xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาล “ปู” กับสงครามของความหลงผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติ

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

จงเชื่อด้วยปัญญาเถิด ทั้งที่เห็นด้วยตาและการวิเคราะห์ สังเคราะห์ เหตุของการใช้ความรุนแรงต่อมวลมหาประชาชนมือเปล่า ดังลำดับต่อไปนี้

- 30 พ.ย. 56 ความรุนแรงปะทะกันด้วยอาวุธ ที่ ม.รามคำแหง มีผู้เสียชีวิต 4 คน บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

- 17 ม.ค. 57 เหตุปาระเบิดใส่ขบวน กปปส.ที่ถนนบรรทัดทอง มีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

- 19 ม.ค. 57 มีผู้ขว้างระเบิดลูกเกลี้ยงใส่ผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบาดเจ็บ 29 ราย

- 26 ม.ค. 57 เกิดเหตุปะทะของกลุ่มชนบริเวณใกล้ที่เลือกตั้งล่วงหน้า โดยแกนนำ กปท. ถูกยิงเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 12 คน

- 1 ก.พ. 57 กลุ่ม กปปส.ปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ต้องการนำอุปกรณ์การเลือกตั้งออกมาจากสำนักงานเขตหลักสี่ บริเวณใต้สะพานข้ามแยกหลักสี่ มีผู้บาดเจ็บ 6 ราย

- 18 ก.พ. 57 เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุม ในการขอพื้นที่บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ มีผู้บาดเจ็บ 71 คน เสียชีวิต 5 คน เหตุการณ์การใช้อาวุธสงครามเข้าสลายการชุมนุม

- 23 ก.พ. 57 คนร้ายใช้ระเบิดและอาวุธปืนยิงใส่เวที กปปส.ที่ตลาดยิ่งเจริญ อ.เขาสมิง จ.ตราด มีผู้บาดเจ็บ 41 คน และเสียชีวิต 2 คน

- 24 ก.พ. 57 ล่าสุด ผู้ไม่หวังดีฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลโยนระเบิดใส่ผู้ชุมนุมที่บิ๊กซีราชดำริ-ราชประสงค์ มีเด็กเสียชีวิต 2 คน

อ่านแล้วเศร้านะครับ เหล่านี้ คือข้อเท็จจริงที่สื่อมวลชนทั้งหลายได้เสนอไปแล้วเป็นลำดับ แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม อันไม่ใช่วิสัยของมนุษย์ แต่เป็นลักษณะจิตใจที่ตกอยู่ภายใต้อบายภูมิคือ อสุรกาย (จิตกลัว) เปรต (จิตโลภ) สัตว์นรก (จิตโกรธ) สัตว์เดรัจฉาน (จิตหลง)

เป็นจิตใจที่เห็นผิด คิดผิด ทำผิด นับแต่ นช.ทักษิณ ปู ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย และเครือข่ายทั้งหลายที่รับใช้ระบอบทักษิณ รวมทั้งหัวแถวตำรวจที่ยอมเป็นทาสทางการเมือง ยอมเป็นกองกำลังติดอาวุธให้กับพรรคเพื่อไทย แล้วจะเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างไร ประชาชนหมดที่พึ่ง ใครกระทำต่อฝ่ายทักษิณตำรวจจับได้หมด แต่เมื่อฝ่ายมวลมหาประชาชนและฝ่ายพันธมิตรฯ ถูกกระทำ ตำรวจไม่สามารถจับใครได้เลย เพราะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ขยิบตาให้

พวกฝ่ายทักษิณ รัฐบาล เสื้อแดงนี้มีความเห็นผิดบิดเบือนอย่างร้ายแรงต่อชาติและประชาชนว่า “รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย” ทั้งๆ ที่เป็นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา อำนาจอธิปไตยเป็นของนักการเมืองและเครือข่ายเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น

ความเห็นผิดอย่างร้ายแรงอีกอย่างหนึ่งคือ “การเลือกตั้งคือระบอบประชาธิปไตย” การเลือกตั้งเป็นวิธีการหนึ่งของการขึ้นสู่อำนาจ หากเป็นการเลือกตั้งภายใต้ระบอบเผด็จการ การเลือกตั้งนั้นก็เป็นวิธีการของระบอบเผด็จการ จงรู้กันอย่างมีปัญญาให้ทั่วเถิด และหากเป็นการเลือกตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตย (ที่แท้จริง แต่ก็ไม่เคยมีในประเทศไทย) การเลือกตั้งนั้นก็เป็นวิธีการของระบอบประชาธิปไตย จงได้รับรู้กันอย่างมีปัญญาอย่างถูกต้องเป็นธรรมเช่นนี้เถิด

เพราะความเห็นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติและประชาชน พวกเขาจึงปลุกระดม ยุยงว่าเป็นการปกป้องระบอบประชาธิปไตย และกล่าวร้าย กปปส.ว่าเป็นพวกทำลายประชาธิปไตย

ฝ่าย กปปส.ก็จงใช้สมองพิจารณาเถิดว่า 81 ปี มันคือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา อันเป็นเหตุแห่งความเลวร้ายสุดๆ ที่ครอบงำประเทศมา 81 ปี แล้ว มันเป็นเหตุของระบอบทักษิณปล้นชาติ มันเป็นเหตุของระบอบเผด็จการรัฐสภา

ดังนั้นนักปราชญ์ ผู้มีสติปัญญา จึงต้องเสนอสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เพื่อเปลี่ยนระบอบเผด็จการของนักการเมืองและคณะเพียงหยิบมือเดียวมาเป็นการเมืองระบอบประชาธิปไตยของปวงชน

แต่ทั้งนี้ ที่ กปปส. กำนัน สุเทพ ไม่ประกาศ ก็เพราะเคยพูดเอาไว้มากแล้วว่าเป็นประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่มันเป็นเผด็จการมา 81 ปีแล้ว

อันใครๆ ก็ตามการยอมรับความจริง ความที่มันดำรงอยู่จริงๆ ว่าเป็นระบอบเผด็จการก็ย่อมจะคิดหาทางแก้ไขได้

แต่ถ้าพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง แกนนำมวลชนต่างๆ ยังเห็นว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะแก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้เลย

ผู้เขียน ยืนยันตามกฎอิทัปปัจจยตาอันเป็นทางสายกลาง คือพิจารณาไปตามเหตุปัจจัย และปัจจัยผล จึงไม่ได้มองปัญหาบุคคลหรือรัฐบาลเป็นเหตุเพียงอย่างเดียว คือพิจารณาความสัมพันธ์ทั้งองค์รวมตามเหตุปัจจัยที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดภายในประเทศของเรา

เราได้แนะนำว่า การจะทำบ้านเมืองให้เกิดความถูกต้อง สิ่งแรกคือต้องสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรมให้เสร็จสมบูรณ์เสียก่อน (สร้างระบอบก่อน) จากนั้น จึงดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญ (วิธีการปกครอง) ให้สอดคล้องกับหลักการปกครอง ดังเช่น วัดพระแก้วถูกสร้างขึ้นมาก่อน ส่วนวิธีการไปเกิดภายหลังอันหลากหลาย เช่น เดิน วิ่ง รถจักรยาน รถยนต์ เป็นต้น ดุจเดียวกับสัมพันธภาพระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวเคราะห์ หรือดุจเดียวกับสัมพันธภาพระหว่างสภาวะนิพพานกับ 84,000 พระธรรมขันธ์

สัตตบุรุษ ย่อมแนะนำให้ผู้ปกครองจะชุดไหนๆ ก็ตาม รับฟังและคิดแก้ปัญญาที่เป็นต้นเหตุ หรือเหตุแห่งปัญหาของชาติจริงๆ ส่วนรัฐบาลจะได้รับฟัง รับรู้หรือไม่ตาม ไม่รับฟังไม่คิดแก้ไข ก็พังไปอย่างหมา

เราขอเชิญชวนมาร่วมกันพิสูจน์กฎอิทัปปัจจยตาอันเป็นกฎความสัมพันธ์ของเหตุปัจจัยระหว่างเหตุและผล คือ

เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี, (เมื่อเหตุดีเกิดขึ้น ผลดีย่อมเกิดขึ้น, เมื่อเหตุไม่ดีเกิดขึ้น ผลไม่ดีย่อมเกิดขึ้น)

เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่มี, เพราะสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้ก็ดับ (ด้วย)

ก็จะเห็นได้ว่า ในจักรวาลนี้ โลกนี้ ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะพ้นไปจากกฎอิทัปปัจจยตานี้ได้ สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเป็นไป ดำเนินไปตามกฎอิทัปปัจจยตานี้ทั้งสิ้น

พระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งกฎธรรมชาติ แล้วนำมาสอน บัญญัติ ก็ล้วนแล้วเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตาทั้งสิ้น

การคิดแก้ปัญหาประเทศชาติ และเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด คือปัญหาทุกข์ของแผ่นดิน หรือทุกข์ร่วมของปวงชนในแผ่นดิน เราต้องสืบสาวไปหาเหตุแห่งความทุกข์ของแผ่นดิน เมื่อพิจารณาทั้งองค์รวม ทั้งกระบวนการก็คือ

หลักการปกครองโดยธรรม (ระบอบ) ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้มีรัฐธรรมนูญ (วิธีการปกครอง) ที่ถูกต้อง

รัฐธรรมนูญที่ถูกต้อง เป็นปัจจัยให้มีการปกครอง (รัฐบาล) ที่ถูกต้อง

รัฐบาลเป็นเหตุปัจจัยต่อ กระทรวง, กระทรวงเป็นปัจจัยต่อกรม, กรมเป็นปัจจัยต่อ จังหวัด... เป็นลำดับไปจนถึงบุคคล นัยหนึ่งคือส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด

แต่ปรากฏว่า 80 ปี ประเทศไทยเราไม่เคยมีหลักการปกครองโดยธรรม เมื่อไม่มีหลักการปกครองมันก็บอกให้เรารู้ว่า มันไม่มีระบอบ เป็นระบอบมิจฉาทิฐิอย่างร้ายแรงที่สุดของชาติและประชาชน มันจึงเป็นรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิ ผิดไปจากคลองธรรม จึงเป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการนั่นเอง

ผู้ปกครองฯ รัฐบาล เอาการเลือกตั้งมาบังหน้า เอามาเป็นเครื่องมือขึ้นสู่อำนาจ เอาระบบรัฐสภาอันเป็นรูปการปกครองชนิดหนึ่งมาใช้เป็นรูปแบบการปกครอง แล้วก็โฆษณาชวนเชื่อว่านี่คือระบอบประชาธิปไตย แต่แล้วก็ล้มเหลวทุกทีไปอย่างซ้ำซาก มันโกหกกันมายาวนานที่สุด เป็นการโกหกกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ

รัฐธรรมนูญทั้ง 18 ฉบับไม่มีหลักการปกครอง มีแต่รัฐธรรมนูญเพียงด้านเดียวนัยหนึ่งมีแต่เพียงวิธีการปกครองแล้วโกหกบิดเบือนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย เพื่อหลอกประชาชนให้เป็นทาสต่อไป ดังที่เห็นอยู่ทุกวันนี้

เมื่อเหตุเป็นมิจฉาทิฐิ การเลือกตั้งย่อมเป็นมิจฉาทิฐิ รัฐบาลย่อมมิจฉาทิฐิ การบริหารราชการ กระทรวง กรม จังหวัด อำเภอ ตำบล... จนถึงประชาชน ย่อมเป็นไปตามกลไกรัฐ จึงถูกกระแสมิจฉาทิฐิครอบงำตามไปด้วยอย่างเป็นไปเอง ผิด ผิด แผ่กระจายครอบงำไปทั้งประเทศถึงทุกคน

อีกนัยหนึ่งเมื่อการปกครองมิจฉาทิฐิ ระบบเศรษฐกิจในภาพรวม การศึกษา สังคม การดำเนินชีวิตของประชาชนก็พลอยไหลตามไป กระแสแห่งมิจฉาทิฐิ ตามเหตุปัจจัยที่เกี่ยวพันสัมพันธ์กันทั้งหมด

บางคนก็บอกว่ามันอยู่ที่คน ถ้ามองที่ตัวบุคคล คนเก่าไป คนใหม่มาน่าจะดีขึ้น แต่เปล่าเลย มันกลับหนักขึ้นๆ หนักขึ้นทุกวัน มีภาพพิสูจน์ให้เห็นกันชัดๆ อยู่แล้วในหัวใจของสาธุชนคนไทยทั้งหลาย

“ในหลวงคือภาพของความดีงามและสูงส่งดุจสวรรค์ แต่ภาพของการเมืองไทยไยกลับกลายเป็นนรกเล่า”นักการเมืองหลายคนดุจดังสัตว์นรกในอบายภูมิ ก็เพราะพวกเขาอยู่ใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภานั่นเอง

แต่พวกเขาบิดเบือนไปว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ มันก็หลอกว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย พวกเขาเป็นพรรคการเมืองที่รักษาระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภาไว้อย่างเหนียวแน่นและยาวนาน 81 ปีทั้งสิ้น

นักปราชญ์ ปัญญาชนทั้งหลายต้องร่วมกันพิสูจน์ให้ชัดว่า มันคือระบอบเผด็จการไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง จะมีองค์การไหนบ้าง ทำการไต่สวนในเรื่องนี้ ศาลออกมาทำหน้าที่หน่อยเถอะ หรือไทยเราจะยอมตกอยู่ภายใต้ขบวนการโกหกยาวนานนี้ออกไปเป็นร้อยปีหรืออย่างไร

ดูไปๆ กองทัพเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สื่อมวลชน เพื่อนกรรมกร สหภาพแรงงานทั้งหลาย นำไปศึกษา พวกท่านเท่านั้นคือพลังจะปราบปรามการเมืองจอมมารอุบาทว์จัญไรสุดๆ ของชาติและประชาชนนี้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น