xs
xsm
sm
md
lg

สิ่งที่ กปปส.พึงระวัง : การขัดแย้งกันเอง

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

ศัตรูร่วมกันทำให้เกิดความสามัคคี แต่ผลประโยชน์ร่วมกันอาจทำให้เกิดขัดแย้งกัน

ข้อความดังกล่าวข้างต้น เป็นสัจธรรมประการหนึ่งที่ปุถุชนคนมีกิเลสพึงตระหนักไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่คนหมู่มากมารวมกัน ด้วยเหตุจูงใจคือมีศัตรูร่วมกัน และการรวมตัวกันได้เกิดขึ้นเพื่อกำจัดศัตรู ครั้นได้ชัยชนะเหนือศัตรูแล้ว มักจะเกิดความขัดแย้งกัน ด้วยเหตุที่มีผลประโยชน์ร่วมกันและแบ่งกันไม่ลงตัว

ผลประโยชน์ที่ว่านี้ จะเป็นวัตถุอันได้แก่เงินทอง ข้าวของมีค่าก็ได้ หรือเป็นยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่ง หรือแม้กระทั่งชื่อเสียงการยอมรับนับถือก็ได้

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมีเพียงประการเดียวคือ ความไม่พอใจที่ไม่ได้รับส่วนแบ่ง หรือได้รับแต่น้อยกว่าที่ตนเองคาดว่าจะได้รับ ดังที่กำลังส่อเค้าว่าจะเกิดขึ้นในหมู่ กปปส.บางคนหรือบางกลุ่มในขณะนี้

แต่ก่อนที่จะลงลึกถึงความขัดแย้งอันอาจเกิดขึ้นใน กปปส.ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านลองย้อนไปถึงสาเหตุที่ทำให้ กปปส.ออกมาชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ ก็จะพบที่มาหรือสาเหตุของการต่อต้านดังต่อไปนี้

1. กปปส.ได้ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นอมินีคนที่ 3 ของระบอบทักษิณ ด้วยอ้างเหตุ 2 ประการคือ ไม่มีความชอบธรรมในด้านการเมือง และไม่ชอบธรรมในด้านกฎหมาย

2. กปปส.ต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศในหลายด้าน เพื่อให้มีความพร้อมที่จะมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

แต่การจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ รัฐบาลในระบอบทักษิณจะต้องถูกกำจัดให้หมดไป และจัดให้มีรัฐบาลที่มาจากประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยโดยตรง เพื่อเข้ามาทำการปฏิรูปประเทศโดยใช้เวลาสักระยะหนึ่งอาจเป็น 1-2 ปีแล้วค่อยจัดการเลือกตั้ง เมื่อประเทศมีความพร้อมที่จะเป็นประชาธิปไตยตามหลักการที่ควรจะเป็นเยี่ยงอารยประเทศทั้งหลาย

แต่วันนี้และเวลานี้ ยังไม่มีวี่แววใดๆ ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะลาออกจากตำแหน่งนายกฯ รักษาการ เพื่อเปิดทางให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่

การปฏิรูปจึงเริ่มต้นขึ้นไม่ได้ จะทำได้อย่างมากก็แค่เตรียมการโดยการจัดให้มีการประชุมระดมสมองเพื่อหาแนวทางปฏิรูปในแต่ละด้าน เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลที่ประชาชนจะจัดให้มีขึ้น เพื่อทำการปฏิรูปให้เกิดผลในทางปฏิบัติ

แต่แค่เริ่มต้นการปฏิรูปได้มีข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งทางความคิดเกิดขึ้น และส่อเค้าว่าจะเป็นรอยปริร้าวในหมู่ กปปส.บางกลุ่ม จะเห็นได้จากแนวทางการปฏิรูปพลังงานเป็นตัวอย่าง ซึ่งเกิดจากการมีข้อมูลต่างกัน และที่น่าจะเป็นเหตุสำคัญคือการยึดตัวตนของคนบางคนบางกลุ่ม

อะไรคือเหตุให้เกิดความขัดแย้ง และจะแก้ไขป้องกันอย่างไร?

ถ้าพิจารณาจากเหตุที่ กปปส.ออกมาชุมนุมแล้วจะเห็นว่า การมีศัตรูร่วมเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มวลชนออกมาชุมนุมกัน และเป็นที่แน่นอนว่าการต่อสู้ในครั้งนี้น่าจะจบลงด้วยมวลชนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

ส่วนว่าจะชนะด้วยวิธีไหน และเมื่อใดนั้น ถ้าดูจากปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้แล้ว คงจะจบลงด้วยกระบวนการทางศาล ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้

1. ความผิดที่รัฐบาลตกเป็นจำเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นกรณีของโครงการจำนำข้าว และกรณีของการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี รวมไปถึงกรณีของการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ล้วนแล้วแต่ทำให้รัฐบาลมีอันต้องจบลงด้วยคำพิพากษาของศาลได้ทุกกรณี

ส่วนเวลาจะเป็นเมื่อไหร่นั้น ไม่อาจคาดการณ์ได้แน่นอนด้วยศาสตร์สมัยใหม่ แต่ถ้ามองดูในแง่ของโหราศาสตร์ก็พอจะอนุมานได้จากการเดินถอยหลังของดาวอังคารจาก 6 เมษายน-6 มิถุนายน 2557 ก็พอจะคาดการณ์ได้ว่า รัฐบาลคงจะต้องพบกับอวสานทางการเมืองในช่วงนี้

ดังนั้น การปฏิรูปประเทศคงจะเริ่มต้นต่อจากนี้ และจากนี้ไปก็จะต้องระวังความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งทางความคิดจะเกิดขึ้นใน กปปส.บางคนบางกลุ่มแน่นอน และถ้าเป็นเช่นนี้ความขัดแย้งจะเป็นอุปสรรคในการปฏิรูปในบางด้าน และบางประเด็น

ส่วนการแก้ไขและป้องกันเรื่องนี้มีทางทำได้ด้วยการคัดเลือกบุคคล และกำหนดกรอบแห่งเนื้อหาในการปฏิรูปให้มีความแน่นอนชัดเจน สามารถนำมาดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม มิใช่เพ้อฝันหรือคิดเองคาดการณ์เองโดยปราศจากความจริงรองรับ

2. สิ่งที่ กปปส.พึงระวังก็คือกลุ่มบุคคลที่เข้ามารวมกลุ่มด้วยเจตนาแอบแฝง เพื่อยกฐานะตนเองให้เป็นที่รู้จักและยอมรับของสังคม เพื่อกรุยทางไปสู่การเมืองโดยอาศัยมวลชนของ กปปส. คนกลุ่มนี้เองจะเป็นเหตุให้ภาพลักษณ์ของ กปปส.โดยรวมเสียไป

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนหวังว่า กปปส.คงแก้ไขและป้องกันเรื่องนี้ได้ไม่ถึงขั้นลุกลาม และทำให้ กปปส.อ่อนแอก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้คือ การได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
กำลังโหลดความคิดเห็น