ผบ.ทบ.เผยวงหารือผู้นำเหล่าทัพ ไม่ใช่กฎหมายพิเศษ ใช้กลไก กอ.รมน.และ ศอ.รส.ตามปกติ ร้องทุกฝ่ายอย่าใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะชุมนุมใหญ่ 5 เม.ย.โยนข้อเรียกร้องเป็นเรื่องการเมือง ลั่นไม่ต้องการเป็นพระเอกคนเดียว บ่นสงกรานต์คนอยากมีความสุข แต่อีกพวกจะตีกันให้ได้ แย้มจะจับผู้ร้ายพูดทุกวันไม่ได้เดี๋ยวหนีหมด
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการหารบก, พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ร่วมหารือถึงสถานการณ์บ้านเมือง พร้อมประเมินติดตามสถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม นปช.และการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ เพื่อหาแนวทางการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย หากมีการใช้ความรุนแรง พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูล และพูดคุยถึงแนวทางในประกาศใช้กฎอัยการศึก โดยใช้เวลาในการพูดคุยกว่า 2 ชั่วโมง โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมายังกองทัพไทยในภายหลังในเวลา 12.00 น.เพื่อมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ ผบ.เหล่าทัพ โดยใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนแยกย้ายกันเดินทางกลับ
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพว่า เป็นการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ ซึ่งที่ประชุมเน้นหนักเรื่องความปลอดภัยของกำลังพล และมีการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า หากมีความรุนแรงจะช่วยกันดูแลอย่างไร ซึ่งได้พูดคุยกับ ผบ.ตร.ที่มาร่วมประชุมด้วยว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นจะช่วยดูแลกันอย่างไร ทั้งนี้ ไม่อยากให้มองว่าเป็นมติที่ประชุม เพียงแต่มีการหารือในสิ่งที่ทำมาแล้ว โดยเราทำตามแผนการปฎิบัติงานทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย กองทัพไม่ได้ทำนอกเหนือกฎหมายหรืออำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ โดยใช้กลไกของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กฎหมายปกติ และศูนย์อำนนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ไม่ได้ใช้อำนาจของคนใดคนหนึ่งมาปฏิบัติงาน
“ถ้าทุกคนอยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า จะต้องไม่สนับสนุนความรุนแรง และหยุดผู้ใช้ความรุนแรง หรือคนที่พูดจาในลักษณะที่จะใช้ความรุนแรง หรือทำให้เกิดความแตกสามัคคี แต่ถ้าเป็นเรื่องความขัดแย้งเดิมที่มีอยู่ ในเรื่องของเหตุผลของมวลชนนั้นก็เป็นเรื่องเหตุผลและเงื่อนไขเดิม เป็นเรื่องฝ่ายการเมือง ฝ่ายบริหารที่ต้องไปหาทางแก้ปัญหาให้ได้ แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พลเรือน ทหาร โดยเฉพาะ ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตร.มีมติร่วมกันว่า จะร่วมมือกันการทำให้ประชาชนทุกฝ่ายเกิดความปลอดภัย ขอร้องอย่าใช้ความรุนแรงต่อสู้เพราะเราคือคนไทย ทั้งหมดต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หากไม่เคารพกฎหมายจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่บางครั้งกฎหมายอย่างเดียวก็ใช้ไม่ได้ เพราะเป็นเงื่อนไขทางการเมืองและการบริหาร โดยเรื่องนี้ต้องไปพิจารณากัน โดยมีทั้งองค์กรอิสระ ศาลพิเศษ อยากให้แก้ไขไปตามขั้นตอน อย่าไปคาดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือทหารจะทำอะไร อย่าคิดไปถึงตรงนั้น หากคิดให้เบาก็จะเบาลง ส่วนการชุมของกลุ่ม กปปส.และ นปช.ในวันที่ 5 เม.ย.นั้น อย่าใช้ความรุนแรง ชุมนุมโดยสงบ อย่ามุ่งเอาแพ้ชนะด้วยความรุนแรง ไปว่ากันด้วยกระบวนการยุติธรรม อย่าถามเรื่องนอกหน้าที่ผม เพราะเกี่ยวข้องกับคนอื่น เพราะจะเสียหายแล้วผมจะเป็นพระเอกคนเดียว ผมไม่ต้องการ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า กองทัพได้เตรียมแผนเผชิญเหตุเพื่อรองรับสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานทุกอย่างต้องมีแผนสำรองอยู่แล้ว เมื่อถามว่าได้เตรียมกฎหมายพิเศษไว้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้เตรียมอะไรทั้งสิ้น และหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น และขออย่าให้มี ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง เรามีแผนงานอยู่แล้ว ขอให้ทุกคนใจเย็น อากาศก็ร้อน ช่วง เม.ย.เตรียมไปเล่นสงกรานต์ดีกว่า คนอยากมีความสุขกัน แต่อีกพวกจะตีกันให้ได้ คิดว่าเรื่องพวกนี้ต้องใจเย็นกัน สงกรานต์อยากให้มีความสุข ทรมานกันมาหลายปีแล้ว ดังนั้นต้องรีบแก้ไขกันให้ได้ อย่าคิดว่าใครจะแพ้หรือชนะ ประเทศไทยต้องไปด้วยกันให้ได้ จะด้วยวิธีไหนยังไม่รู้ ทุกคนต้องช่วยกัน
เมื่อถามว่า ทาง ผบ.ตร.ติดขัดประเด็นใดบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ติดขัดอะไร ส่วนเรื่องการจับกุมคนก่อเหตุ ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ มีข้อมูลมากพอสมควร แต่ละคดีกำลังติดตามจับกุมอยู่ ใกล้จะมีผลดำเนินคดีเร็วๆ นี้ ผบ.ตร. ว่าอย่างนั้น ทั้งนี้ได้มีการหารือในส่วนของ ศอ.รส.ทุกวันอยู่แล้ว โดยมีการติดตามสอบถามและคดีก็มีความก้าวหน้า แต่บางอย่างพูดทุกวันไม่ได้ จะจับผู้ร้ายพูดทุกวันไม่ได้ เดี๋ยวผู้ร้ายก็หนีหมด ทั้งนี้ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ส่วนเหตุระเบิดที่มีนบุรีนั้น ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจากการติดตามจากกล้องวงจรปิดพอจะทราบว่าเป็นใคร ขณะนี้รอการจับกุมอยู่