ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์" เผยวงถก ผบ.เหล่าทัพ เน้นคุมเข้มม็อบ 5 เม.ย. ทหาร ตำรวจ พร้อมดูแลประชาชนทุกฝ่ายให้ได้รับความปลอดภัย แนะม็อบใจเย็น อย่ามุ่งตีกัน ไปเล่นสงกรานต์ดีกว่า โต้ข้อเสนอทหารเลิกรับใช้รัฐบาล เปรียบลูกจ้างไล่เจ้าของบริษัทออกไม่ได้ ยังหวัง "ปู-เทือก"จับเข่าคุยยุติปัญหา "ปึ้ง"สั่งตั้งวอร์รูมติดตามม็อบ "เหลิม"รับพูดจริง เชียร์ นปช. มาชุมนุมเยอะๆ "สนธิ"ชี้ "ประยุทธ์"ชัดเจนแล้วยืนข้าง "ทักษิณ" แขวะมัวแต่เต้นรอวันเกษียณ เผยขึ้นอยู่กับ "สุเทพ" เอาไงต่อ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยก่อนที่จะเข้าหารือกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ที่ได้นัด ผบ.เหล่าทัพ หารือถึงสถานการณ์การเมืองที่กองบัญชาการกองทัพไทย วานนี้ (2 เม.ย.) ว่า เป็นการประชุมร่วมกันตามปกติ ซึ่งทุกเดือนจะมีการพูดคุยกันในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องสายงานต่างๆ ที่มีข้อขัดข้อง หรือปัญหาในเอกสารธุรการ และเรื่องยุทธการ โดยส่วนใหญ่จะพูดคุยว่าแต่ละหน่วยมีปัญหาอะไรหรือไม่ เพื่อให้ทุกกองทัพได้รับทราบสถานการณ์ และจะได้มีฐานข้อมูลเดียวกันในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้มีเรื่องอะไรอย่างที่คนคาดหวัง
ส่วนในเรื่องสถานการณ์การเมือง เขาพูดกันทุกครั้ง ทุกวัน ไม่ใช่หนึ่งเดือนเจอกันทีแล้วค่อยเล่า เพราะเรามีหน่วยข่าวประชุมร่วมกันทุกวัน ทุกสถานการณ์ แต่ละพื้นที่ แต่ละหน่วยมีอะไร เขารู้กันหมด
สำหรับกรณีที่มีการเรียกร้องให้กองทัพอย่ายอมรับอำนาจของรัฐบาลรักษาการนั้น พล.อ.ประยุทธ์ นิ่งคิดพักใหญ่ก่อนกล่าวว่า มันไม่ใช่ในระบบ ถามคำถามที่ตอบยาก ตอบไม่ได้ เพราะถ้าตอบ ก็จะไปอยู่อีกข้างหนึ่ง สมมุติว่า ท่านทำงานในบริษัทหนึ่งและท่านประท้วงเจ้าของบริษัท ถามว่า ทำได้หรือไม่ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับผู้บริหารของคุณ คุณกล้าไล่เขาออกหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำหน้าที่ของคุณ เมื่อเขาให้ตนทำหน้าที่อะไร ก็ทำตามหน้าที่ จะไม่วิพากษ์วิจารณ์ให้เกินเลย เพราะจำเป็นต้องรักษาสถานภาพของตน เพื่อทำงานทุกงานให้ได้ ส่วนจะผิดหรือถูก จะรับหรือไม่รับก็ต้องไปว่ากันมา
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีจะไปศึกษาการใช้กฎอัยการศึกว่า สื่อเป็นคนถามตนว่า จะประกาศใช้หรือไม่ ตนจึงบอกว่า ขอไปดูก่อน แต่ความจริง ตนเป็นทหาร ไม่ต้องศึกษามาก เพราะรู้กฎหมายทหารอยู่แล้ว ซึ่งตนคาดหวังมาตลอดว่า สถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่ยังคงมีการบาดเจ็บสูญเสีย คงไม่มีใครคาดหวังให้มันแรง ไม่มีใครคาดหวังว่า อยากจะมีนายกฯ คนกลาง ไม่อยากคิดอย่างนั้น ส่วนจะแก้อย่างไร ก็ต้องแก้กันให้ได้ ตนพูดแรงก็ไม่ดี พูดค่อยก็ไม่ดี ขณะนี้คนที่มีปัญหาข้อขัดแย้ง คือ อีกฝ่ายรักษากฎหมาย อีกฝ่ายรักษาอธิปไตย แต่มีฝ่ายตรงกลางที่รำคาญ ซึ่งตนจะโดนคนเหล่านี้ด่าเยอะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า อดีตผู้บังคับบัญชาแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ท่านก็ห่วง แต่ท่านไม่รู้จะทำอย่างไร แต่บอกว่า ขณะนี้ทหารทำตัวดีแล้ว
"วันนี้เราต้องเป็นคนไทยที่มีระเบียบวินัย และรักษากฎหมาย เสียสละประโยชน์ส่วนตัว เพื่อผลประโยชน์ชาติ และทำให้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปลอดภัย ต่อสู้กันไปมาไม่มีใครชนะ แล้วจะเดือดร้อนกันไปหมด ต้องหาทางออกให้ได้ ไม่ว่า จะด้วยกฎหมายหรือวิธีการพิเศษ อย่าพูดจนคนนั้นคนนี้เสียหายไปหมด วันนี้ท่านไม่ต้องถอยก็ได้ เพราะไม่มีใครยอมถอย ให้หยุดอยู่ที่เดิมแล้วคุยกันหาทางออกให้ได้ ทุกวันนี้เห็นคนเจ็บตายรู้สึกไม่สบายใจ สงสารประชาชน"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ทบ.จะอุ้ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. มาพูดคุยเพื่อหาทางออกกันเงียบๆ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวติดตลกว่า ตัวใหญ่ทั้งคู่ อุ้มไม่ได้ เราต้องช่วยกันเพื่อให้เขาได้คุยกัน ส่วนจะมีการพูดคุยหรือไม่ ต้องไปถามท่าน เพราะเป็นเรื่องอนาคต อะไรก็เกิดขึ้นได้
หลังจากให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเสร็จ เวลาประมาณ 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าไปประชุมร่วมกับพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการหารบก พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 2 ชั่วโมง และในเวลา 12.00 น. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมายังกองทัพไทย เพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ ผบ.เหล่าทัพ โดยใช้เวลาอีกประมาณ 2ชั่วโมง ก่อนแยกย้ายกันเดินทางกลับ
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมกับผบ.เหล่าทัพว่า ผบ.เหล่าทัพ และผบ.ตร. มีมติร่วมกันว่า จะร่วมมือกันการทำให้ประชาชนทุกฝ่ายเกิดความปลอดภัย ขอร้องอย่าใช้ความรุนแรงต่อสู้ เพราะเราคือคนไทย ทั้งหมดต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หากไม่เคารพกฎหมายจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่บางครั้งกฎหมายอย่างเดียวก็ใช้ไม่ได้ เพระเป็นเงื่อนไขทางการเมืองและการบริหาร โดยเรื่องนี้ต้องไปพิจารณากัน โดยมีทั้งองค์กรอิสระ ศาลพิเศษ อยากให้แก้ไขไปตามขั้นตอน อย่าไปคาดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือทหารจะทำอะไร อย่าคิดไปถึงตรงนั้น หากคิดให้เบาก็จะเบาลง
"การชุมของกลุ่ม กปปส. และ นปช. ในวันที่ 5 เม.ย. อย่าใช้ความรุนแรง ชุมนุมโดยสงบ อย่ามุ่งเอาแพ้ชนะด้วยความรุนแรง ไปว่ากันด้วยกระบวนการยุติธรรม อย่าถามเรื่องนอกหน้าที่ผม เพราะเกี่ยวข้องกับคนอื่น เพราะจะเสียหายแล้วผมจะเป็นพระเอกคนเดียว ผมไม่ต้องการ"
เมื่อถามว่า กองทัพได้เตรียมแผนเผชิญเหตุเพื่อรองรับสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานทุกอย่างต้องมีแผนสำรองอยู่แล้ว แต่ไม่ได้เตรียมกฎหมายพิเศษ หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอให้ทุกคนใจเย็น อากาศก็ร้อน ช่วง เม.ย.เตรียมไปเล่นสงกรานต์ดีกว่า คนอยากมีความสุขกัน แต่อีกพวกจะตีกันให้ได้ คิดว่าเรื่องพวกนี้ต้องใจเย็นกัน สงกรานต์อยากให้มีความสุข ทรมานกันมาหลายปีแล้ว ดังนั้น ต้องรีบแก้ไขกันให้ได้ อย่าคิดว่าใครจะแพ้หรือชนะ ประเทศไทยต้องไปด้วยกันให้ได้ จะด้วยวิธีไหนยังไม่รู้ ทุกคนต้องช่วยกัน
เมื่อถามว่า ทาง ผบ.ตร. ติดขัดประเด็นใดบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ติดขัดอะไร ส่วนเรื่องการจับกุมคนก่อเหตุ ขณะนี้ กำลังดำเนินการอยู่ มีข้อมูลมากพอสมควร แต่ละคดีกำลังติดตามจับกุมอยู่ ใกล้จะมีผลดำเนินคดีเร็วๆ นี้ ผบ.ตร.ว่าอย่างนั้น ทั้งนี้ ได้มีการหารือในส่วนของ ศอ.รส.ทุกวันอยู่แล้ว โดยมีการติดตามสอบถามและคดีก็มีความก้าวหน้า แต่บางอย่างพูดทุกวันไม่ได้ จะจับผู้ร้ายพูดทุกวันไม่ได้ เดี๋ยวผู้ร้ายก็หนีหมด ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ส่วนเหตุระเบิดที่มีนบุรี ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจากการติดตามจากกล้องวงจรปิดพอจะทราบว่าเป็นใคร ขณะนี้รอการจับกุมอยู่
ทางด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคง กล่าวว่า การชุมนุมและความเคลื่อนของมวลชนทั้ง 2 ฝ่าย ทั้ง นปช. และ กปปส. ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ทาง ศอ.รส.ประเมินว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่เผชิญหน้ากัน เนื่องจาก นปช. ใช้สถานที่ชุมนุมที่ถนนอักษะ ย่านพุทธมณฑลสาย4 ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่โล่ง และระยะการเดินทางอยู่ค่อนข้างไกลกับการชุมนุมของ กปปส. อีกทั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส. จะมีเพียงแค่การนัดหารือระดับแกนนำ โดยใช้พื้นที่ภายในสวนลุมพินีเท่านั้น เชื่อว่าจะสามารถดูแลความปลอดภัยได้ โดยทหารและตำรวจจะมีการดูแลลาดตระเวนตั้งจุดตรวจร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดตนได้รายงานสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองไปยังเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับทราบตามปกติ เพื่อให้รายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว โดยยังไม่ได้มีการเรียกประชุมเรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงแต่อย่างใด
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด น.ส.สิริมา สุนาวิน คณะทำงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงผลการประชุม ศอ.รส.ว่า ศอ.รส.มีความกังวลอย่างมากต่อการที่กลุ่ม กปปส. และกลุ่ม นปช. จะมีการชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ โดย ศอ.รส ขอร้องให้ทั้งสองฝ่ายงดเว้นการนำมวลชนมาเผชิญหน้ากัน ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งเลวร้ายลงไปอีก โดยขอยืนยันว่า ศอ.รส. ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะปฏิบัติหน้าที่โดยการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มอย่างเท่าเทียม เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศอ.รส. กล่าวว่า วันที่ 5 เม.ย. ศอ.รส. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อาจจะมีการตั้งวอร์รูม ติดตามเหตุการณ์เฉพาะ และยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลกลุ่ม นปช. เหมือนกับการดูแลการชุมนุมของ กปปส. รวมทั้งต้องเฝ้าระวังเหตุการณ์ต่างๆ เพราะเป็นห่วงมือที่ 3 ที่พยายามก่อเหตุ และขอเรียกร้องให้แกนนำทั้ง 2 ฝ่ายช่วยกำชับไม่ให้การ์ดหรือผู้ชุมนุมพกพาอาวุธ
ร.ต.อ.เฉลิม อยูบำรุง รมว.แรงงาน และผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า เป็นการเข้าใจผิดที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าตนทำผิด พ.ร.บ.มั่นคง เนื่องจากสนับสนุนให้กลุ่ม นปช. ชุมนุมในวันที่ 5 เม.ย. เพราะเป็นการชุมนุมนอกพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตนจึงมีสิทธิ์แสดงความเห็น อีกทั้งนายสุเทพ ประกาศว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. มีมากกว่า กปปส. จะเลิกชุมนุม ตนอยากให้เลิก จึงเชียร์ให้ นปช. ชุมนุมเยอะๆ และชวนพรรคพวกให้ไป แต่หาก นปช. เข้ามาในเขตพ.ร.บ.ความมั่นคง ตนแสดงความเห็นไม่ได้ มีหน้าที่ดูแลความสงบ ไม่ให้มีการประจันหน้ากัน
นายจตุพร พรมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวผ่าน "เอเชียอัพเดท" ถึงการชุมนุมของนปช. ในวันเสาร์ที่ 5 เม.ย. นัดคน 5 แสนคนว่า วันที่ 5 เม.ย.เป็นจุดเริ่มต้นของแต่ละฝ่ายเท่านั้น จำนวน 5 แสนคน เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ และการชุมนุมครั้งหน้าของคนเสื้อแดงประกาศว่าจะมาอีก 1 เท่า โดยการไปชุมนุมที่ถนนอักษะเพื่อต้องการหลีกเลี่ยงไม่ประสงเผชิญหน้า จะไม่ไปยุ่งกับ กปปส. และกปปส.ก็อย่ามายุ่งกับนปช. เรานัดไปชุมนุมที่ถนนที่สวยที่สุด ภาพที่ออกมาก็จะสวยที่สุด เราหันหน้าเข้าพระ ส่วนสุเทพหันหน้าเข้าหาโจร
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมของ ผบ.เหล่าทัพ ว่า ขอเรียกร้องฝ่ายความมั่นคงว่าจนถึงวันที่ 7 เม.ย. จะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะฝ่ายข่าวได้ประมวลข้อมูลแล้ว ยืนยันว่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอีก จึงขอให้ฝ่ายความมั่นคง นำทุกเหตุการณ์มาประเมินสถานการณ์ สรุปด้วยความกล้าหาญ เพื่อเจรจากับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ให้หาทางออกตามรัฐธรรมนูญไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายมากกว่านี้ จนกลายเป็นมิคสัญญีในเดือนเม.ย.
ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองว่า ตนคิดว่ามันมีกลุ่มอยู่ 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มของพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กลุ่มนายสุเทพ กับพรรคประชาธิปัตย์นี่คือกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มทหารที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะยืนข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการบอกนายสุเทพให้นายสุเทพช้ำใจว่านายรัฐมนตรีคนกลางเลิกเพ้อฝันได้แล้ว และทหารจำเป็นต้องยอมรับอำนาจรัฐ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ยอมบอกว่าอำนาจรัฐนั้น ถ้ามันใช้อำนาจรัฐในการรังแกประชาชน ในการโกงชาติโกงบ้านโกงเมือง พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังยอมรับอยู่เหมือนเดิม แล้ว พล.อ.ประยุทธ์บอกให้ไปเลือกตั้งดีกว่า เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ส่งสัญญาณให้นายสุเทพชัดเจนแล้วว่าให้ไปเลือกตั้ง ก็ขึ้นอยู่กับนายสุเทพจะดำเนินการยังไงต่อ จะเดินหน้ายังไง
นายสนธิกล่าวว่า มันก็มีตัวแทรกคือคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งประกาศรับวินิจฉัย กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และครม. เปลี่ยนตัวนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งวินิจฉัยถ้าผิดจริง ครม.ทั้งชุดก็ต้องออกหมด แต่ ครม.ชุดนี้ก็จะไม่ยอมออกอีก เพราะเขาบอกเขารักษาการ เพราะฉะนั้นปัญหาการเมืองไทยในขณะนี้ คือ วิกฤติหลักนิติรัฐ ซึ่งไม่มีใครยอมใคร กฏหมายนี้มันแปลได้ทั้งซ้าย ทั้งขวา
"คนที่ต้องมาจบก็คือทหาร พล.อ.ประยุทธ์ก็บอกไม่ยอมจบ ไปเลือกตั้งดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งพูดทีไรน้ำเสียงและหน้าตาเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณไปทุกวัน ไม่รู้เป็นอะไร เพราะฉะนั้นบ้านเมืองก็มาถึงทางตัน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้มีการเลือกตั้ง เพราะเครือข่ายของการเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณวางไว้เรียบร้อยหมดแล้ว บ้านเมืองก็จะมีแต่ทางตัน เศรษฐกิจก็ฉิบหายไปทุกวันๆ นักการเมืองไม่เดือดร้อน เพราะนักการเมืองโกงชาติมีเงินอยู่ในกระเป๋าเยอะแยะไปหมด พ.ต.ท.ทักษิณก็ใช้เงินใช้ทองกับข้าราชการประจำ กระบวนการยุติธรรม ทหารบางคน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เงินจากประเทศไทยไปอย่างมากมายมหาศาลจากภาษีพวกเราทั้งนั้น"
เมื่อถามถึงวิกฤตการณ์เมืองในสถานการณ์ปัจจุบัน นายสนธิกล่าวว่า วิกฤตแบบนี้ฆ่ากัน ยิงกันทุกวัน มันต้องประกาศกฎอัยการศึก เมื่อวานนี้คนของ คปท.ก็เสียชีวิต แบบถูกยิงเหมือนกับยิงเผาขน ชาติมันจะอยู่อย่างนี้ได้ยังไง แล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะมัวเต้นชะชะช่าเดินหน้า 3 ถอยหลัง 3 พอมีเหตุการณ์ที่ตึงเครียดก็ออกมาโวยวายทีหนึ่ง บอกเดี๋ยวจะประกาศกฎอัยการศึก พอสักพักคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณรู้เรื่องก็ถอยหลังอีก 3 ก้าว ก็คืออยู่กับที่ รอให้เกษียณอายุก็จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เอาเงินเอาทองไปใช้มีความสุข
ส่วนเรื่องการปฏิรูปของ กปปส.นั้น นายสนธิกล่าวว่า ตนไม่ขอออกความเห็น แต่จะบอกว่าการปฏิรูปนั้นไม่ใช่แค่เอานักวิชาการมานั่งคุยกัน ร้อยพ่อพันแม่ ร้อยสำนัก มีความฝัน มีอุดมการณ์ที่ไม่เหมือนกัน การปฏิรูปมันต้องเริ่มจากคนไม่กี่คนแล้วเสนอหลักการ แล้วใช้หลักการขยายออกไป ดัดแปลงแก้ไข ไม่ใช่เอะอะก็เอาคนมาร่วมชุมนุมกัน
เมื่อถามถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 5 เม.ย.นี้ นายสนธิกล่าวว่า ตนไม่ห่วง แต่ก็พยายามให้มันสงบแล้วกัน ตนคิดว่าคนที่ก่อเรื่องมาโดยตลอดคือฝ่ายพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ใช้ความรุนแรงมาตลอด กปปส., คปท.ไม่เคยใช้ความรุนแรง เพียงแต่ช่วงหลังอาจจะมีความจำเป็นที่ต้องป้องกันตัว คนที่ใช้ความรุนแรงที่ตั้งกองกำลัง ฝ่ายเสื้อแดง ฝ่ายเพื่อไทยทั้งนั้น
เมื่อถามถึงทางออกของสถานการณ์ นายสนธิกล่าวว่า "คุณไปถามคุณประยุทธ์สิ"