ที่แล้วมาทุกรัฐบาลยังคงเดินตามรอยผู้ปกครองไทยในอดีตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่เห็นผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิด ที่เห็นผิดอย่างซ้ำซาก ซ้ำรอยเดิมมาแล้วร่วม 81 ปี โดยมีรากฐานแห่งความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงใน 5 ประการนี้ ก็ถือเป็นวิบากกรรมของชาติอย่างเจ็บช้ำที่สุด
1. ผู้ปกครองได้เข้าใจผิดในการจัดความสัมพันธ์ระหว่างหลักการปกครอง (ระบอบ) กับรัฐธรรมนูญ ที่ถูกต้องคือ หลักการปกครอง (Principle of Government) หรือระบอบ จะต้องมาก่อนวิธีการปกครอง (Methods of Government) ซึ่งก็คือรัฐธรรมนูญนั่นเอง
2. ผู้ปกครองได้เข้าใจผิดเกี่ยวกับการยกร่างรัฐธรรมนูญ สร้างระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกต้องคือ ต้องสถาปนาหลักการปกครองก่อนอื่นใดทั้งสิ้น หลักการปกครองเป็นแบบไหน ระบอบก็เป็นแบบนั้น แต่ว่าประเทศไทย 81 ปี ใช้รัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ ไม่เคยมีหลักการปกครอง คือนี่คือความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงของผู้ปกครองไทยที่แก้ไขยากที่สุด
3. ผู้ปกครองได้เข้าใจผิดว่ารัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกต้องคือ รัฐธรรมนูญเป็นผลของหลักการปกครอง แต่เมื่อการเมืองไทยไม่เคยมีหลักการปกครอง ผลของมันกลายเป็นความอุบาทว์-อัปรีย์-จัญไรมา 81 ปีของประวัติศาสตร์การเมืองไทย
4. ผู้ปกครองได้เข้าใจผิดว่ารูปการปกครอง (ระบบรัฐสภา) คือระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกต้องคือระบบรัฐสภาเป็นเพียงรูปการปกครอง (Form of Government) ชนิดหนึ่ง มักใช้กับประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น เป็นต้น
5. ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่าการเลือกตั้ง คือระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกต้องคือการเลือกตั้ง การโหวต คือวิธีการอย่างหนึ่งเรียกว่า เป็นวิธีการประชาธิปไตย โดยการใช้เสียงข้างมากตัดสินในการดำเนินการในเรื่องนั้น
ขอให้ท่านทั้งหลายเข้าใจอย่างถูกต้องแท้จริงว่า ความสัมพันธ์ภายในชาติยังคงเป็นระบอบเผด็จการอยู่เช่นเดิมมา 81 ปีมาแล้ว อุปมา “หัวหน้าและฝูงปลาปิรันย่าถูกไล่ออกไปพ้นบึงใหญ่นี้แล้ว แต่น้ำเน่าก็ยังคงเดิม” ไม่อยากเห็นรัฐบาลใหม่ มัวแต่แก้ปัญหาปลายเหตุ ปัญหาเฉพาะหน้าเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ
ท่านทั้งหลาย สรรพสิ่งย่อมมี 2 ด้านเสมอไป จะขอยกเอาแก้วน้ำ (Glass) ที่วางอยู่หน้าท่านทั้งหลายมาเป็นตัวอย่าง แก้วเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีวิญญาณครอง หรือธาตุรู้กำกับอยู่ภายใน เราจะเห็นว่า แก้ว โดยทั่วไปมีรูปทรงและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การผลิตก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่จะนำไปใช้ แต่คุณสมบัติ หรือเนื้อหา แก่นสาร (Essence) โดยทั่วไปของแก้ว คือ ธาตุซิลิกาที่มีความใส แสดงให้เห็นว่าแก้วนั้นๆ ต้องประกอบด้วยเนื้อหาและรูปแบบ มีคำถามว่า ระหว่างเนื้อหากับรูปทรงที่หลากหลายนั้น อะไรมาก่อน เนื้อหา หรือรูปทรงมาก่อน ก็ตอบได้ว่า เนื้อหาต้องมาก่อนรูปแบบเสมอไป จากนั้นก็เป็นวิธีการที่จะนำไปใช้อย่างเหมาะสม
อันนี้จะเป็นปัญญาเบื้องต้นที่จะนำไปสร้างระบอบการเมืองให้ถูกต้องโดยธรรมเสียที จะเห็นได้ว่าเป็นของง่ายๆ แต่ก็ทำผิดมาแล้วถึง 18 ครั้ง เราก็กำลังก้าวเดินไปสู่ความหายนะกันอยู่ จึงห่วงใยยิ่งนัก
ขอย้อนกลับมาดูพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง และต้องตรึกตรองสภาวะอิทัปปัจจยตา และปฏิจจสมุปบาทอยู่นานถึง 7 สัปดาห์ ว่าธรรมที่พระองค์บรรลุนั้น จะนำไปสอนใคร และจะสอนอย่างไร เพราะเป็นธรรมที่ลึกซึ้ง ยากที่ปุถุชนจะเข้าใจได้ ด้วยพระกรุณาของพระองค์ จึงตัดสินใจออกเผยแผ่สัจธรรมอันลึกซึ้งแก่ ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 จนบรรลุพระอรหันต์ แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงบรรลุธรรมก่อนแล้ว จึงมาวางแผนการสอน และบัญญัติธรรมต่างๆ ขึ้น เช่น อริยสัจ 4, มรรคมีองค์ 8
กระทั่งมีพระอรหันตสาวกร่วม 1,250 องค์ และหลังจากนั้นพระองค์ทรงเริ่มบัญญัติพระวินัยเพิ่มขึ้นๆ เป็นลำดับ เพราะมีสาวกมากๆ ขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงบรรลุพระนิพพาน (เนื้อหา แก่นสาร) ก่อน จากนั้นจึงจะมีรูปแบบ และวิธีการสอนเป็นลำดับมา
มนุษย์บางประเภท เรียกว่าคน หรือเรียกว่า ปุถุชน ก็แปลว่า ผู้ยังหนาด้วยกิเลส บางทียิ่งเรียนมาก กิเลสก็มากขึ้น เห็นผิดมากขึ้น คิดผิดมากขึ้น พูดผิดมากขึ้น ทำผิดมากขึ้น แต่หลงว่าตนเองทำถูก ไม่ฟังใคร เพราะเห็นว่าตนนั้นเป็นถึงด็อกเตอร์บ้าง เป็นถึงนายพลบ้าง และบางคนทำลายชาติบ้านเมืองของตนให้ย่อยยับลงไป โดยไม่รู้ตัว แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็จบลงแบบ “เฒ่ามะละกอ” ยิ่งแก่ ยิ่งเละ ยิ่งเลอะ “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน”
ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ หรือระบอบเผด็จการโดยกฎหมาย ทั้งนี้เพราะประเทศไทยไม่เคยสร้างหลักการปกครอง (ระบอบประชาธิปไตย) อย่างถูกต้อง มีแต่สร้างรัฐธรรมนูญ แล้วหลงผิดว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย เห็นผิดลึกสืบทอดเป็นพันธุกรรมไปแล้วสำหรับการเมืองไทยเรา มีประเทศไทยประเทศเดียวในโลกที่เข้าใจรัฐธรรมนูญว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย
จึงนำเสนอเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขความเห็นผิดในหมู่ผู้ปกครองทั้งที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน และที่จะมีอำนาจในอนาคต อย่างง่ายๆ โดยย่อดังนี้
1. ดวงอาทิตย์ ต้องมาก่อนดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์เกิดจากดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ เป็นบริวารต้องขึ้นตรงต่อดวงอาทิตย์
อีกนัยหนึ่ง ดวงอาทิตย์เป็นด้านเอกภาพ ส่วนดาวเคราะห์และดวงจันทร์ทั้งหลาย เป็นด้านความแตกต่างหลากหลาย ความสัมพันธ์นี้ดำรงอยู่อย่างดุลยภาพมานานแสนนาน
2. พระพุทธเจ้า เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดพระธรรมคำสอน และพระธรรมคำสอนเป็นปัจจัยให้เกิดพระอรหันตสาวก พระรัตนตรัยจึงเกิดขึ้น พุทธสาวกทั้งหลาย หรือพุทธบริษัท 4 มีความมุ่งหมายขึ้นตรงต่อองค์พระรัตนตรัย จะเห็นว่าพระรัตนตรัยเป็นด้านเอกภาพ ส่วนพุทธบริษัท 4 เป็นด้านความแตกต่างหลากหลาย จึงเป็นความสัมพันธ์ในลักษณะพระธรรมจักรดำรงอยู่อย่างมั่นคงมานาน
อีกนัยหนึ่ง สัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ผู้ใดได้ศึกษาปฏิบัติอย่างถึงที่สุดแล้ว ย่อมจะรู้แจ้งว่าสัจธรรมคำสอนของพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกับกฎธรรมชาติ อันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะอสังขตธรรม ธรรมที่ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ได้แก่นิพพาน หรือธรรมาธิปไตย กับสภาวะสังขตธรรม ธรรมที่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ได้แก่ธาตุต่างๆ ที่แฝงอยู่ในสิ่งไม่มีชีวิต และสิ่งมีชีวิต ได้แก่พืชและสัตว์ทั้งมวลจะเห็นได้ว่า สภาวะอสังขตธรรมหรือนิพพาน เป็นด้านเอกภาพ ส่วนสภาวะสังขตธรรมเป็นด้านความแตกต่างหลากหลาย เป็นปัจจัยให้สัตว์ทั้งหลายต่างก็วิวัฒนาการสู่พระนิพพาน ตามกำลังของตนๆ จึงเกิดการวัฒนาการจากสัตว์เซลล์เดียวไปสู่สัตว์เดรัจฉาน และมนุษย์เป็นลำดับ และมนุษย์สามารถปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธเจ้าสอน จนบรรลุถึงสภาวะนิพพานได้ และเห็นภาพรวมของสภาวธรรมทั้งหมด หรือรู้แจ้งเห็นความสัมพันธ์ของกฎธรรมชาติทั้งองค์รวมมีลักษณะพระธรรมจักร
ที่กล่าวมานี้ เพื่ออธิบายให้เข้าใจอย่างถูกต้องแท้จริง ว่าอะไรต้องมาก่อนบนความสัมพันธ์ระหว่างหลักการปกครอง (ระบอบ) กับรูปแบบและวิธีการปกครอง ให้ถูกต้องเท่านั้นเอง
“ขอให้รัฐบาลของมวลมหาประชาชน” ได้พิจารณาอย่างแยบคาย ตั้งคณะกรรมการศึกษาวิจัยอย่างแยบคาย รัฐบาลจะได้มีภารกิจอย่างยิ่งใหญ่สร้างความเห็นถูกให้เกิดขึ้นในชาติบ้านเมืองเสียที ด้วยการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม (Principle of Government) ต่อปวงชนทุกสาขาอาชีพในแผ่นดิน ถูกต้องสอดคล้องกับลักษณะพิเศษของประเทศไทย ทั้งการเชิดชูสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นองค์ประกอบแห่งรัฐ ความมั่นคงแห่งชาติ หลักการปกครอง (ระบอบ) และหลักนิติธรรม เป็นหนึ่งเดียวกันนี้ จึงเป็นหลักการปกครองโดยธรรมและศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง อันเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของปวงชนในแผ่นดิน พร้อมทั้งเป็นการโค่นทำลายสัมพันธ์ของระบอบเผด็จการ 2 ขั้วที่ดำรงอยู่ในประเทศไทยมายาวนานกว่า 81 ปี ลงไปได้อย่างสันติ เป็นอัศจรรย์ อย่างสวยสดงดงาม ดังได้จัดความสัมพันธ์อย่างถูกต้องเป็นสัมมาทิฐิ ดังนี้
จึงเป็นภารกิจของรัฐบาลมวลมหาประชาชน ต้องเร่งทำภารกิจสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม เป็นนโยบายเร่งด่วน สร้างสัมพันธ์ทางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนาธรรมใหม่ จึงจะเป็นการเข้ามาแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติอย่างแท้จริง เป็นการโค่นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญอันเป็นเหตุแห่งความอุบาทว์-อัปรีย์-จัญไร-หายนะทั้งปวง และเป็นเหตุของระบอบทักษิณ ระบอบเผด็จการรัฐสภา ซึ่งเป็นเงาของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ อ่านให้เกิดปัญญาเถิด
1. ผู้ปกครองได้เข้าใจผิดในการจัดความสัมพันธ์ระหว่างหลักการปกครอง (ระบอบ) กับรัฐธรรมนูญ ที่ถูกต้องคือ หลักการปกครอง (Principle of Government) หรือระบอบ จะต้องมาก่อนวิธีการปกครอง (Methods of Government) ซึ่งก็คือรัฐธรรมนูญนั่นเอง
2. ผู้ปกครองได้เข้าใจผิดเกี่ยวกับการยกร่างรัฐธรรมนูญ สร้างระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกต้องคือ ต้องสถาปนาหลักการปกครองก่อนอื่นใดทั้งสิ้น หลักการปกครองเป็นแบบไหน ระบอบก็เป็นแบบนั้น แต่ว่าประเทศไทย 81 ปี ใช้รัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ ไม่เคยมีหลักการปกครอง คือนี่คือความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงของผู้ปกครองไทยที่แก้ไขยากที่สุด
3. ผู้ปกครองได้เข้าใจผิดว่ารัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกต้องคือ รัฐธรรมนูญเป็นผลของหลักการปกครอง แต่เมื่อการเมืองไทยไม่เคยมีหลักการปกครอง ผลของมันกลายเป็นความอุบาทว์-อัปรีย์-จัญไรมา 81 ปีของประวัติศาสตร์การเมืองไทย
4. ผู้ปกครองได้เข้าใจผิดว่ารูปการปกครอง (ระบบรัฐสภา) คือระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกต้องคือระบบรัฐสภาเป็นเพียงรูปการปกครอง (Form of Government) ชนิดหนึ่ง มักใช้กับประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น เป็นต้น
5. ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่าการเลือกตั้ง คือระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกต้องคือการเลือกตั้ง การโหวต คือวิธีการอย่างหนึ่งเรียกว่า เป็นวิธีการประชาธิปไตย โดยการใช้เสียงข้างมากตัดสินในการดำเนินการในเรื่องนั้น
ขอให้ท่านทั้งหลายเข้าใจอย่างถูกต้องแท้จริงว่า ความสัมพันธ์ภายในชาติยังคงเป็นระบอบเผด็จการอยู่เช่นเดิมมา 81 ปีมาแล้ว อุปมา “หัวหน้าและฝูงปลาปิรันย่าถูกไล่ออกไปพ้นบึงใหญ่นี้แล้ว แต่น้ำเน่าก็ยังคงเดิม” ไม่อยากเห็นรัฐบาลใหม่ มัวแต่แก้ปัญหาปลายเหตุ ปัญหาเฉพาะหน้าเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ
ท่านทั้งหลาย สรรพสิ่งย่อมมี 2 ด้านเสมอไป จะขอยกเอาแก้วน้ำ (Glass) ที่วางอยู่หน้าท่านทั้งหลายมาเป็นตัวอย่าง แก้วเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีวิญญาณครอง หรือธาตุรู้กำกับอยู่ภายใน เราจะเห็นว่า แก้ว โดยทั่วไปมีรูปทรงและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การผลิตก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่จะนำไปใช้ แต่คุณสมบัติ หรือเนื้อหา แก่นสาร (Essence) โดยทั่วไปของแก้ว คือ ธาตุซิลิกาที่มีความใส แสดงให้เห็นว่าแก้วนั้นๆ ต้องประกอบด้วยเนื้อหาและรูปแบบ มีคำถามว่า ระหว่างเนื้อหากับรูปทรงที่หลากหลายนั้น อะไรมาก่อน เนื้อหา หรือรูปทรงมาก่อน ก็ตอบได้ว่า เนื้อหาต้องมาก่อนรูปแบบเสมอไป จากนั้นก็เป็นวิธีการที่จะนำไปใช้อย่างเหมาะสม
อันนี้จะเป็นปัญญาเบื้องต้นที่จะนำไปสร้างระบอบการเมืองให้ถูกต้องโดยธรรมเสียที จะเห็นได้ว่าเป็นของง่ายๆ แต่ก็ทำผิดมาแล้วถึง 18 ครั้ง เราก็กำลังก้าวเดินไปสู่ความหายนะกันอยู่ จึงห่วงใยยิ่งนัก
ขอย้อนกลับมาดูพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง และต้องตรึกตรองสภาวะอิทัปปัจจยตา และปฏิจจสมุปบาทอยู่นานถึง 7 สัปดาห์ ว่าธรรมที่พระองค์บรรลุนั้น จะนำไปสอนใคร และจะสอนอย่างไร เพราะเป็นธรรมที่ลึกซึ้ง ยากที่ปุถุชนจะเข้าใจได้ ด้วยพระกรุณาของพระองค์ จึงตัดสินใจออกเผยแผ่สัจธรรมอันลึกซึ้งแก่ ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 จนบรรลุพระอรหันต์ แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงบรรลุธรรมก่อนแล้ว จึงมาวางแผนการสอน และบัญญัติธรรมต่างๆ ขึ้น เช่น อริยสัจ 4, มรรคมีองค์ 8
กระทั่งมีพระอรหันตสาวกร่วม 1,250 องค์ และหลังจากนั้นพระองค์ทรงเริ่มบัญญัติพระวินัยเพิ่มขึ้นๆ เป็นลำดับ เพราะมีสาวกมากๆ ขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงบรรลุพระนิพพาน (เนื้อหา แก่นสาร) ก่อน จากนั้นจึงจะมีรูปแบบ และวิธีการสอนเป็นลำดับมา
มนุษย์บางประเภท เรียกว่าคน หรือเรียกว่า ปุถุชน ก็แปลว่า ผู้ยังหนาด้วยกิเลส บางทียิ่งเรียนมาก กิเลสก็มากขึ้น เห็นผิดมากขึ้น คิดผิดมากขึ้น พูดผิดมากขึ้น ทำผิดมากขึ้น แต่หลงว่าตนเองทำถูก ไม่ฟังใคร เพราะเห็นว่าตนนั้นเป็นถึงด็อกเตอร์บ้าง เป็นถึงนายพลบ้าง และบางคนทำลายชาติบ้านเมืองของตนให้ย่อยยับลงไป โดยไม่รู้ตัว แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็จบลงแบบ “เฒ่ามะละกอ” ยิ่งแก่ ยิ่งเละ ยิ่งเลอะ “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน”
ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ หรือระบอบเผด็จการโดยกฎหมาย ทั้งนี้เพราะประเทศไทยไม่เคยสร้างหลักการปกครอง (ระบอบประชาธิปไตย) อย่างถูกต้อง มีแต่สร้างรัฐธรรมนูญ แล้วหลงผิดว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย เห็นผิดลึกสืบทอดเป็นพันธุกรรมไปแล้วสำหรับการเมืองไทยเรา มีประเทศไทยประเทศเดียวในโลกที่เข้าใจรัฐธรรมนูญว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย
จึงนำเสนอเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขความเห็นผิดในหมู่ผู้ปกครองทั้งที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน และที่จะมีอำนาจในอนาคต อย่างง่ายๆ โดยย่อดังนี้
1. ดวงอาทิตย์ ต้องมาก่อนดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์เกิดจากดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ เป็นบริวารต้องขึ้นตรงต่อดวงอาทิตย์
อีกนัยหนึ่ง ดวงอาทิตย์เป็นด้านเอกภาพ ส่วนดาวเคราะห์และดวงจันทร์ทั้งหลาย เป็นด้านความแตกต่างหลากหลาย ความสัมพันธ์นี้ดำรงอยู่อย่างดุลยภาพมานานแสนนาน
2. พระพุทธเจ้า เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดพระธรรมคำสอน และพระธรรมคำสอนเป็นปัจจัยให้เกิดพระอรหันตสาวก พระรัตนตรัยจึงเกิดขึ้น พุทธสาวกทั้งหลาย หรือพุทธบริษัท 4 มีความมุ่งหมายขึ้นตรงต่อองค์พระรัตนตรัย จะเห็นว่าพระรัตนตรัยเป็นด้านเอกภาพ ส่วนพุทธบริษัท 4 เป็นด้านความแตกต่างหลากหลาย จึงเป็นความสัมพันธ์ในลักษณะพระธรรมจักรดำรงอยู่อย่างมั่นคงมานาน
อีกนัยหนึ่ง สัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ผู้ใดได้ศึกษาปฏิบัติอย่างถึงที่สุดแล้ว ย่อมจะรู้แจ้งว่าสัจธรรมคำสอนของพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกับกฎธรรมชาติ อันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะอสังขตธรรม ธรรมที่ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ได้แก่นิพพาน หรือธรรมาธิปไตย กับสภาวะสังขตธรรม ธรรมที่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ได้แก่ธาตุต่างๆ ที่แฝงอยู่ในสิ่งไม่มีชีวิต และสิ่งมีชีวิต ได้แก่พืชและสัตว์ทั้งมวลจะเห็นได้ว่า สภาวะอสังขตธรรมหรือนิพพาน เป็นด้านเอกภาพ ส่วนสภาวะสังขตธรรมเป็นด้านความแตกต่างหลากหลาย เป็นปัจจัยให้สัตว์ทั้งหลายต่างก็วิวัฒนาการสู่พระนิพพาน ตามกำลังของตนๆ จึงเกิดการวัฒนาการจากสัตว์เซลล์เดียวไปสู่สัตว์เดรัจฉาน และมนุษย์เป็นลำดับ และมนุษย์สามารถปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธเจ้าสอน จนบรรลุถึงสภาวะนิพพานได้ และเห็นภาพรวมของสภาวธรรมทั้งหมด หรือรู้แจ้งเห็นความสัมพันธ์ของกฎธรรมชาติทั้งองค์รวมมีลักษณะพระธรรมจักร
ที่กล่าวมานี้ เพื่ออธิบายให้เข้าใจอย่างถูกต้องแท้จริง ว่าอะไรต้องมาก่อนบนความสัมพันธ์ระหว่างหลักการปกครอง (ระบอบ) กับรูปแบบและวิธีการปกครอง ให้ถูกต้องเท่านั้นเอง
“ขอให้รัฐบาลของมวลมหาประชาชน” ได้พิจารณาอย่างแยบคาย ตั้งคณะกรรมการศึกษาวิจัยอย่างแยบคาย รัฐบาลจะได้มีภารกิจอย่างยิ่งใหญ่สร้างความเห็นถูกให้เกิดขึ้นในชาติบ้านเมืองเสียที ด้วยการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม (Principle of Government) ต่อปวงชนทุกสาขาอาชีพในแผ่นดิน ถูกต้องสอดคล้องกับลักษณะพิเศษของประเทศไทย ทั้งการเชิดชูสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นองค์ประกอบแห่งรัฐ ความมั่นคงแห่งชาติ หลักการปกครอง (ระบอบ) และหลักนิติธรรม เป็นหนึ่งเดียวกันนี้ จึงเป็นหลักการปกครองโดยธรรมและศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง อันเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของปวงชนในแผ่นดิน พร้อมทั้งเป็นการโค่นทำลายสัมพันธ์ของระบอบเผด็จการ 2 ขั้วที่ดำรงอยู่ในประเทศไทยมายาวนานกว่า 81 ปี ลงไปได้อย่างสันติ เป็นอัศจรรย์ อย่างสวยสดงดงาม ดังได้จัดความสัมพันธ์อย่างถูกต้องเป็นสัมมาทิฐิ ดังนี้
จึงเป็นภารกิจของรัฐบาลมวลมหาประชาชน ต้องเร่งทำภารกิจสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม เป็นนโยบายเร่งด่วน สร้างสัมพันธ์ทางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนาธรรมใหม่ จึงจะเป็นการเข้ามาแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติอย่างแท้จริง เป็นการโค่นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญอันเป็นเหตุแห่งความอุบาทว์-อัปรีย์-จัญไร-หายนะทั้งปวง และเป็นเหตุของระบอบทักษิณ ระบอบเผด็จการรัฐสภา ซึ่งเป็นเงาของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ อ่านให้เกิดปัญญาเถิด