คนร้ายปาระเบิดเพลิงถล่มสถานีวิทยุ "โกตี๋" ย่านลำลูกกากลางดึก ตำรวจคาดสาเหตุจากการเมือง และมือที่สามไม่พอใจในความกร่างของเจ้าตัว ปชป.แฉ "โกตี๋" ซุกปีกผู้มีบารมีภาคอีสาน จี้พรรคเพื่อไทยหากปกป้องสถาบันฯ จริง ต้องแจ้งเบาะแสให้ตำรวจจัดการ ด้าน พท.เตรียมเรียก "ชัยเกษม" แจง หลังเสนอให้รัฐบาลทูลเกล้าฯ นายกฯ ม.7 หากศาล รธน.ฟัน "ยิ่งลักษณ์" สิ้นสภาพ ซัด "ป๋า" ส่งซิกให้ทหารปฏิวัติ ขณะที่ "โกตี๋ "โฟนอิน บอกอยู่พนมเปญ ซัด "ยิ่งลักษณ์" สั่งจับคดีหมิ่นฯ เอาใจอำมาตย์
เมื่อเวลา 03.30 น.วานนี้ (13 เม.ย.) พ.ต.ท.ศิวาพัชญ์ สนิทนวนธนรัฐ พนักงานสอบสวน สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ. ปทุมธานี ได้รับแจ้งจากนายมานนท์ ไทรเล็กทิม อายุ 35 ปี ผู้ดูแลสถานีวิทยุสื่อมหาชนคนรักประชาธิปไตย FM 105.25 เลขที่ 18/22 หมู่ 9 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา ว่ามีคนเข้ามาปาระเบิดขวดใส่ ทำให้เกิดเพลิงไหม้เสียหาย จึงไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก.สภ.คูคต พบเป็นโรงงานรีไซเคิลขวดพลาสติก พื้นที่หลายไร่ ภายในได้กันพื้นที่บางส่วนตั้งเสาส่งสัญญาณ และห้องเก็บเครื่องเสียงของสถานีวิทยุดังกล่าวอยู่ด้วย บริเวณหน้าห้องส่งพบเพลิงไหม้วัสดุรีไซเคิลรวมทั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ ของห้องส่งเสียหาย แต่ไม่กระทบอุปกรณ์และเสาส่งอากาศ รวมทั้งไม่มีผู้บาดเจ็บด้วย
สอบสวนนายมานนท์ ทราบว่า สถานีวิทยุแห่งนี้อยู่ในความดูแลของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ขณะเกิดเหตุไม่อยู่ โดยเช่าพื้นที่จากโรงงานรีไซเคิลแห่งนี้เป็นที่ออกอากาศ ขณะที่ น.ส.บุญโฮม แสวงจิตร อายุ 51 ปี เพื่อนบ้าน ก็ให้การหน้าซีดเผือดว่า เมื่อเวลา 03.20 น. ได้ออกมานอกบ้าน เพื่อจัดดอกไม้ขึ้นศาลในวันพระ เห็นคนร้ายขับขี่รถจยย. เข้ามา 5 คัน คันละ 2 คน รวม 10 คน เข้ามาบริเวณโรงงาน จึงถามว่าจะไปไหนกัน ทำให้คันที่ 5 จอดลงตรงที่ตนยืนอยู่ แล้วใช้ปืนจี้ขู่ว่า "ถ้าไม่อยากตาย ให้อยู่เฉยๆ" ตนจึงไม่กล้าเปล่งเสียงใดๆ ต่อมาได้ยินเสียงระเบิด 3 ครั้ง ก่อนที่คนร้ายจะล่าถอยไป จึงรีบไปบอกคนในโรงงาน
ด้านพ.ต.อ.นราเดช กล่าวว่า จะเร่งสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์และตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามคนร้ายต่อไป สำหรับสาเหตุเบื้องต้น คาดว่าคนร้ายคงใช้ระเบิดเพลิงมุ่งหวังทำลายเสาส่งสถานีวิทยุไม่ให้ออกอากาศแต่พลาด ส่วนประเด็นก่อเหตุอาจจะมาจากความขัดแย้งทางการเมือง หรือจากกลุ่มที่ 3 ซึ่งไม่พอใจพฤติกรรมอันดุเดือดของนายวุฒิพงศ์ ก็เป็นไปได้
**แฉ "โกตี๋" ซุกปีกผู้มีบารมีอีสาน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับรายงานข่าวล่าสุดเกี่ยวกับ นายวุฒิพงษ์ หรือโกตี๋ ว่ายังอยู่ภายในประเทศไทย แต่ อยู่ภายใต้การดูแลของผู้มีบารมีในภาคอีสาน ที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้พิสูจน์ตัวเองว่าจะก้มหัวให้กับการเมืองหรือมวลชนข้างถนน หรือจะแสดงบทบาทการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ พิทักษ์สถาบันฯ เพราะถ้าตำรวจออกแรงอย่างเต็มที่ เชื่อว่าจะสามารถดำเนินคดีกับนายโกตี๋ และนายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ได้อย่างแน่นอน และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปถาม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถึงแผนล้มเจ้า เนื่องจากนายธาริต มีความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี เพราะอยากให้ใช้คดีนายโกตี๋ เป็นจุดเริ่มต้นของการรื้อฟื้นผังล้มเจ้า เนื่องจากเห็นความเชื่อมโยงของกลุ่มต่างๆ ในซีกนักการเมืองพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก กรณีนี้ก็จะเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ทำให้ความขัดแย้งยังคงอยู่ในประเทศ
นายชวนนท์ ถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่า เหตุที่บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะกติกาไม่เป็นกติกา กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ว่า เป็นการสะท้อนตัวตน และรากเหง้าของปัญหาในประเทศไทย เพราะข้อเท็จจริง ปัญหาที่เกิดขึ้นในตั้งแต่ ปี 48- 57 ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ได้ทั้งชื่อเสียง ทรัพย์สิน และเงินทองจากประเทศไทย กฎหมายของประเทศไทย ต้นตอปัญหาเกิดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมรับกฎหมายไทย จะเลือกกฎหมายเฉพาะที่ตัวเองได้ประโยชน์ จึงแปลกใจว่า เหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเรื่องนี้ออกมาได้ ทั้งที่ทำลายระบบนิติรัฐ นิติธรรม โดยความพยายามจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดเหมาเข่ง ที่น่าเสียใจคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า เป็นห่วงว่าจะมีการปลุกระดมจนมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เหมือนประเทศรวันดาใน แอฟริกา จึงขอให้ทบทวนพฤติกรรมของตัวเอง เพราะประเทศไทยขณะนี้ มีขบวนการในการลดความน่าเชื่อถือ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง และไม่เชื่อว่า คนเหล่านี้จะกล้ามาทำ ถ้าไม่มีคนสนับสนุน ซึ่งการอ้างถึงประเทศรวันดา กำลังจะสื่อความหมายว่า ถ้ากฎหมายไทยยังไม่ยอมก้มหัวให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ประเทศไทยจะเป็นอย่างรวันดา หรือไม่ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ จะสั่งให้มีสงครามกลางเมืองหรือ
นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เชื่อว่าขณะนี้ นายโกตี๋ จะเห็นสัจธรรมแล้วว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร เพราะไม่ได้อยู่ในข่ายเสร็จนาฆ่าโคศึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล แต่เหมือนถูกตัดหางปล่อยวัด เนื่องจากนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำกลุ่ม นปช. ระบุแล้วว่า หากคลิปดังกล่าวนายโกตี๋ พูดจริง ก็ต้องรับผิดชอบเอง ดังนั้น จึงอยากฝากไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ถ้าพลาดวันใดก็จะโดนเหมือนนายโกตี๋ แต่หากสมประโยชน์ ก็จะได้รับทรัพย์สิน เงินทอง และตำแหน่ง ดังนั้น ขอฝากไปยังพรรคเพื่อไทย หากสนับสนุนการปกป้องสถาบันฯจริงก็ขอให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสที่หลบซ่อนของนายโกตี๋ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับทราบเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนายสมคิด เชื่อคง อดีตส.ส. อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายชวนนท์ ออกมาระบุว่า นายโกตี๋ ยังอยู่ในเมืองไทย ภายใต้ผู้มีบารมีในภาคอีสานว่า ตนเชื่อว่า โกตี๋ ยังอยู่ในเมืองไทย แต่ไม่น่าอยู่ในภาคอีสาน เพราะเขามีความชำนาญพื้นที่กรุงเทพฯ และปทุมธานีมากกว่า ทั้งนี้ส่วนตัวอยากให้โกตี๋ ออกมามอบตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ต่อสู่คดีพิสูจน์ความจริง และชี้แจงเรื่องคลิปเสียงดังกล่าว เนื่องจากมองว่าคลิปดังกล่าวไม่ใช่เนื้อหาทั้งหมด และเหตุการณ์น่าจะเกิดก่อนการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา หากคนที่ปล่อยคลิปตั้งใจปกป้องสถาบันฯจริง เหตุใดไม่ปล่อยคลิปตั้งแต่ต้น แต่นี้กลับปล่อยหลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาพูดเรื่องรัฏฐาธิปัตย์ เหมือนมีเจตนาเบี่ยงประเด็นสังคม
**พท.เล็งเรียก “ชัยเกษม” แจง ม.7
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงกรณีที่ นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม เสนอความเห็น ให้รัฐบาลทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชวินิจฉัย ตามมาตรา 7 หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พ้นสภาพ จากกรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งว่า หลังเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าพรรคจะนำเรื่องนี้มาหารือว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะเมื่อกลไกทางกฎหมายถูกบิดเบือนให้ใช้ไม่ได้ ก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้กลไกทางการเมือง เมื่อฝ่ายตรงข้ามคิดเรื่องนี้ได้ เราก็คิดได้เหมือนกัน
ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นใหม่ ที่นายชัยเกษม เสนอมา จึงอยากฟังรายละเอียดที่ชัดเจนจากนายชัยเกษมก่อน อย่างไรก็ตามไม่แน่ใจว่า สามารถดำเนินการได้หรือไม่ เนื่องจากนักกฎหมายยังมีความเห็นที่หลากหลาย ซึ่งคงต้องรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน
**ศาล รธน.รอ 'ปู' ชี้แจงกรณีเด้ง 'ถวิล'
แหล่งข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญ เผยว่า สำหรับกระบวนการพิจารณาคำร้องของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และคณะที่ขอให้ศาลรัธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (7) ประกอบ มาตรา 268 หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากลับมาภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดการชี้แจงในวันที่ 18 เม.ย.นี้ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นคำชี้แจงกลับมาแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญก็จะมาพิจารณาดูในคำชี้แจง ว่ามีประเด็นใดบ้าง มีการอ้างพยานบุคคล หรือมีการขอขยายระยะเวลาในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาหรือไม่
"ศาลจะพิจารณาว่า ประเด็นทั้งหมดเหมาะสมที่จะอนุญาตหรือไม่ แต่ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามาเบ็ดเสร็จเรียบร้อย ศาลก็ต้องพิจารณาว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้หรือไม่ หากเห็นว่าเพียงพอแล้ว ก็จะนัดฟังคำวินิจฉัยทันที " แหล่งข่าว ระบุ
แหล่งข่าวคนดังกล่าว ยังกล่าวถึงแนวคิดของนายชัยเกษม ที่เตรียมให้ครม.เสนอนายกฯตามมาตรา 7 ว่า เขาคงเข้าใจว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่ง จะเกิดสุญญากาศทางการเมืองในการบริหารราชการประเทศ เนื่องจากโดยหลักของกฎหมายมหาชน กำหนดว่า การบริหารราชการต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน อีกทั้งฝ่ายกปปส. โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก็ระบุชัดเจนว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯ พ้นสภาพ แต่หากนายกฯไม่ยอม ก็จะประกาศรัฏฐาธิปัตย์ทันที เมื่อถึงวันนั้น เหตุการณ์ก็คงจะวุ่นวาย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงจำเป็นต้องหาแนวทางปฏิบัติ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาในอนาคต
**ชี้ชัด "ชัยเกษม" ชงนายกฯ ม.7ไม่ขัด รธน.
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. กล่าวว่า ข้อเสนอของนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม กรณีการทูลเกล้าฯ ขอนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง เป็นเรื่องที่แปลก เพราะว่า นายชัยเกษม เคยยืนยันว่าไม่สามารถใช้นายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญได้ จึงเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่า กระบวนการดังกล่าว ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ ทางรัฐบาลคงเห็นแล้วว่า ยังไม่มีรัฐสภาที่จะมาทำหน้าที่ตามกระบวนการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงกำลังเจอปัญหาข้อกฎหมายหลายอย่าง จนทำให้นายชัยเกษม หลุดปากพูดข้อเสนอนี้ ออกมา
**พท.ชี้ "ป๋าเปรม" ส่งซิกกองทัพปฏิวัติ
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดโอกาสให้ ผบ.ทหารสูงสุด นำผบ.เหล่าทัพ เข้ารดน้ำดำหัว เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ว่า การที่ พล.อ.เปรม พูดกับทหารว่า กองทัพกำลังมีงานใหญ่ต้องทำให้สำเร็จนั้น มีนัยสำคัญทางการเมือง มีคนมาถามตนมากมายว่า งานสำคัญของกองทัพ คืออะไร เพราะหลายคนมองว่าสถานการณ์ตอนนี้องค์กรอิสระล้มรัฐบาลไม่สำเร็จ อาจจะมีการกระทำเหมือนเช่นในอดีต คือให้ทหารยึดอำนาจหรือไม่ พล.อ.เปรม ต้องการให้กองทัพออกมายึดอำนาจอีกครั้ง ใช่หรือไม่ เมื่อปี 2549 ภายหลังปฏิวัติ พล.อ.เปรมได้นำคณะปฏิวัติเข้าเฝ้ามาครั้งหนึ่งแล้ว คนสงสัยเรื่องนี้มาก จึงขอถามให้เกิดความชัดเจน การที่ พล.อ.เปรม เปิดสโมสรทหารบกให้ ผบ.เหล่าทัพ รดน้ำดำหัวนั้น เจตนาคือ ต้องการวัดกำลัง โชว์ศักยภาพว่า ทุกเหล่าทัพยังต้องเกรงใจ ทำตามคำสั่งอยู่มากกว่า
** "เด็จพี่ "อัด"เทือก" ลวงโลก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ออกมาประกาศว่า จะไม่ยอมเจรจากับคนกลางคนไหนทั้งสิ้น และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการชุมนุมยืดเยื้อ ถึงช่วงออกพรรษา ว่า ตนมองว่าสิ่งที่นายสุเทพ พูดนั้น เป็นเรื่องเก่า เพราะเป็นแนวทางที่เคยพูดก่อนหน้านี้ ที่ต้องการล้มรัฐบาล
ส่วนที่บอกว่าจะไม่รับตำแหน่งใดๆ และจะเลิกเล่นการเมืองนั้น ถือว่าเป็นการลวงโลก เพราะการบอกว่าจะเป็นรัฏฐาธิปัตย์ แล้วตั้งรัฐบาลใหม่ ก็จะมีอำนาจมากว่าการมีตำแหน่งใดๆ อีกทั้งยังเชื่อว่า หากเป็นเช่นนั้น ก็น่าจะมีการล้มคดีของตัวเองกับพวกพ้อง ไม่ว่าจะเป็นการสลายการชุมนุมเมื่อปี 53 และข้อหากบฏ ที่มีอยู่ ส่วนที่บอกว่า ต้องการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ต้องมีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งนั้น เป็นเพียงข้ออ้างเพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือ การแย่งชิงอำนาจโดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง เพราะเขาไม่กล้าลงเลือกตั้ง แต่อยากเป็นรัฐบาลโดยวิธีพิเศษ เหมือนในอดีต
"ไม่ว่านายสุเทพ จะชุมนมไปอีกนานเท่าใด ก็จะยึดอำนาจของประชาชนไม่สำเร็จ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากอำนาจนอกระบบ และหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็เชื่อว่าจะไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน และช่วงนี้ที่เป็นเทศกาลวันปีใหม่ไทย ก็อยากฝากไปยังคนที่คอยให้การสนับสนุนนายสุเทพ ว่า ขอให้มอบสิ่งดีดีให้กับคนไทย เลิกช่วยเหลือนายสุเทพ แล้วฟังเสียงประชาชน หันมาสนับสนุนการเลือกตั้งเพื่อให้ความขัดแย้งหมดไป พร้อมทั้งเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ คิดใหม่หันมาสนับสนุนการเลือกตั้ง แล้วมาร่วมหารือกับพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งใหม่" นายพร้อมพงศ์กล่าว
**"โกตี๋"อัด"ปู"สั่งจับเอาใจอำมาตย์
วานนี้ (13 เม.ย.) ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้มีการส่งต่อวีดีโอคลิป ของผู้ใช้นามแฝง "jimbandon" (จิมบ้านดอน) ได้อัปโหลดวีดีโอคลิป ชื่อ "โกตี๋ ให้สัมภาษณ์ ขณะหนีกบดานอยู่นอกประเทศ" โดยอ้างว่าเป็นการให้สัมภาษณ์ของ นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ ต่อสถานีวิทยุเรดการ์ด เรดิโอ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ความยาว 49 นาที โดยในช่วงต้นได้ฝากถึง กอ.รมน. และสันติบาล ว่าไม่ต้องจับสัญญาณ เพราะอยู่คนละฟากประเทศ ใครอยากเล่นน้ำกับโกตี๋ ต้องมาเล่นที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา แถวโตนเลสาบ
นายวุฒิพงษ์ กล่าวโจมตีหลวงปู่พุทธะอิสระ แกนนำ กปปส. แจ้งวัฒนะ ที่ขึ้นป้ายประกาศจับตน ระบุว่าตนไม่ใช่คนชั่วร้าย เป็นคนดีของคนเสื้อแดง แต่เป็นคนชั่วของพวกมัน วันนี้มาประกาศจับตน ให้ค่าหัว 5 แสนบาท ซึ่งมันน้อยมากๆ ต้องพูดตรงๆ ว่า ตนรบกับพวกมันไม่พอ ต้องรบกับคนเสื้อแดงบางกลุ่มอีก
"มันคิดว่าผมแย่ คิดว่าผมหนี ที่ผมมาตรงนี้ มาเอาข้าวของที่จะไปปาดคอพวกมัน ไปยิงกบาลพวกมัน สันดานผม ผมไม่หนี เพียงแต่ว่าวันนี้ผมออกมาดูข้างนอก เหมือนนักมวย ที่ผ่านมาคลุกวงในอย่างเดียว พอขึ้นมาถึงบางอ้อ คนที่สั่งจับผมก็คือ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ แค่จะเอาใจอำมาตย์ เอาใจพวกมันเท่านั้นเอง และคนที่เซ็นคำสั่งบีบให้จับผมคือ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ วันนี้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ โดนหลอกสองต่อ หลอกฆ่าคนที่รัก และศรัทธาด้วยหัวใจ แล้วนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็จะอยู่โดดเดี่ยว เพราะนี่คือไม้ของอำมาตย์ ซึ่งจะเล่นทุกวิถีทาง" นายวุฒิพงษ์ กล่าว
นายวุฒิพงษ์ กล่าวต่อว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเคยรักบูชา ตอนนี้เริ่มรู้ว่าสถานการณ์การเมืองมันเปลี่ยน เริ่มเลือกข้าง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ที่จะได้เป็นรัฐมนตรี ถ้าเปลี่ยนรัฐบาล หรืออย่าง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ไปกินข้าวบ้านสี่เสาเทเวศร์ วันนี้เป็นหัวหน้าทีมที่สั่งจับตน และพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่ตนรักกันมาก เคยอยู่บุรีรัมย์ กับนายเนวิน ชิดชอบ มาเล่นงานตน จึงขอเตือนว่าถ้า ผบ.ตร. จะเหยียบเรือสองแคม ก็ทำให้เต็มที่เลย ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ห้ามไปฟังข้อมูล นายสุรนันทน์ และนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจเจ้าของเครือแสนสิริ เพราะนายสุรนันทน์ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นไม่เอา แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เกรงใจนายเศรษฐา ก็เอามาอยู่ด้วย
"ผมเสียใจที่คนที่สั่งจับผมกลับเป็นพวกเราเอง ผมถามหน่อย ถ้าจะช่วยกัน คดีอย่างนี้คุณต้องสืบสวน ไปดูคลิปก่อนว่ามันตัดต่อ อันไหนมันจริงมันเท็จยังไง แล้วคลิปนี้ บีบีซีมาถ่ายทำผมออกไปสองเดือนก่อนเลือกตั้ง ออกทีวีเป็นครึ่งชั่วโมง ไม่ใช่เป็นคลิปไม่กี่วินาทีอย่างนี้ คือเอาส้นตีนคิด ก็รู้ว่าตัดต่อ แต่ผมไม่แก้ตัว จะตัดต่ออย่างไรก็ช่างแม่ง ใครจะก้มหัวให้พวกนี้ ก็ก้มไป ผมไม่ก้มหรอก เดี๋ยวก็มีคนที่เสี้ยมบอกว่า ผมหนี ผมมาเอาข้าวของไปยิงกบาลพวกมึง ผมจะไม่ยอมให้พวกนี้เอากุญแจมือสับผม ข้อหา ม. 112 ถ้ามันจับผมได้ ก็จับเฉพาะศพผมที่คากุญแจมือ ผมไม่ได้ท้าทาย เอาเลย ตำรวจคนไหนที่รับใช้อำมาตย์ แล้วคิดว่าพวกประชาชนเราแพ้ เพื่อจะเอาหน้า เพื่อจะรายงานผู้ใหญ่ แล้วก็อาสาจะมาจับโกตี๋ ก็ยิงมา ถ้าไส้มึงไม่แตก ไส้กูก็แตก มีอยู่สองอย่าง มึงมีปืน กูก็มีปืน " นายวุฒิพงษ์ กล่าว
นายวุฒิพงษ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ปวดใจน้องสาวไปหลงเชื่ออำมาตย์ จ่ายเงินให้ซื้ออาวุธ ให้ตำแหน่งต่างๆ คิดว่าจะเอาอยู่หรือ ไม่มีทาง มันไม่เคยรักพวกเรา มันรักโคตรพ่อโคตรแม่อย่างเดียว คอยดูว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะน้ำตาตก ถ้ายังเชื่อพวกที่ตีสองหน้า ตนมีหน้าเดียว คือเดินหน้าฆ่าคนพวกนี้
แกนนำ นปช. ปทุมธานี กล่าวว่า วันนี้มีคนเสื้อแดงบางคนเคยกล่าวหาว่าตนไปรับงานพรรคประชาธิปัตย์ เคยขอขึ้นสถานี ซึ่งตนตำหนิไปหลายรอบแล้ว ทุกคนซ้ำเติมตน นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ อดีตปธ.นปช. รีบบอกว่า ตนไม่ใช่ นปช. ซึ่งตนไม่ใช่อยู่แล้ว ตนเป็นคนเสื้อแดง ตนจะไม่ร้องขอความเมตตาใดๆ เพราะถือว่ามาเป็นนักต่อสู้ ชีวิตตนตัวคนเดียว อยู่คนเดียว พี่น้องไม่ต้องห่วงตน ถ้าวันใดเจอศพตน อย่าเผา เอาศพตนแห่ประจานล้มระบอบมัน แต่ก่อนอื่นศพอำมาตย์ ศพทหาร ต้องกองมากกว่านี้ก่อน ถ้าตนเป็นนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะไม่กราบไหว้เหมือนทุกวันนี้ ไปเสแสร้งแกล้งทำดีแค่ไหนมันก็ไม่ดีด้วย และขอเตือนตำรวจว่า อย่าคิดว่าตนพ่ายแพ้ หรือตนหนี สันดานตนไม่มีถอย.