นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาว่า เป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับเด็ก และสร้างความสะเทือนใจให้กับคนจำนวนมาก ต้องขอประณามความรุนแรงที่ใช้อยู่ขณะนี้ โดยเป็นการใช้ความรุนแรงที่ไม่เลือก ไม่ว่าจะเป็นเด็ก สตรี หรือใครก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการใช้ความรุนแรงเพียงเพื่อจะข่มขู่กันทางการเมือง จึงขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจสั่งการเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ออกมาดูแลความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งหากไม่ยอมใช้อำนาจนั้น ก็ให้ผู้ที่มีอำนาจในการรักษาความสงบของบ้านเมือง แต่ถูกริบอำนาจจากการประกาศภาวะฉุกเฉิน ได้ตรวจสอบอำนาจหน้าที่ และทำการทวงคืนอำนาจจากนายกรัฐมนตรี
"เมื่อวานนี้รู้สึกจะเป็นครั้งแรก ที่คุณยิ่งลักษณ์ ออกมาประณามความรุนแรง หลังจากที่ถูกเรียกร้องมา 2 ปีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นที่โคราช ที่ผู้สนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์ ทั้งหลายนี้ แสดงออกถึงความดีใจ ที่เกิดความสูญเสียขึ้น และที่กำลังจะออกมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปข่มขู่ คุกคาม องค์กรอิสระ หรือศาล คุณยิ่งลักษณ์ จะมีท่าทีอย่างไร วันนี้คงต้องดูว่า คุณยิ่งลักษณ์ จะมีแนวทางในการแก้ไขสถานการณ์หรือไม่ หรือตามข่าวก็คือ น่าจะหลบไปอยู่ต่างจังหวัด แล้วก็อ้างว่า ไปตรวจราชการเรื่องอื่น ทั้งๆ ที่เรื่องใหญ่ที่สุดของบ้านเมืองในขณะนี้ คือต้องหยุดยั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดง ที่ จ.นครราชสีมา ว่า ให้มีการจัดตั้งกองกำลังชายฉกรรจ์จังหวัดละไม่ต่ำกว่า 100 คน เพื่อเป็นกำลังหนุนของ นปช. รวมถึง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ระบุว่า สถานการณ์ขณะนี้ถ้าช้าก็จะมีการบาดเจ็บล้มตาย จึงขอให้เตรียมพร้อมเข้าสู่สถานการณ์แตกหัก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องถามหัวหน้ารัฐบาลว่า กรณีที่รัฐมนตรี 2 คน แสดงท่าทีอย่างนี้ นายกฯ เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ เห็นด้วยจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งสามารถปรับออกจาก ครม.รักษาการได้
** ชี้รัฐบาลตัวการก่อเหตุรุนแรง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นสถานการณ์ความรุนแรงที่อำมหิต ผู้ที่สั่งการในครั้งนี้ไม่มีจิตใจเป็นมนุษย์ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับเด็กเพียงเพื่อให้เกิดความหวาดกลัว ให้ผู้ชุมนุมลดน้อยลง จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า การกระทำดังกล่าวจะเกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีผู้มีอำนาจรู้เห็นเป็นใจ หรือคนมีอำนาจมีส่วนร่วม
“พรรคเชื่อความรุนแรงจะพัฒนาตนเองไปอีก เพราะรัฐบาลไม่มีวิธีอื่นที่จะรับมือ จึงเดินเข้าสู่โหมดแตกหัก เข่นฆ่าประชาชน เพราะ 1 การเลือกตั้งที่จะสร้างความชอบธรรมให้กลับมามีอำนาจ มีแนวโน้มไม่เป็นไปตามคาดหวัง เพราะส่อว่าจะลากยาว หรืออาจเป็นโมฆะ สภาไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ภายใน 30 วัน อีก 28 เขตเลือกตั้ง ไม่มีผู้สมัคร ทำให้การเลือกตั้งที่เคยคิดว่าจะฟอกผิดให้กลับสู่อำนาจ ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้แล้ว บันได ขั้นที่ 1 จึงล้มลงอย่างไม่เป็นท่า 2 คดีที่อยู่ในการตรวจสอบขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ก็กำลังเป็นปัจจัยที่เปิดเผยตัวตน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ปล่อยให้มีการทุจริต รัฐบาลจึงหมดทางไปและ 3 การที่ศาลแพ่ง มีคำสั่งคุ้มครองการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ทำให้การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่คิดว่าเป็นอาวุธชิ้นสุดท้ายในการปราบปรามประชาชน ไม่สามารถทำได้ จึงเป็นเหตุให้ความรุนแรงยกระดับทันที เพราะไม้ตายของพรรคเพื่อไทย คือ การใช้กองกำลังติดอาวุธเข่นฆ่าประชาชน”นายชวนนท์ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้น สอดรับกับการให้สัมภาษณ์ของ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่พูดว่า ประชาชนครอบครองปืนนับล้านคน สอดรับการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่มีการแสดงความยินดับการการตายของเด็ก ประกาศยกระดับการชุมนุม มีข้อเสนอไปยังรัฐบาล ไม่ให้รับทราบข้อกล่าวหาขององค์กรอิสระ และให้สั่งการให้ตำรวจติดอาวุธ ถือเป็นการประกาศของกบฏประเทศไทย ซึ่งเป็นคำ ประกาศของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะปฏิบัติตามหรือไม่ ถ้าคิดที่จะทำ ก็ถือว่าหมดสภาพความเป็นนายกฯ เพราะไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
นายชวนนท์ กล่าวด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะใช้ชีวิตประชาชนอีกกี่ศพ เพื่อนั่งทับบนอำนาจ และเห็นว่าแม้อยู่ในอำนาจแต่ก็บริหารประเทศไม่ได้ หากยังดำเนินการเช่นนี้ไม่มีแผ่นดินอยู่แน่นอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะกำลังปล่อยให้ นปช. ใช้ความรุนแรง จึงขอให้เลิกแสดงละครว่าไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงได้แล้ว เนื่องจากความสูญเสียเกิดขึ้น จากความกระหายอำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากยังไม่ยอมทบทวนหาทางออกให้ประเทศไทย ไม่เคยมีใครใช้ความรุนแรงเอาชนะความถูกต้องของประชาชนได้
**จวกผบ.ตร.ไร้น้ำยา ดูแลความสงบ
ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวประนาม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และสตช. ที่ไร้ประสิทธิภาพ ในการดูแลชีวิตประชาชน จึงขอฝากความหวังไปที่ ผู้บัญชาการตรวจสอบสวนกลางให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ลุกขึ้นมาใช้อำนาจกองปราบ หรือ กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ราชประสงค์ จงใจที่จะก่อความรุนแรงกับเด็ก จึงขอให้ไปตรวจสอบเฟซบุ๊ก ของฮาร์ดคอร์เสื้อแดง ที่แสดงความสะใจต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นในทุกเพจ เพราะตำรวจไม่เคยนำเรื่องเหล่านี้ไปสอบสวนเลย ทั้งๆ ที่มีการแสดงออกว่า ปลอมตัวเป็น กปปส. เข้าไปสังเกตการณ์ที่เวทีราชประสงค์ จึงขอให้หาตัวมาสอบปากคำ เพื่อหาความจริงให้ได้ เพราะมีการระบุชัดเจนว่า แฝงตัวเข้าไปเพื่อดูช่องทางสำหรับการยิงระเบิดที่เวทีราชประสงค์ เช่นเดียวกับกรณี ลุงยิ้ม ตาสว่าง ที่เกี่ยวข้องกับหลายเหตุการณ์ และระบุว่า มีกองกำลังของตัวเอง รวมทั้งเข้าไปแฝงตัวในพื้นที่การ ชุมนุมด้วย ทั้งนี้ ผู้เชียวชาญตั้งข้อสังเกตว่า การยิงระเบิดทำให้เด็กเสียชีวิต เป็นความจงใจให้เกิดเหตุดังกล่าว เพื่อสร้างวิกฤต ถ้าไม่มีจิตใจเดรัจฉานจริงๆ ทำไม่ได้ เพราะจงใจให้เกิดมิคสัญญี สงครามกลางเมืองในประเทศไทย
น.ส.มัลลิกา เปิดเผยด้วยว่า มีข้อมูลว่า ความรุนแรงจะมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีข่าวถึงขนาดจะมีการใช้คาร์บอมด้วย จึงขอให้ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ลุกขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ เพราะมีอำนาจที่จะตรวจสอบการกระทำผิดในโซเชียลมีเดีย เพื่อปรามไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก
** รองปธ.วุฒินำส.ว.จี้ "ปู"แสดงภาวะผู้นำ
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นพ.อนันต์ อริยะชัยพานิชย์ รองประธานวุฒิสภา พร้อมคณะส.ว.รวม 19 คน ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการชุมนุม โดยนายสุรชัย กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่เหตุการณ์ บริเวณสะพานผ่านฟ้า เหตุปาระเบิดที่แยกประตูน้ำ เหตุปาระเบิดและยิงใส่ฝูงชนที่ จ.ตราด และเหตุยิงระเบิดที่หน้าห้าง บิ๊กซี แยกราชประสงค์ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก โดยมีเด็กผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตรวม 4 ราย สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของการใช้วิธีการรุนแรง เข้าจัดการปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ด้วยวิธีการโหดร้ายไร้มนุษยธรรม ไม่คำนึงถึงแม้แต่ชีวิตของเด็กผู้บริสุทธิ์ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับความขัดแย้งทางการเมือง โดยยังไม่มีผู้ใดแสดงความรับผิดชอบ
นายสุรชัย กล่าวว่า คณะ ส.ว.ในฐานะสมาชิกสถาบันนิติบัญญัติเพียงสถาบันเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ในขณะนี้ จึงเห็นควรดังนี้
1. ขอประนามผู้กระทำความรุนแรง ทั้งผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง และผู้ลงมือกระทำ ว่าโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม ขอให้ยุติการกระทำ
2. เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม เข้าดูแลความปลอดภัยของชีวิตประชาชนอย่างเต็มที่ โดยต้องไม่มีอคติกับฝ่ายใดทั้งสิ้น
3.นายกรัฐมนตรีรักษาการ ต้องแสดงภาวะผู้นำในการแก้ไขปัญหา โดยประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว
4.ระหว่างที่ยังไม่สามารถหาทางออกความขัดแย้งได้ ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาลและคนในฝ่ายรัฐบาล ต้องไม่กระทำการใดอันเป็นการยุยง หรือสนับสนุนให้มวลชนเกิดความแตกแยก และส่อว่าจะใช้ความรุนแรงต่อกัน
5.เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้สติร่วมกันแก้ปัญหา ขอให้ตระหนักว่าทุกคนคือคนไทย ประเทศไทยเป็นของพวกเราทุกคน อย่างไรก็ตามขอฝากถึง ผบ.ตร. ตนอยากพบ หรือจะให้ตนไปพบที่ไหนก็ได้ เพื่อหารือแนวทางการแก้ปัญหาว่า ที่ผ่านมาฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจมีปัญหาหรืออุปสรรคติดขัดอะไร จึงไม่สามารถคลี่คลายเหตุการณ์ได้
** องค์กรสื่อประณามการใช้ความรุนแรง
วานนี้ องค์กรวิชาชีพสื่อ 4 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ออกแถลงการณ์ ประณามการใช้ความรุนแรง ที่เกิดขึ้นกัลการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ทั้งที่ จ.ตราด และที่หน้าห้างบิ๊กซี ราชประสงค์ ว่า เป็นการกระทำอันมีลักษณะเป็นการวางแผน และปฏิบัติการอย่างมีเป้าหมาย และหวังผล ให้ผู้ชุมนุมมีการบาดเจ็บล้มตายแบบไม่เลือกหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจสร้างสถานการณ์อย่างไร้มนุษยธรรม และป่าเถื่อนโหดร้ายอย่างยิ่ง ซึ่งองค์กรสื่อ มีความเห็นต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ดังนี้
1. เราขอประณามการกระทำเช่นนี้ เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาทำร้ายชีวิตประชาชนอย่างชัดเจน รวมทั้งขอคัดค้านการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใดก็ตาม
2. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการ ที่ต้องรับผิดชอบดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศ เร่งทำการสืบสวนสอบสวนนำตัวผู้กระทำความผิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาลงโทษโดยไม่ละเว้นการบังคับกฎหมายต่อฝ่ายใด 3. เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. และแนวร่วมที่ต่อต้านรัฐบาล รวมทั้งกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาล ต้องใชัสิทธิการชุมนุม การแสดงออกทางการเมืองที่สงบ และปราศจากอาวุธภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด และระงับการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ
4. สื่อมวลชนทุกแขนง ควรตระหนักถึงการเสนอข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้ง ที่ต้องเสนอข่าวสาร ที่เป็นข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้สาธารณชนสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ป้องกันไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำมาเป็นข้ออ้างในการยั่วยุ เพื่อให้เกิดความรุนแรง
** กสม.ชี้ละเมิดสิทธิมนุษยชนรุนแรงสูงสุด
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ประณาม การใช้อาวุธสงครามเพื่อกระทำรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ในเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่มีผลทำให้เด็กเสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ถือว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงสูงสุด หากเหตุการณ์เหล่านี้ยังดำเนินต่อไป คาดว่าจะนำไปสู่ความรุนแรง และความแตกร้าวยิ่งขึ้นในสังคมไทย จนยากที่จะเยียวยา อันเป็นสิ่งที่ ประชาชนชาวไทยทุกฝ่ายไม่ปรารถนา จึงขอเรียกร้องดังนี้
1. ผู้ที่ก่อเหตุความรุนแรงต่อเด็กและประชาชนผู้บริสุทธิ์ ยุติการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนทันที เพราะการกระทำดังกล่าวนอกจากจะละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อมนุษยธรรมอีกด้วย
2. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการสืบสวน สอบสวน หาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายในทุกเหตุการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรงที่มีการสูญเสียชีวิต บาดเจ็บและทรัพย์สิน เนื่องจากหลายเหตุการณ์ได้เกิดขึ้น ไม่ปรากฏความคืบหน้าในการดำเนินการให้เห็นผลใดๆ
3. ผู้จัดการชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานร่วมกันในการสร้างระบบการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่การชุมนุม
4. รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องทำการสืบสวนสอบสวน จับกุม กวดขันและหาข่าวการนำอาวุธสงครามมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนหรือระเบิดที่ใช้ในสงคราม
5. รัฐบาลจะต้องให้การดูแลรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ การเยียวยาผู้เสียหาย ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่เสียชีวิตจากกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้เป็นมาตรฐานเพื่อให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยการให้หลักประกันว่าจะให้ความเป็นธรรมและเยียวยาทุกฝ่าย ทั้งในรูปเงินช่วยเหลือ การฟื้นฟู การช่วยเหลืออื่นๆ และการเยียวยาด้านจิตใจโดยไม่เลือกปฏิบัติ
"เมื่อวานนี้รู้สึกจะเป็นครั้งแรก ที่คุณยิ่งลักษณ์ ออกมาประณามความรุนแรง หลังจากที่ถูกเรียกร้องมา 2 ปีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นที่โคราช ที่ผู้สนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์ ทั้งหลายนี้ แสดงออกถึงความดีใจ ที่เกิดความสูญเสียขึ้น และที่กำลังจะออกมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปข่มขู่ คุกคาม องค์กรอิสระ หรือศาล คุณยิ่งลักษณ์ จะมีท่าทีอย่างไร วันนี้คงต้องดูว่า คุณยิ่งลักษณ์ จะมีแนวทางในการแก้ไขสถานการณ์หรือไม่ หรือตามข่าวก็คือ น่าจะหลบไปอยู่ต่างจังหวัด แล้วก็อ้างว่า ไปตรวจราชการเรื่องอื่น ทั้งๆ ที่เรื่องใหญ่ที่สุดของบ้านเมืองในขณะนี้ คือต้องหยุดยั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดง ที่ จ.นครราชสีมา ว่า ให้มีการจัดตั้งกองกำลังชายฉกรรจ์จังหวัดละไม่ต่ำกว่า 100 คน เพื่อเป็นกำลังหนุนของ นปช. รวมถึง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ระบุว่า สถานการณ์ขณะนี้ถ้าช้าก็จะมีการบาดเจ็บล้มตาย จึงขอให้เตรียมพร้อมเข้าสู่สถานการณ์แตกหัก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องถามหัวหน้ารัฐบาลว่า กรณีที่รัฐมนตรี 2 คน แสดงท่าทีอย่างนี้ นายกฯ เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ เห็นด้วยจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งสามารถปรับออกจาก ครม.รักษาการได้
** ชี้รัฐบาลตัวการก่อเหตุรุนแรง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นสถานการณ์ความรุนแรงที่อำมหิต ผู้ที่สั่งการในครั้งนี้ไม่มีจิตใจเป็นมนุษย์ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับเด็กเพียงเพื่อให้เกิดความหวาดกลัว ให้ผู้ชุมนุมลดน้อยลง จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า การกระทำดังกล่าวจะเกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีผู้มีอำนาจรู้เห็นเป็นใจ หรือคนมีอำนาจมีส่วนร่วม
“พรรคเชื่อความรุนแรงจะพัฒนาตนเองไปอีก เพราะรัฐบาลไม่มีวิธีอื่นที่จะรับมือ จึงเดินเข้าสู่โหมดแตกหัก เข่นฆ่าประชาชน เพราะ 1 การเลือกตั้งที่จะสร้างความชอบธรรมให้กลับมามีอำนาจ มีแนวโน้มไม่เป็นไปตามคาดหวัง เพราะส่อว่าจะลากยาว หรืออาจเป็นโมฆะ สภาไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ภายใน 30 วัน อีก 28 เขตเลือกตั้ง ไม่มีผู้สมัคร ทำให้การเลือกตั้งที่เคยคิดว่าจะฟอกผิดให้กลับสู่อำนาจ ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้แล้ว บันได ขั้นที่ 1 จึงล้มลงอย่างไม่เป็นท่า 2 คดีที่อยู่ในการตรวจสอบขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ก็กำลังเป็นปัจจัยที่เปิดเผยตัวตน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ปล่อยให้มีการทุจริต รัฐบาลจึงหมดทางไปและ 3 การที่ศาลแพ่ง มีคำสั่งคุ้มครองการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ทำให้การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่คิดว่าเป็นอาวุธชิ้นสุดท้ายในการปราบปรามประชาชน ไม่สามารถทำได้ จึงเป็นเหตุให้ความรุนแรงยกระดับทันที เพราะไม้ตายของพรรคเพื่อไทย คือ การใช้กองกำลังติดอาวุธเข่นฆ่าประชาชน”นายชวนนท์ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้น สอดรับกับการให้สัมภาษณ์ของ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่พูดว่า ประชาชนครอบครองปืนนับล้านคน สอดรับการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่มีการแสดงความยินดับการการตายของเด็ก ประกาศยกระดับการชุมนุม มีข้อเสนอไปยังรัฐบาล ไม่ให้รับทราบข้อกล่าวหาขององค์กรอิสระ และให้สั่งการให้ตำรวจติดอาวุธ ถือเป็นการประกาศของกบฏประเทศไทย ซึ่งเป็นคำ ประกาศของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะปฏิบัติตามหรือไม่ ถ้าคิดที่จะทำ ก็ถือว่าหมดสภาพความเป็นนายกฯ เพราะไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
นายชวนนท์ กล่าวด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะใช้ชีวิตประชาชนอีกกี่ศพ เพื่อนั่งทับบนอำนาจ และเห็นว่าแม้อยู่ในอำนาจแต่ก็บริหารประเทศไม่ได้ หากยังดำเนินการเช่นนี้ไม่มีแผ่นดินอยู่แน่นอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะกำลังปล่อยให้ นปช. ใช้ความรุนแรง จึงขอให้เลิกแสดงละครว่าไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงได้แล้ว เนื่องจากความสูญเสียเกิดขึ้น จากความกระหายอำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากยังไม่ยอมทบทวนหาทางออกให้ประเทศไทย ไม่เคยมีใครใช้ความรุนแรงเอาชนะความถูกต้องของประชาชนได้
**จวกผบ.ตร.ไร้น้ำยา ดูแลความสงบ
ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวประนาม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และสตช. ที่ไร้ประสิทธิภาพ ในการดูแลชีวิตประชาชน จึงขอฝากความหวังไปที่ ผู้บัญชาการตรวจสอบสวนกลางให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ลุกขึ้นมาใช้อำนาจกองปราบ หรือ กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ราชประสงค์ จงใจที่จะก่อความรุนแรงกับเด็ก จึงขอให้ไปตรวจสอบเฟซบุ๊ก ของฮาร์ดคอร์เสื้อแดง ที่แสดงความสะใจต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นในทุกเพจ เพราะตำรวจไม่เคยนำเรื่องเหล่านี้ไปสอบสวนเลย ทั้งๆ ที่มีการแสดงออกว่า ปลอมตัวเป็น กปปส. เข้าไปสังเกตการณ์ที่เวทีราชประสงค์ จึงขอให้หาตัวมาสอบปากคำ เพื่อหาความจริงให้ได้ เพราะมีการระบุชัดเจนว่า แฝงตัวเข้าไปเพื่อดูช่องทางสำหรับการยิงระเบิดที่เวทีราชประสงค์ เช่นเดียวกับกรณี ลุงยิ้ม ตาสว่าง ที่เกี่ยวข้องกับหลายเหตุการณ์ และระบุว่า มีกองกำลังของตัวเอง รวมทั้งเข้าไปแฝงตัวในพื้นที่การ ชุมนุมด้วย ทั้งนี้ ผู้เชียวชาญตั้งข้อสังเกตว่า การยิงระเบิดทำให้เด็กเสียชีวิต เป็นความจงใจให้เกิดเหตุดังกล่าว เพื่อสร้างวิกฤต ถ้าไม่มีจิตใจเดรัจฉานจริงๆ ทำไม่ได้ เพราะจงใจให้เกิดมิคสัญญี สงครามกลางเมืองในประเทศไทย
น.ส.มัลลิกา เปิดเผยด้วยว่า มีข้อมูลว่า ความรุนแรงจะมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีข่าวถึงขนาดจะมีการใช้คาร์บอมด้วย จึงขอให้ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ลุกขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ เพราะมีอำนาจที่จะตรวจสอบการกระทำผิดในโซเชียลมีเดีย เพื่อปรามไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก
** รองปธ.วุฒินำส.ว.จี้ "ปู"แสดงภาวะผู้นำ
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นพ.อนันต์ อริยะชัยพานิชย์ รองประธานวุฒิสภา พร้อมคณะส.ว.รวม 19 คน ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการชุมนุม โดยนายสุรชัย กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่เหตุการณ์ บริเวณสะพานผ่านฟ้า เหตุปาระเบิดที่แยกประตูน้ำ เหตุปาระเบิดและยิงใส่ฝูงชนที่ จ.ตราด และเหตุยิงระเบิดที่หน้าห้าง บิ๊กซี แยกราชประสงค์ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก โดยมีเด็กผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตรวม 4 ราย สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของการใช้วิธีการรุนแรง เข้าจัดการปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ด้วยวิธีการโหดร้ายไร้มนุษยธรรม ไม่คำนึงถึงแม้แต่ชีวิตของเด็กผู้บริสุทธิ์ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับความขัดแย้งทางการเมือง โดยยังไม่มีผู้ใดแสดงความรับผิดชอบ
นายสุรชัย กล่าวว่า คณะ ส.ว.ในฐานะสมาชิกสถาบันนิติบัญญัติเพียงสถาบันเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ในขณะนี้ จึงเห็นควรดังนี้
1. ขอประนามผู้กระทำความรุนแรง ทั้งผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง และผู้ลงมือกระทำ ว่าโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม ขอให้ยุติการกระทำ
2. เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม เข้าดูแลความปลอดภัยของชีวิตประชาชนอย่างเต็มที่ โดยต้องไม่มีอคติกับฝ่ายใดทั้งสิ้น
3.นายกรัฐมนตรีรักษาการ ต้องแสดงภาวะผู้นำในการแก้ไขปัญหา โดยประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว
4.ระหว่างที่ยังไม่สามารถหาทางออกความขัดแย้งได้ ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาลและคนในฝ่ายรัฐบาล ต้องไม่กระทำการใดอันเป็นการยุยง หรือสนับสนุนให้มวลชนเกิดความแตกแยก และส่อว่าจะใช้ความรุนแรงต่อกัน
5.เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้สติร่วมกันแก้ปัญหา ขอให้ตระหนักว่าทุกคนคือคนไทย ประเทศไทยเป็นของพวกเราทุกคน อย่างไรก็ตามขอฝากถึง ผบ.ตร. ตนอยากพบ หรือจะให้ตนไปพบที่ไหนก็ได้ เพื่อหารือแนวทางการแก้ปัญหาว่า ที่ผ่านมาฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจมีปัญหาหรืออุปสรรคติดขัดอะไร จึงไม่สามารถคลี่คลายเหตุการณ์ได้
** องค์กรสื่อประณามการใช้ความรุนแรง
วานนี้ องค์กรวิชาชีพสื่อ 4 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ออกแถลงการณ์ ประณามการใช้ความรุนแรง ที่เกิดขึ้นกัลการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ทั้งที่ จ.ตราด และที่หน้าห้างบิ๊กซี ราชประสงค์ ว่า เป็นการกระทำอันมีลักษณะเป็นการวางแผน และปฏิบัติการอย่างมีเป้าหมาย และหวังผล ให้ผู้ชุมนุมมีการบาดเจ็บล้มตายแบบไม่เลือกหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจสร้างสถานการณ์อย่างไร้มนุษยธรรม และป่าเถื่อนโหดร้ายอย่างยิ่ง ซึ่งองค์กรสื่อ มีความเห็นต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ดังนี้
1. เราขอประณามการกระทำเช่นนี้ เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาทำร้ายชีวิตประชาชนอย่างชัดเจน รวมทั้งขอคัดค้านการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใดก็ตาม
2. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการ ที่ต้องรับผิดชอบดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศ เร่งทำการสืบสวนสอบสวนนำตัวผู้กระทำความผิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาลงโทษโดยไม่ละเว้นการบังคับกฎหมายต่อฝ่ายใด 3. เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. และแนวร่วมที่ต่อต้านรัฐบาล รวมทั้งกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาล ต้องใชัสิทธิการชุมนุม การแสดงออกทางการเมืองที่สงบ และปราศจากอาวุธภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด และระงับการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ
4. สื่อมวลชนทุกแขนง ควรตระหนักถึงการเสนอข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้ง ที่ต้องเสนอข่าวสาร ที่เป็นข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้สาธารณชนสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ป้องกันไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำมาเป็นข้ออ้างในการยั่วยุ เพื่อให้เกิดความรุนแรง
** กสม.ชี้ละเมิดสิทธิมนุษยชนรุนแรงสูงสุด
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ประณาม การใช้อาวุธสงครามเพื่อกระทำรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ในเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่มีผลทำให้เด็กเสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ถือว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงสูงสุด หากเหตุการณ์เหล่านี้ยังดำเนินต่อไป คาดว่าจะนำไปสู่ความรุนแรง และความแตกร้าวยิ่งขึ้นในสังคมไทย จนยากที่จะเยียวยา อันเป็นสิ่งที่ ประชาชนชาวไทยทุกฝ่ายไม่ปรารถนา จึงขอเรียกร้องดังนี้
1. ผู้ที่ก่อเหตุความรุนแรงต่อเด็กและประชาชนผู้บริสุทธิ์ ยุติการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนทันที เพราะการกระทำดังกล่าวนอกจากจะละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อมนุษยธรรมอีกด้วย
2. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการสืบสวน สอบสวน หาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายในทุกเหตุการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรงที่มีการสูญเสียชีวิต บาดเจ็บและทรัพย์สิน เนื่องจากหลายเหตุการณ์ได้เกิดขึ้น ไม่ปรากฏความคืบหน้าในการดำเนินการให้เห็นผลใดๆ
3. ผู้จัดการชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานร่วมกันในการสร้างระบบการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่การชุมนุม
4. รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องทำการสืบสวนสอบสวน จับกุม กวดขันและหาข่าวการนำอาวุธสงครามมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนหรือระเบิดที่ใช้ในสงคราม
5. รัฐบาลจะต้องให้การดูแลรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ การเยียวยาผู้เสียหาย ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่เสียชีวิตจากกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้เป็นมาตรฐานเพื่อให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยการให้หลักประกันว่าจะให้ความเป็นธรรมและเยียวยาทุกฝ่าย ทั้งในรูปเงินช่วยเหลือ การฟื้นฟู การช่วยเหลืออื่นๆ และการเยียวยาด้านจิตใจโดยไม่เลือกปฏิบัติ