออกแถลงการณ์ด่าผมมาอีกร้อยฉบับก็ไม่โกรธ แต่ประชาชนจะตัดสินว่าถึงวันหนึ่งร.ต.อ.เฉลิม บอกแล้วก็ไม่ฟัง มานั่งร้องไห้” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่าแถลงการณ์ของ ศอ.รส.ไม่ได้ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตามกฎหมายถูกต้องชอบธรรม เพราะศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลการเมือง จึงไม่ใช่การหมิ่นศาล ทำเป็นตกใจออกแถลงการณ์ เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมานองเลือดจะออกมาในรูปแบบใด ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นองเลือดเพราะคนทั้งประเทศที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยจะไม่ยอม เนื่องจากเห็นว่าตัดสินเกินรัฐธรรมนูญ เพราะมาตรา 181 ยังอยู่ หากตัดสินแบบยกกระบิ ไม่มีใครเหลือเลย มีปัญหาแน่ ดังนั้น ต้องไม่ตัดสินช่วยใคร ต้องถูกต้อง ตรงไปตรงมา ตนไม่ได้ข่มขู่ เพียงแต่หากท่านเดินกันไกลเกินกว่ารัฐธรรมนูญกำหนดมีเรื่อง ส่วนกระแสข่าวเรื่องปฏิวัติตนไม่พูด
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สำหรับ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่จะหมดอายุในวันที่ 30 เมษายน จะขยายเวลาการประกาศใช้ออกไปอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายกฯ ส่วนตนไม่เสนอ เพราะได้ออกแถลงการณ์ไปแล้ว จึงแล้วแต่รัฐบาล และหน่วยงานความมั่นคง
คำให้สัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิมนั้นมาจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศอ.รส.ได้ออกแถลงการณ์เตือนศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณาคำร้องที่มีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคง มาเป็นที่ปรึกษาในสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการกระทำที่ขัดกันในผลประโยชน์หรือไม่
แถลงการณ์ของ ศอ.รส.เตือนศาลรัฐธรรมนูญอย่าตัดสินเกินอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ และพูดในทำนองว่า ถ้าหากตัดสินอย่างนั้นจะเกิดความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง
นอกจากแถลงการณ์ของ ศอ.รส.จะเตือนศาลแล้วยังเตือนหน่วยงาน ป.ป.ช.ที่กำลังพิจารณาคำร้องที่มีผู้ร้องว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในนโยบายรับจำนำข้าว
ทั้งสองคำร้องนี้หากศาลหรือ ป.ป.ช.เห็นว่านางสาวยิ่งลักษณ์ผิด ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถ้าหากเป็นศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่แน่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้งคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ขณะเดียวกัน ถ้าหากเป็น ป.ป.ช.ชี้มูล นางสาวยิ่งลักษณ์ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
ขณะเดียวกัน ถ้าหากทั้งศาลและป.ป.ช.เห็นว่านางสาวยิ่งลักษณ์กระทำถูกต้อง ไม่มีความผิดใดๆ นางสาวยิ่งลักษณ์และคณะรัฐมนตรีก็ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปในฐานะรักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
ศอ.รส.ตั้งขึ้นมาหลังการลุกขึ้นประท้วงของมวลมหาประชาชนต่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ใช้อำนาจบาตรใหญ่แก้ไขกฎหมายเพื่อพี่ชายและพวกพ้องที่ทำผิดอาญาแผ่นดิน แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหวังจะครองอำนาจต่อไปให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ หน้าที่หลักๆ ของ ศอ.รส.คือการรักษาความสงบเรียบร้อย กำหราบปราบปรามประชาชนที่คัดค้านรัฐบาลนั่นก็อุบาทว์อยู่แล้ว ยังทะลึงไปแทรกแซงศาล แทรกแซงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ข้อเสนอแนะของ ศ.อ.รส.ก็คือ ตัดสินดีๆ อย่าให้นางสาวยิ่งลักษณ์ผิด หรือถ้าหากมีความผิดก็ต้องให้คณะรัฐมนตรียังมีอำนาจจต่อไป
ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะไม่สงบ ไม่เช่นนั้นประชาชนส่วนหนึ่งที่สนับสนุนรัฐบาลจะลุกขึ้นมาราวีเล่นงานศาล เล่นงาน ป.ป.ช.
นี่ไม่ขู่จะเรียกว่าอะไร?
ประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายในโลกนี้ล้วนแล้วแต่ต้องให้ศาลเป็นอิสระในการพิจารณาคดีต่างๆ ไม่แทรกแซงก้าวก่ายหรือทะลึ่งตึงตัง
มีประชาธิปไตยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่แหละผิดมนุษย์มนา ผิดหลักการของชาวโลก
“ถ้าจะไม่ฟังก็เชิญคุณตัดสินไปตามที่เป็นข่าว แล้ววันนั้นนายกฯ ที่มารับหน้าที่ใหม่จะรู้ว่านรกมีจริง บ้านเมืองมีเรื่อง คุณมีหน้าที่ ผมมีหน้าที่ แต่หน้าที่ต่างกัน ทำไมเราไม่ช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ หรืออยากให้นองเลือด หรืออยากให้มีการปฏิวัติเหมือนปี 49 ผมฟันธงเลยว่าหากทหารไม่ปฏิวัติ ขบวนการ กปปส.ขบวนการส้มหล่น ขบวนการนายกฯ คนกลางที่ตัดสูทชุดขาวไว้รอแพ้เรียบ ไปไม่ได้ พวกผมก็เป็นพสกนิกรเหมือนกัน ไม่ใช่แค่กำนันสุเทพ แล้วเชิญศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช.ออกแถลงการณ์ด่าผมมาอีกร้อยฉบับก็ไม่โกรธ แต่ประชาชนจะตัดสินว่าถึงวันหนึ่งร.ต.อ.เฉลิม บอกแล้วก็ไม่ฟัง มานั่งร้องไห้” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่าแถลงการณ์ของ ศอ.รส.ไม่ได้ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตามกฎหมายถูกต้องชอบธรรม เพราะศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลการเมือง จึงไม่ใช่การหมิ่นศาล ทำเป็นตกใจออกแถลงการณ์ เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมานองเลือดจะออกมาในรูปแบบใด ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นองเลือดเพราะคนทั้งประเทศที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยจะไม่ยอม เนื่องจากเห็นว่าตัดสินเกินรัฐธรรมนูญ เพราะมาตรา 181 ยังอยู่ หากตัดสินแบบยกกระบิ ไม่มีใครเหลือเลย มีปัญหาแน่ ดังนั้น ต้องไม่ตัดสินช่วยใคร ต้องถูกต้อง ตรงไปตรงมา ตนไม่ได้ข่มขู่ เพียงแต่หากท่านเดินกันไกลเกินกว่ารัฐธรรมนูญกำหนดมีเรื่อง ส่วนกระแสข่าวเรื่องปฏิวัติตนไม่พูด
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สำหรับ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่จะหมดอายุในวันที่ 30 เมษายน จะขยายเวลาการประกาศใช้ออกไปอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายกฯ ส่วนตนไม่เสนอ เพราะได้ออกแถลงการณ์ไปแล้ว จึงแล้วแต่รัฐบาล และหน่วยงานความมั่นคง
คำให้สัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิมนั้นมาจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศอ.รส.ได้ออกแถลงการณ์เตือนศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณาคำร้องที่มีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคง มาเป็นที่ปรึกษาในสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการกระทำที่ขัดกันในผลประโยชน์หรือไม่
แถลงการณ์ของ ศอ.รส.เตือนศาลรัฐธรรมนูญอย่าตัดสินเกินอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ และพูดในทำนองว่า ถ้าหากตัดสินอย่างนั้นจะเกิดความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง
นอกจากแถลงการณ์ของ ศอ.รส.จะเตือนศาลแล้วยังเตือนหน่วยงาน ป.ป.ช.ที่กำลังพิจารณาคำร้องที่มีผู้ร้องว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในนโยบายรับจำนำข้าว
ทั้งสองคำร้องนี้หากศาลหรือ ป.ป.ช.เห็นว่านางสาวยิ่งลักษณ์ผิด ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถ้าหากเป็นศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่แน่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้งคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ขณะเดียวกัน ถ้าหากเป็น ป.ป.ช.ชี้มูล นางสาวยิ่งลักษณ์ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
ขณะเดียวกัน ถ้าหากทั้งศาลและป.ป.ช.เห็นว่านางสาวยิ่งลักษณ์กระทำถูกต้อง ไม่มีความผิดใดๆ นางสาวยิ่งลักษณ์และคณะรัฐมนตรีก็ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปในฐานะรักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
ศอ.รส.ตั้งขึ้นมาหลังการลุกขึ้นประท้วงของมวลมหาประชาชนต่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ใช้อำนาจบาตรใหญ่แก้ไขกฎหมายเพื่อพี่ชายและพวกพ้องที่ทำผิดอาญาแผ่นดิน แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหวังจะครองอำนาจต่อไปให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ หน้าที่หลักๆ ของ ศอ.รส.คือการรักษาความสงบเรียบร้อย กำหราบปราบปรามประชาชนที่คัดค้านรัฐบาลนั่นก็อุบาทว์อยู่แล้ว ยังทะลึงไปแทรกแซงศาล แทรกแซงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ข้อเสนอแนะของ ศ.อ.รส.ก็คือ ตัดสินดีๆ อย่าให้นางสาวยิ่งลักษณ์ผิด หรือถ้าหากมีความผิดก็ต้องให้คณะรัฐมนตรียังมีอำนาจจต่อไป
ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะไม่สงบ ไม่เช่นนั้นประชาชนส่วนหนึ่งที่สนับสนุนรัฐบาลจะลุกขึ้นมาราวีเล่นงานศาล เล่นงาน ป.ป.ช.
นี่ไม่ขู่จะเรียกว่าอะไร?
ประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายในโลกนี้ล้วนแล้วแต่ต้องให้ศาลเป็นอิสระในการพิจารณาคดีต่างๆ ไม่แทรกแซงก้าวก่ายหรือทะลึ่งตึงตัง
มีประชาธิปไตยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่แหละผิดมนุษย์มนา ผิดหลักการของชาวโลก
