xs
xsm
sm
md
lg

"แม้ว"พล่าน!โดดคุมเกม ดิ้นดึง"ปู"พ้นหลุม "หมอณรงค์"เมินประชุม ศอ.รส.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-เผย "แม้ว" เตรียมบินเข้าฮ่องกง บัญชาการเกม หลังประเมิน "ยิ่งลักษณ์" ไม่รอดแน่ "โอ๊ค"ซัดอำมาตย์วางแผนให้ประเทศเดินไปถึงทางตัน เพื่อตั้งนายกฯ มาตรา 7 ทบ.ยันอีกไม่มีรัฐประหารหลังสงกรานต์ "มาร์ค" ยุข้าราชการบอยคอตรัฐบาล หากไม่ยอมรับอำนาจศาล องค์กรอิสระ "หมอณรงค์" กล้าตาย เมินศอ.รส. ไม่ร่วมประชุมปลัดกระทรวง รัฐขู่ใครไม่มา ต้องทำหนังสือชี้แจง "สุเทพ"นำ กปปส. ผนึกรัฐวิสาหกิจ เคลื่อนไหวปฏิเสธอำนาจรัฐบาลเถื่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ช่วงสุดสัปดาห์นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางจากกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มายังฮ่องกง เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย นักธุรกิจ ข้าราชการ เข้าพบอีกครั้ง หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ไปฮ่องกงมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยมีรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค ได้เดินทางไปพบ เพื่อหารือสถานการณ์การเมือง รวมทั้งปรึกษารายงานแง่มุมกฎหมายในคดีความที่กำลังจะมีการตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถึงความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สืบเนื่องจากการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะชี้มูลความผิดที่เกี่ยวพันมาถึงตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ จากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งแกนนำพรรค และฝ่ายกฎหมายส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะโดนองค์กรอิสระสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แน่นอน

***ดึงเกมยืดเยื้ออีก2-3เดือน

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา กลุ่มส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทย ได้มีการหารือและวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองหลังเทศกาลสงกรานต์ โดยเห็นว่าการเมืองหลังจากนี้ เปรียบเหมือนมวยไทยก็เข้าสู่ยกที่ 5 ที่จะต้องต่อสู้กัน ซึ่งอาจจะกินเวลา 2-3 เดือน เป็นอย่างน้อย แล้วจะมีการเลือกตั้งใหม่ โดยฝ่ายตรงข้ามจะใช้กลไกศาล องค์กรอิสระ เข้ามาจัดการนายกรัฐมนตรี และครม.รักษาการ รวมทั้ง ส.ส.-ส.ว. จำนวน 308 คน ให้พ้นจากตำแหน่งไป เหมือนเป็นการล้างไพ่ใหม่ แต่ในส่วนของ ส.ส. ส.ว. ที่ ป.ป.ช.จะชี้มูล กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น คงจะไม่โดนทั้งหมด เพราะได้มีการแบ่งสำนวนเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ไม่ได้ไปชี้แจง 2.กลุ่มที่ชี้แจง แต่ไม่ยอมรับอำนาจ และ 3.กลุ่มที่ไปชี้แจงโดยบอกว่าไม่ได้จงใจละเมิดรัฐธรรมนูญ ทำไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อว่าทำได้ เป็นการทำตามมติพรรค และเห็นว่าทำตามประธานสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นว่าทำได้ ตรงนี้คงจะมี ส.ส. เดิมเหลืออยู่ประมาณ 70 คน

เมื่อนายกฯ และครม. คนหลัก ๆ โดนให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และส.ส.-ส.ว. 308 คน โดนชี้มูลแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการโจมตีรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องการทุจริต เป็นกระบวนการทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยอ่อนแอลง หลังจากนั้น ก็จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยอาจจะมีพรรคทางเลือกที่ 3 เกิดขึ้น ซึ่งจะเชิญคนที่มีชื่อเสียงและอดีต ส.ส.ไปเข้าร่วมเพื่อเป็นการตัดคะแนน มีเป้าหมายไม่ให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการชุมนุม ทั้งกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะยังคงมีต่อไปเรื่อย ๆ แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่ให้เกิดความรุนแรง เนื่องจากอาจจะเข้าทางให้ทหารออกมายึดอำนาจ
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ในส่วนของการชุมนุมกลุ่มนปช. ที่ถนนอักษะ ที่ผ่านมา ประเมินกันว่ามวลชนที่มา ยังไม่เข้าเป้า ไม่ถึงแสนคนด้วยซ้ำ โดยเหตุผลที่ทำให้มวลชนมาร่วมไม่ได้ตามเป้า เพราะความไม่ชอบมาพากลในการใช้กระสุนดินดำของบรรดาแกนนำ ที่ทำให้บางส่วนไปไม่ถึงมวลชน อีกทั้งต้องยอมรับว่าคนเสื้อแดง ขณะนี้มีอารมณ์ร่วมน้อยมาก ไม่เหมือนการชุมนุมปี 2552 ปี 2553 อันเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่ส่วนใหญ่คนมาชุมนุมกับคนเสื้อแดงเป็นคนจน ในเมื่อเศรษฐกิจปากท้องไม่ดี ทำให้อารมณ์ร่วมน้อยลงไป และอีกเหตุผล คือ การชุมนุมที่ผ่านมา เป็นการบริหารจัดการของ นปช. เอง โดยที่ไม่ให้ ส.ส. เข้าไปช่วย เพราะต้องยอมรับว่าเสื้อแดงส่วนหนึ่งบริหารจัดการผ่านระบบหัวคะแนน ซึ่งหัวคะแนนก็เป็นเครือข่าย ส.ส. ทั้งนั้น ในเมื่อไม่มี ส.ส.ช่วยทำให้หัวคะแนนไม่มั่นใจที่จะพาคนไปร่วม

อย่างไรก็ตาม ในการชุมนุมของนปช. วันที่ 18 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะตัดสินสถานะนายกฯ กรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อาจจะมีมวลชนมาร่วมจำนวนมากกว่าที่ถนนอักษะ แต่คงไม่ถึง 1 แสนคน

***"โอ๊ค" ซัดอำมาตย์วางแผนตั้งนายกฯ ม.7

นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจ "Oak Panthongtae Shinawatra" ระบุ วิธีการที่ "ระบอบอำมาตยาธิปไตย" จะชนะ "ระบอบประชาธิปไตย" ได้โดยง่ายก็คือ "ผลักดันให้ประเทศถึงทางตัน แล้วอ้างมาตรา 7 ตะแบงจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่ฟังเสียงประชาชนครับ..!!

เมื่ออำมาตย์ตั้งธงมาแบบนี้ เครือข่ายอำมาตย์ทั้งหลาย ก็ตอบสนองรับลูกกันเป็นระนาด ตั้งแต่ ส.ว.สายอำมาตย์ องค์กรอิสระสายอำมาตย์ รวมถึงพรรคการเมืองขวัญใจอำมาตย์ ที่แบ่งแยกตัวเองเป็น 2 ขา ทั้งจัดตั้งม็อบป่วนเมือง ขัดขวางการเลือกตั้ง และคงสภาพพรรคการเมือง เพื่อรอเก็บส้ม หลังแก้ไขกติกาสากล ให้เป็นกติกาที่ตัวเองได้เปรียบในการเลือกตั้ง

เจตนารมณ์แท้จริง ที่กำหนดให้มี มาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญ ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ประเทศอยู่ในภาวะ Deadlock คือ กรณีสุดวิสัยที่เผอิญมีเรื่องต้องวินิจฉัย โดยที่ไม่มีข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ใช้ มาตรา 7 คือ การพิจารณาจากประเพณีการปกครองของไทย เพื่อหาทางออกให้กับเหตุการณ์นั้น ๆ

- การตีความข้อกฎหมายมาตะแบงใช้แบบผิดๆ เพื่อประโยชน์ของเครือข่ายตัวเอง

- การนำข้อกฎหมายมาใช้แบบ 2 มาตรฐาน ให้คุณกับฝ่ายตนเอง และให้โทษกับฝ่ายตรงข้าม

- การหยิบเอาเฉพาะเรื่องของฝ่ายตรงข้ามมาพิจารณา ส่วนความผิดของพรรคฯ พวกตน ปล่อยให้คดีหมดอายุความ -การยอมให้มีการเลือกตั้ง ต่อเมื่อพรรคฯพวกตัวเองได้เปรียบเท่านั้น

ทั้งหลายทั้งปวงนี้ คือ สาเหตุที่แท้จริงของความวุ่นวายในบ้านเมืองเราทั้งนั้น ถ้ายังคิดจะเอาชนะ ด้วยวิธีการไม่เห็นหัวประชาชน ไม่ใส่ใจใน 1 สิทธิ์ 1 เสียง ของประชาชน บ้านเมืองก็วุ่นวายไม่รู้จบตลอดไป

ปีใหม่ฟ้าใหม่กันแล้ว ถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบ ก็เลิกพฤติกรรมเหล่านี้เสียเถอะครับ

***ทบ. ยันไม่มีรัฐประหารหลังสงกรานต์

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวทางโซเชียลมีเดียว่า กองทัพจะมีการทำรัฐประหารหลังเทศกาลสงกรานต์ ในวันที่ 19 เม.ย เวลา 04.00 น. ว่า ขอปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และเป็นเพียงข่าวลือตามโซเชียลมีเดียเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น ขณะนี้ทางกองทัพยังไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงจากงานที่ปฏิบัติอยู่ คือ 1.การดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยและภัยพิบัติต่าง ๆ 2.การดูแลพื้นที่ชายแดน เพื่อตรวจจับผู้ที่กระทำผิดลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดน และ 3.การดูแลรอบบริเวณพื้นที่ชุมนุมต่าง ๆ และสถานที่สำคัญตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนได้ใช้วิจารณญาณในการรับฟังข่าวสารดังกล่าวด้วย

***เผย"ป๋า"รับรู้ข้อเสนอ"สายหยุด"

จากกรณี พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคณะรัฐบุคคล จัดแถลงเรื่อง "ทางออกประเทศไทย เมื่อยิ่งลักษณ์หมดความชอบธรรมในการปกครองประเทศ ทั้งทางด้านนิตินัย และพฤตินัย" และได้เสนอชื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เป็นผู้เสนอ ร่างพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มาตรา 7

พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.เปรม ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วจากสื่อมวลชน แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เรื่องที่ พล.อ.สายหยุด เสนอ ถือว่าเป็นความปรารถนาดีในการที่จะเสนอทางออกและเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาประเทศ ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีหลายคนและหลายกลุ่มพยายามที่จะเสนอทางออกให้กับประเทศไทย ถือว่าเป็นแนวทางในการที่จะนำพาประเทศกลับคืนสู่ความสงบสุข
"โดยส่วนตัวไม่สามารถตอบแทน พล.อ.เปรมได้ว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย กับแนวทางของ พล.อ.สายหยุด หรือแนวทางของใคร ในขณะเดียวกัน พล.อ.เปรม ไม่สามารถตอบได้ว่า แนวคิดของ พล.อ.สายหยุดนั้น บังควรหรือไม่บังควร ต้องไปคิดกันเอาเอง"

ขณะที่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ให้รอดูผลว่าจะออกเป็นอย่างไร ไม่อยากออกความเห็น เพราะไม่ทราบเรื่องกฎหมาย ตรงประเด็นนายกฯ มาตรา 7 นี้ มีการแสดงความเห็นกันไปใครหลายทิศทาง ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร ควรไปถาม นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา ถือเป็นบุคคลที่มีความรู้กฎหมาย และมีความเป็นกลางที่รู้อะไรถูกอะไรผิด ชี้แจงต่อสาธารณชนได้อย่างดีว่าเป็นอะไรที่ถูกและทำอย่างไรที่ผิด
"ทุกประเด็นของ นายมีชัย มีเหตุมีผล น่าจะเป็นที่พึ่งได้ของบ้านเมืองในเวลานี้ ส่วนที่วิจารณ์กันว่าในประเทศไทยไม่มีคนเป็นกลางจริง ๆ เหลืออยู่แล้ว อยากถามว่า จะเอาคนเป็นกลางที่ด่าสถาบันเป็นคนถูก และเรียกว่าเป็นกลางแล้วหรือไม่ วิกฤตการเมืองครั้งนี้ต้องจบ ต้องใช้เวลานานแล้ว ความสูญเสียจะน้อยและความชอบธรรมในประเทศจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนจนทุกฝ่ายยอมรับได้อย่างสนิทใจ"

**"เต้น"อัดข้อเสนอคณะรัฐบุคคล

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการ รมช.พาณิชย์ และแกนนำกลุ่ม นปช. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นกรณีคณะรัฐบุคคล นำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เสนอให้พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นผู้เสนอ ร่าง พระบรมราชโองการ เพื่อแก้วิกฤตประเทศ โดยระบุว่า เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นในประเทศประชาธิปไตยเต็มใบ

**"มาร์ค"ชี้ข้าราชการบอยคอตรัฐบาลได้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอให้ข้าราชการและกองทัพบอยคอต ไม่ร่วมมือกับรัฐบาลในการทำงานว่า หากรัฐบาลออกคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นประโยชน์กับพวกพ้องของตนเอง ไม่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง เป็นสิ่งที่ข้าราชการปฏิเสธไม่ทำในเรื่องนั้นได้อยู่แล้ว แต่หากปฏิเสธสถานภาพรัฐบาลที่ยังอยู่ตามกฎหมาย จะทำให้มีปัญหาตามมา
ส่วนสถานการณ์ที่เหมาะสม ถ้าถึงจุดหนึ่งที่รัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองไม่ยอมรับกฎหมาย เช่น หากศาลหรือองค์กรอิสระตัดสินให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งแล้ว นายกรัฐมนตรีหรือพรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับ ยังคงทำงาน ยังคงสั่งการเรื่องต่าง ๆ ข้าราชการสามารถลุกฮือขึ้นมาได้ เพราะถึงจุดที่บอกได้ว่าไม่ยอมรับรัฐบาล

**ศอ.รส.ประชุมปลัดฯหวังข่มขู่

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ศอ.รส. เรียกปลัดกระทรวงประชุมในวันนี้ (17 เม.ย.) ว่า สาเหตุเพราะก่อนหน้านี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปสส. ได้เดินทางไปตามหน่วยงานราชการ และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากข้าราชการระดับสูง ทำให้รัฐบาลวิตกกังวลว่า หลังสงกรานต์หากยังปล่อยให้ดำเนินการอย่างนี้ จะเกิดผลกระทบต่อรัฐบาล และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงพยายามเรียกประชุมเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม และเขียนเสือให้วัวกลัว เพื่อไม่ให้ปลัดกระทรวงและข้าราชการระดับสูง พบปะพูดคุยกับ กปปส.

"เชื่อว่าปลัดหลายกระทรวง จะยืนอยู่ข้างความถูกต้อง เพราะการที่รัฐบาลออกมาข่มขู่ข้าราชการ อาจเป็นการกระทำความผิด และเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ เพื่อให้ข้าราชการแสดงตัวว่าอยู่ในอาณัติของรัฐบาลฉ้อฉล ที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ ตรงกันข้ามหากปลัดกระทรวงไม่เข้าร่วมประชุม ก็สามารถทำได้โดยไม่มีความผิด เพราะการรับคำสั่งต้องชอบด้วยกฎหมาย หากไม่ชอบก็มีสิทธิใช้วิจารณญาณตัดสินใจได้ว่าจะดำเนินการหรือไม่ โดยปลัดกระทรวงที่ดี ต้องไม่เป็นทาสรับใช้นักการเมืองที่ฉ้อฉล"

**จี้"ยิ่งลักษณ์"หยุดกระพือเมษาฯเดือด

นายองอาจกล่าวว่า การเมืองเดือนเมษายนมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น เพราะมวลชนมีการเคลื่อนไหวจัดการชุมนุมแสดงพลังในหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อใกล้วันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยสถานภาพนายกรัฐมนตรี กรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขา สมช. โดยมิชอบ ซึ่งล่าสุด นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ อดีตประธาน นปช. ที่ระบุว่าจะเคลื่อนไหวมวลชนเข้ากรุงเทพฯ แม้อ้างว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง แต่พฤติกรรมในอดีตที่เกิดขึ้นในปี 2552-53 ไม่สามารถไว้วางใจได้ ดังนั้น คงที่จะหยุดความรุนแรงได้ คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องทำอะไรมากกว่านั่ง ๆ นอน ๆ เดินไปมาในแต่ละวันเท่านั้น ต้องทำทุกวิถีทางระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความรุนแรงอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะคนเสื้อแดง เพราะรัฐบาลมีกลไกรัฐอยู่ในมือที่จะทำให้การชุมนุมไม่นำไปสู่ความรุนแรงได้ ซึ่งจะช่วยทำให้เมษายนไม่ใช่เดือนเมษาเดือดอีกต่อไป

***"นิพัทธ์"ยันเข้าร่วมประชุม ศอ.รส.

พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ศอ.รส. เชิญปลัดกระทรวงต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมในวันนี้ ว่า ตนในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่าจะไปเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน และคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการได้รับข้อมูลสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย หนังสือเชิญของ ศอ.รส.ก็เปรียบเสมือนเป็นคำสั่ง ตนคิดว่าไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปเข้าร่วมการประชุม อีกทั้งบางหน่วยงานที่ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ก็จะได้รับฟังและทำความเข้าใจต่อสถานการณ์ในหมู่ข้าราชการด้วย

**ปลัดสาธารณสุขเมินเข้าร่วม

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ ศอ.รส. เชิญปลัดกระทรวงทุกกระทรวงเข้าร่วมประชุมในวันนี้ ว่า ตนไม่เข้าร่วม ส่วนจะขัดระเบียบ หรือคำสั่งหรือไม่นั้น ขณะนี้ก็พิจารณาอยู่ แต่ยืนยัน ไม่เข้าร่วมอยู่แล้ว ซึ่งส่วนตัวยังคงทำงานตามหน้าที่ของข้าราชการอยู่เสมอ

***ใครไม่มาต้องทำหนังสือชี้แจง

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่ามีปลัดกระทรวงใดบ้างที่ตอบรับเข้าร่วมประชุมกับ ศอ.รส. เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ และต้องรอดูว่าปลัดกระทรวงจะมาครบทุกกระทรวงหรือไม่ในวันนี้ (17เม.ย.) ถ้าปลัดกระทรวงคนใดไม่มาร่วมประชุม ต้องทำหนังสือชี้แจงมาว่าเหตุใดจึงไม่มาร่วมประชุม และต้องดูเหตุผลก่อนที่จะคาดโทษ เพราะบางคนอาจติดภารกิจไปต่างประเทศมาร่วมประชุมไม่ได้

**ชี้"ปู"เลียนแบบ"แม้ว"ไม่รับคำตัดสิน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะไปชี้แจงเรื่องโยกย้ายนายถวิลต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองหรือไม่ ว่า ไม่แตกต่างจากพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ยอมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรม ใช้มวลชนกดดันองค์กรตรวจสอบ โดยใช้คนเสื้อแดง เป็นยุทธศาสตร์ขาที่หนึ่ง ที่จะกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ การใช้การเมือง ซึ่งทั้งนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ออกมาข่มขู่ว่าหากตัดสินไม่เป็นคุณกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเกิดความวุ่นวายในประเทศ

ส่วนยุทธศาสตร์ที่ 3 คือ การบิดเบือนกฎหมายเพื่อเอาตัวรอด เมื่อจนตรอก ก็มีการพูดระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ถึงขนาดจะถวายพระราชกฤษฎีกา เพื่อขอพระบรมราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจเกินขอบเขต ซึ่งถือเป็นความพยายามที่จะตั้งตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์ คิดในเรื่องที่ไม่บังควร เช่นเดียวกับกรณีที่นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม จะใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 เพื่อขอพระบรมราชวินิจฉัยว่ารัฐบาลจะรักษาการต่อไปได้หรือไม่ โดยเห็นว่าทั้งนายโภคิน พลกุล และนายชัยเกษม เป็นเพียงนักกฎหมายกำมะลอเท่านั้น

"นายชัยเกษม ใช้กฎหมายเพื่อตัวเองมาตลอด นายอภิสิทธิ์ ได้เสนอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลาออก หากไม่อยากถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องสถานภาพ แต่คนเป็นอดีตอัยการสูงสุด กลับไม่เข้าใจ อ้างว่าต้องรักษาการ ลาออกไม่ได้ ผมก็ไม่ได้แช่ง แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ นายชัยเกษม จะให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ รักษาการด้วยวิธีใด จึงหมดเวลาแล้วสำหรับนักกฎหมายขี้ฉ้อ ที่หาผลประโยชน์ให้ตัวเอง" นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอของกลุ่มรัฐบุคคลว่า เป็นเจตนาดีที่พยายามจะปลดล็อกการเมือง แต่เมื่อมีการเสนอชื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ให้เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เพื่อปลดล็อกการเมืองในช่วงที่อาจเกิดสุญญากาศทางการเมือง ทำให้ พล.อ.เปรม กลายเป็นเหยื่อทางการเมืองอีกครั้ง โดยมีการนำประเด็นนี้มาเป็นเงื่อนไขทางการเมือง ปลุกระดมมวลชน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยเดินทางไปกราบ พล.อ.เปรม ถึงบ้าน แต่ยุทธศาสตร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้ พล.อ.เปรม ตกเป็นเหยื่อทางการเมืองมาโดยตลอด ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะขี้โกง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่เคารพกฎหมาย จึงขอให้คนเสื้อแดง เข้าใจและอย่าตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ

**กปปส.ผนึกรัฐวิสาหกิจเคลื่อนไหว

สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มกปปส. เมื่อเช้าวานนี้ (16 เม.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้นัดแกนนำหลักของสหภาพรัฐวิสาหกิจ เข้าหารือเพื่อกำหนดทิศทางในการเคลื่อนไหวใหญ่ โดยจะมีการทำภารกิจอีกครั้งในวันนี้ (17 เม.ย.) โดยจะเน้นแนวทางเดิม คือ ให้ข้าราชการและประชาชนออกมาร่วมเคลื่อนไหวต่อสู้กับมวลชน กปปส.
ขณะเดียวกัน นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. กล่าวถึงกรณีที่ กลุ่มนปช. ประกาศนัดชุมนุมใหญ่ 1 วัน ก่อนการชุมนุมของกลุ่มกปปส.ว่า ทางแกนนำกปปส.จะมีการประเมินสถานการณ์ ทิศทางการเคลื่อนไหว ระหว่าง กปปส. และกลุ่ม นปช. เพื่อประเมินท่าทีและป้องกันการเผชิญหน้ากันระหว่างมวลชน ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย ทาง กปปส. มีการจัดอบรมการ์ดเพิ่ม โดยยังเน้นย้ำระเบียบของแต่ละคนว่าต้องมีความสุภาพเรียบร้อย โดยไม่มีการใช้ความรุนแรงหรือใช้อาวุธอย่างเด็ดขาด

ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของ กปปส.ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ถือว่าได้การต้อนรับเป็นอย่างดี เห็นได้ชัดจากการที่ปลัดกระทรวงต่าง ๆ ออกมาต้อนรับมวลมหาประชาชน ซึ่ง กปปส. จะเดินหน้ารณรงค์เชิญชวนพนักงานรัฐวิสาหกิจ ร่วมต่อสู้ โดยจะเคลื่อนไหวตั้งแต่วันนี้ (17 เม.ย.) เป็นต้นไป ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจถือเป็นพลังสำคัญ เพราะอิสระจากระบอบทักษิณ โดย กปปส.จะเดินสายไปพบปะตัวแทนรัฐวิสาหกิจต่างๆ เช่น การเงิน การขนส่ง สาธารณูปโภค และการสื่อสาร รวมถึงจะมีการแลกเปลี่ยนแนวทางการปฏิรูป เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างปประชาชนและรัฐวิสาหกิจ

**ตอก"แม้ว"ต้องไม่เจรจาเพื่อตัวเอง

นายเอกณัฐกล่าวถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมบินมาฮ่องกงว่า เป็นสัญญาณที่ไม่ดี เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามหยอดยาหอมด้วยการอ้างว่าให้คนไทยเลิกอาฆาต และมาเจรจา และถ้าจะมีการเจรจาจริง คือ 1.ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย 2.ไม่นำไปสู่กฎหมายล้างผิด 3.เจรจาเพื่อผลประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ส่วนตัว และ 4.เจรจาอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน แต่ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าส่งตัวแทนพูดคุย ซึ่งเชื่อว่าคุยธรรมดา และถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ จริงใจ การที่นายสุเทพบอกเจรจาเปิดเผย ก็ไมมีอะไรน่าปิดบัง แต่กลับถูกปฏิเสธ ดังนั้น การเจรจาเป็นเพียงวาทะกรรม ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด

นอกจากนี้ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า อยากให้เลิกอาฆาต พ.ต.ท.ทักษิณต้องไม่ปลุกมวลชน และบิดเบือนความจริง ให้เกิดการปะทะ รวมถึงเลิกใช้อิทธิพลบีบบังคับข้าราชการให้กลายเป็นเครื่องมือในระบอบทักษิณ เช่น การเรียกปลัดกระทรวงต่าง ๆ ไปชี้แจงต่อ ศอ.รส. และเลิกจำกัดสิทธิเสรีภาพของข้าราชการ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ข้าราชการทำงานเป็นข้าของแผ่นดิน

"ถ้าระบอบทักษิณคิดปล่อยวางจริง ต้องให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ยอมรับกฎ กติกา โดยเฉพาะเคารพกระบวนการตรวจสอบขององค์กรอิสระ หรือศาล ที่สำคัญให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ด้วยการจับตัวผู้กระทำผิดที่ออกมาทำร้าย เข่นฆ่าประชาชน มาลงโทษ และเลิกอ้างว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์”นายเอกนัฏ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากไม่ยึดติดกับอำนาจ และยอมเสียสละ การลาออกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และครม. สามารถแก้ปัญหาชาติได้ ก็ควรดำเนินการ แต่ทั้งหมดไม่ได้เป็นตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าอยากให้ประชาชนเลิกอาฆาต แต่พยายามพูดหลอกประชาชน และเชื่อว่าประชาชน มีบทเรียนกับระบอบทักษิณ
กำลังโหลดความคิดเห็น