วานนี้ (10เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวชื่นชมข้าราชการระดับปลัดกระทรวง ที่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ร่วมกันกับกลุ่มแกนนำ กปปส. ที่ไปขอหารือ ว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นความพยายามช่วยกันลดบรรยากาศความขัดแย้ง เพื่อให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยน ซึ่งไม่มีอะไรที่เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ และเป็นสิ่งที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรจะทำเช่นเดียวกัน แต่แกนนำรัฐบาล กลับออกมาเตือนข้าราชการว่า การออกมาต้อนรับกลุ่มกปปส. ถือเป็นกบฏ มีความผิดวินัยร้ายแรง ทั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการโพสต์ข้อความอ้างว่า หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการพูดคุย ซึ่งไม่ได้สอดคล้องกับการกระทำ
"ผมอยากจะฟังว่าคุณยิ่งลักษณ์ มีนโยบายอย่างไรกันแน่ ถ้าบอกว่าไม่ใช่เรื่องของราชการ แล้วที่เรียกร้องให้คุยกันนั้น ใครคุยกับใคร ถ้าอย่างนั้นคุณยิ่งลักษณ์ มาคุยเองสิ ผมคิดว่าสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่า ผมคิดว่าการที่คุณยิ่งลักษณ์ จะเขียนเฟซบุ๊ก หรือจะให้สัมภาษณ์อะไร อย่างไรก็ตาม แต่ถ้ามันไม่ได้สอดคล้องกับการกระทำของตัวเอง บ้านเมืองมันก็จะไม่สามารถที่จะหาทางออกแล้วก็เดินหน้าไปได้ ถ้าท่านปลัดประทรวงได้แสดงความคิดเห็น ตรงไปตรงมา ในการประชุมปลัดกระทรวง ร่วมกันบอกว่า ทุกกระทรวง ทบวง กรม เขาทำหน้าที่ในฐานะข้าราชการของแผ่นดิน สิ่งที่เขาทำก็พยายามจะลดบรรยากาศ ให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันนี้ ไม่ได้มีอะไรตรงไหนเลย ที่เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ ถ้าปลัดกระทรวงช่วยกันยืนยันอย่างนี้ ผมว่าจะเป็นเรื่องที่ดีมาก"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวหาความศาลรัฐธรรมนูญ ว่าขัดหลักนิติธรรม 2 มาตรฐาน นั้น เป็นการให้ความเท็จกับประชาชน เป็นเรื่องที่แย่มาก สำหรับผู้นำรัฐบาล ที่พยายามใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรม เพราะการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคดีของนายถวิล เปลี่ยนศรี ไม่ใช่คดีบริหารงานบุคคล แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระทำในสิ่งต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีการจำหน่ายคดี ซึ่งการ โพสต์ข้อความดังกล่าว เป็นยุทธศาสตร์ของทางฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาโดยตลอด ที่พยายามจะให้เห็นว่า กลไก ตรวจสอบถ่วงดุล เป็นปฏิปักษ์ในระบอบประชาธิปไตย เพื่อหวังให้คนหลงเชื่อตามแนวทางนี้ ว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการกระทำทุจริต โดยไม่ได้คิดในเชิงของภาพลักษณ์ของประเทศ
"รมว.ต่างประเทศ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่รับใช้ระบอบนี้ว่า ประเทศชาติเสียหายก็ได้ ขอให้เป็นประโยชน์กับฝ่ายตัวเอง คือสิ่งที่น่าหนักใจ เป็นเหตุผลว่า ทำไมวันนี้ประชาชนถึงพยายามเรียกร้องกับข้าราชการว่า แล้วเราจะปล่อยให้คนที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองนี้ ย่ำยีบ้านเมืองเสียเองอย่างนี้หรือ"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สิ่งเหล่านี้เป็นนิยายเรื่องเดียวกัน เพื่อที่จะสร้างความชอบธรรมในการที่จะให้ต่างชาติ หรือรัฐบาลต่างประเทศ หรือใครก็ตามที่จะมาคอยช่วยเหลือเวลาที่เกิดปัญหา หากจวนตัว ต้องขอลี้ภัย ถือเป็นการทำแบบจงใจ และ เป็นกระบวนการ เช่น การตั้งป้อมคัดค้าน น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง มาเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อจะอ้างว่า คนแบบนี้เป็นปฏิปักษ์
"ผมอยากจะฟังว่าคุณยิ่งลักษณ์ มีนโยบายอย่างไรกันแน่ ถ้าบอกว่าไม่ใช่เรื่องของราชการ แล้วที่เรียกร้องให้คุยกันนั้น ใครคุยกับใคร ถ้าอย่างนั้นคุณยิ่งลักษณ์ มาคุยเองสิ ผมคิดว่าสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่า ผมคิดว่าการที่คุณยิ่งลักษณ์ จะเขียนเฟซบุ๊ก หรือจะให้สัมภาษณ์อะไร อย่างไรก็ตาม แต่ถ้ามันไม่ได้สอดคล้องกับการกระทำของตัวเอง บ้านเมืองมันก็จะไม่สามารถที่จะหาทางออกแล้วก็เดินหน้าไปได้ ถ้าท่านปลัดประทรวงได้แสดงความคิดเห็น ตรงไปตรงมา ในการประชุมปลัดกระทรวง ร่วมกันบอกว่า ทุกกระทรวง ทบวง กรม เขาทำหน้าที่ในฐานะข้าราชการของแผ่นดิน สิ่งที่เขาทำก็พยายามจะลดบรรยากาศ ให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันนี้ ไม่ได้มีอะไรตรงไหนเลย ที่เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ ถ้าปลัดกระทรวงช่วยกันยืนยันอย่างนี้ ผมว่าจะเป็นเรื่องที่ดีมาก"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวหาความศาลรัฐธรรมนูญ ว่าขัดหลักนิติธรรม 2 มาตรฐาน นั้น เป็นการให้ความเท็จกับประชาชน เป็นเรื่องที่แย่มาก สำหรับผู้นำรัฐบาล ที่พยายามใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรม เพราะการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคดีของนายถวิล เปลี่ยนศรี ไม่ใช่คดีบริหารงานบุคคล แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระทำในสิ่งต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีการจำหน่ายคดี ซึ่งการ โพสต์ข้อความดังกล่าว เป็นยุทธศาสตร์ของทางฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาโดยตลอด ที่พยายามจะให้เห็นว่า กลไก ตรวจสอบถ่วงดุล เป็นปฏิปักษ์ในระบอบประชาธิปไตย เพื่อหวังให้คนหลงเชื่อตามแนวทางนี้ ว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการกระทำทุจริต โดยไม่ได้คิดในเชิงของภาพลักษณ์ของประเทศ
"รมว.ต่างประเทศ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่รับใช้ระบอบนี้ว่า ประเทศชาติเสียหายก็ได้ ขอให้เป็นประโยชน์กับฝ่ายตัวเอง คือสิ่งที่น่าหนักใจ เป็นเหตุผลว่า ทำไมวันนี้ประชาชนถึงพยายามเรียกร้องกับข้าราชการว่า แล้วเราจะปล่อยให้คนที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองนี้ ย่ำยีบ้านเมืองเสียเองอย่างนี้หรือ"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สิ่งเหล่านี้เป็นนิยายเรื่องเดียวกัน เพื่อที่จะสร้างความชอบธรรมในการที่จะให้ต่างชาติ หรือรัฐบาลต่างประเทศ หรือใครก็ตามที่จะมาคอยช่วยเหลือเวลาที่เกิดปัญหา หากจวนตัว ต้องขอลี้ภัย ถือเป็นการทำแบบจงใจ และ เป็นกระบวนการ เช่น การตั้งป้อมคัดค้าน น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง มาเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อจะอ้างว่า คนแบบนี้เป็นปฏิปักษ์