“แม้ว”เดินเกมสองทาง ต่อลมหายใจ“น้องปู”

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ถึงกับต้องลงมาขันน็อตด้วยตัวเอง สำหรับ “นายใหญ่”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังจากช่วงก่อนหน้านี้ โลวโปร์ไฟล์ ปล่อยให้ลูกกระจ๊อกรับบท “หนังหน้าไฟ”ต่อกรกับฝ่ายตรงข้าม ส่วนตัวเองหลบฉากไปหุบปาก สงบคำ ไม่เจื้อยแจ้วพร่ำเพื่อ ไม่กระแทกนิ้วแพลมบนหน้ากระดานเฟซบุ๊ก

ตั้งแต่ กปปส. ก่อตัวออกมาตะเพิด กรณีออก ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม “นายใหญ่”แทบจะหายไปจากกระดานการเมืองไทย รวมๆ ก็ 4-5 เดือน เป็นอย่างต่ำ

เรื่องของเรื่องก็เพราะกลัวตัวเองจะกระทบชิ่ง จะยิ่งกลายเป็นการสร้างปมปัญหาให้กับ “ปูกรรเชียง”น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นน้องสาว ที่กำลังรับศึกหนัก จากมวลมหาประชาชนอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เลยจำเป็นต้องรูดซิปปากไว้ชั่วคราว
กระทั่งเข้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ “นายใหญ่”ก็กลับมายึดหัวหาด ชิงพื้นที่บนหน้าสื่อแบบรายวันอีกครั้ง ตามคิวที่เจตนาโผล่มาให้เป็นข่าว โจทย์ใหญ่หลักๆ ต้องการตรวจแถวแนวร่วม และรับข้อมูลเพื่อวางยุทธศาสตร์แก้เกมในระยะใกล้ๆ เพราะสถานการณ์น้องสาวในปัจจุบันไหลมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หายใจ รวยรินแล้ว

จะตายวันตายพรุ่ง อยู่รอมร่อ

นาทีนี้สัญญาณชัดว่า “นายใหญ่”อยู่ในอาการขวัญผวา เหมือนมวยจนมุม ตามคิวที่โฉบกลับเข้ามาฮ่องกง เพื่อรับข้อมูลแก้เกมจากฝ่ายบุ๋นอีกรอบ ตามกระแสข่าวที่ปูดออกมา สองเรื่องที่ต้องมาบัญชาการเองคือ กรณีศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ “ปูกรรเชียง”ปมโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปดองในเก้าอี้ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ เพื่อเป็นแผนบันได 7 ขั้น ดันก้น “บิ๊ก

อ๊อฟ” พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เครือญาติ ให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในตอนนั้น
กับกรณีละเว้น ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว จนก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังขะมักเขม้นไต่สวนจนจวนจะเข้าโค้งสุดท้ายแล้ว

ตามพยานหลักฐาน ทั้งสองปมใหญ่ๆ โอกาสรอดของ “ปูกรรเชียง”แทบจะปิดประตูตายได้เลย

จับอาการจากหมากในกระดานที่เดินวันนี้ “นายใหญ่”กำลังเล่นบท “เหยียบเรือสองแคม”ประคองชีวิต ก๊อกแรก วางเกมให้ลิ่วล้อทำทุกอย่างที่มีอยู่ในมือ เพื่อดึงเวลากระบวนการตรวจสอบให้เป็นไปอย่างล่าช้าที่สุด

โดยเฉพาะการเล่นแง่ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตีหนังสือขอเปิดประชุมวุฒิสภา เพื่อลงมติถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงการรับรองการแต่งตั้ง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่ กลับไปให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยอ้างเหตุผลศรีธนญชัย ว่า อยู่นอกเหนือสมัยประชุมสภา จึงไม่สามารถทำได้

แต่เหตุผลจริงๆ เพียงแค่ต้องการประวิงเวลา รอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง ส.ว.เลือกตั้ง ล็อตที่เหลือให้หมดก่อน เพื่อหวังใช้เสียง ส.ว.ในสังกัดเข้ามาช่วยโหวตให้ “ปูกรรเชียง”รอดจากการถูกถอดถอน หาก ป.ป.ช. ลงดาบฟันแล้วส่งให้วุฒิสภา
เพราะหากไม่หัวหมอ เล่นแง่ทางกฎหมาย ปล่อยให้เปิดประชุมในสภาพที่ “กลุ่ม 40 ส.ว.”กำลังกุมอำนาจบนสภาสูงตอนนี้ “ปูกรรเชียง”หัวขาดแน่

ที่สำคัญ การยื้อครั้งนี้ยังจะช่วยอุดรู “นายกฯ ม. 7” ที่มีคนระแวงว่า นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รักษาการประธานวุฒิสภา จะลักไก่เสนอชื่ออีกด้วย

แผนการรับมือคดีจาก ป.ป.ช. ตอนนี้ “นายใหญ่”ไฟเขียวไปบล็อกในชั้นวุฒิสภาปลายทางแห่งคดีก่อนแล้วทางหนึ่ง
อีกทางหนึ่งในส่วนของต้นน้ำ ก็เล่นส่งทนายความไปก่อกวน ป.ป.ช. เพื่อขอให้สอบพยานเพิ่มเติมแบบน่ารำคาญ ยื้อให้กระบวนการไต่สวนค่อยๆ ขยับ

แต่ที่ “นายใหญ่”ดูจะหลอนประสาท ให้ความสำคัญเลย น่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ตามคิวที่ปล่อยให้สมุน ขี้ข้า บริวาร ลิ่วล้อ ออกมาขย่มดิสเครดิตศาลกันอึกทึกครึกโครม วันละสามเวลา ทั้งศาลเถื่อนบ้าง ศาลขยายอำนาจตัวเองบ้าง

เพราะตามท้องเรื่องแล้วผลแห่งคำพิพากษาแทบจะเป็นการโค่นต้นมะม่วงทิ้งเลยก็ว่าได้

เทียบผลง่ายๆ ในส่วนของ ป.ป.ช. หากโดน “ปูกรรเชียง”ยังน็อกแค่คนเดียว แต่ผลศาลรัฐธรรมนูญเรียกว่า บรรดาสาวกกอดคอกันตายหมู่ได้เลย

ดังนั้น ก๊อกแรก จึงต้องเดินเครื่องยื้อไว้ก่อน

แต่ในขณะที่อีกทาง ด้วยพะยี่ห้อ “นายห้างดูไบ”ที่เอาหมดทุกทาง เล่นทุกหน้า เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ก็ขับเคลื่อนหมากเจรจาใต้ดินไปด้วยในระหว่างนี้ ตามคิวที่ นายชัยเกษม นิติสิริ รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาโยนขอเสนอ เรื่องการใช้มาตรา 7 แบบแหวกแนว

หรือกับคิวที่ “นายใหญ่”สไกป์เข้ามาว่า พร้อมจะเจรจา

ตามอาการกลับลำ วันนี้สัญญาณชัดแจ๋ว พรรคเพื่อไทย ยังคงมีความพยายามเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพราะจนแต้ม จนตรอกแล้ว
แต่ก็มีแผนสำรองในกรณีโต๊ะเจรจาโดนคว่ำอีกครั้ง ด้วยการซ่องสุมกำลังพลคนเสื้อแดง ให้เตรียมพร้อมในที่ตั้ง เพื่อออกมางัดกับ กปปส. โดยมอบหมายให้ “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ “จอมเผา”ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการรมช.พาณิชย์ และเลขาธิการ นปช. เป็นหัวเรือใหญ่ ได้รับสัญญาณเมื่อไร ให้กรูกันออกมา

เกมของ“นายใหญ่”วันนี้ เดินทั้งการเจรจา และ รอรบ !!

ยิ่งวันนี้ กปปส. และแนวร่วมตีธงแล้วว่า หลังสงกรานต์ต้องเร่งปิดเกมให้ได้ ยิ่งเป็นการบีบให้ “นายใหญ่”ต้องดิ้นทุรนทุราย เพื่อโยนข้อเสนอที่ดีที่สุดไปให้ เพื่อต่อลมหายใจให้น้องสาว

คือแพ้แน่ แต่จะขอแพ้แบบเหลือราก เหลือโคนอยู่ !!

แต่เดารูปการณ์จากครั้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งโต๊ะเจรจาล้มซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนนี้ก็ส่อว่าจะแท้งกันอีกหน ส่วนจะพลิกแพลงไปรูปแบบไหน ต้องจับตา

การเมืองหลังจากนี้ เข้มข้นของจริง