xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ยันถก ผบ.เหล่าทัพไร้เรื่องการเมือง ให้ทหารเลิกรับใช้รัฐบาล เปรียบลูกจ้างไล่เจ้าของออกไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผบ.ทบ.ยัน ผบ.สส.นัดประชุม ผบ.เหล่าทัพ เป็นเรื่องปกติที่มีประจำทุกเดือน ไม่เกี่ยวสถานการณ์การเมือง ส่วนเหตุการณ์บ้านเมืองคุยกันทุกวันอยู่แล้ว ย้อนถามคนที่เรียกร้องไม่ให้รับอำนาจรัฐบาลรักษาการ “ยิ่งลักษณ์” ถ้าไม่เห็นด้วยกับผู้บริหาร เจ้าของบริษัท กล้าไล่เขาออกหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำหน้าที่ต่อไป ย้ำชุมนุม 5 เม.ย.อย่าทำผิดกฎหมาย พร้อมแนะช่วยกันให้ “ปู-เทือก” คุยหาทางออก ปัญหาขัดแย้งคนไทยต้องแก้กันเอง อย่าให้ต่างชาติมาจุ้น ส่วนนายกฯ คนกลางไม่มีใครหวังให้มี พ้อทหารถูกทั้งสองฝ่ายด่า

วันนี้ (2 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) นัด ผบ.เหล่าทัพ หารือถึงสถานการณ์การเมืองที่กองบัญชาการกองทัพไทยในวันนี้ (2 เม.ย.) ว่า เป็นการประชุมร่วมกันตามปกติ ซึ่งทุกเดือนจะมีการพูดคุยกันในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องสายงานต่างๆ ที่มีข้อขัดข้อง หรือปัญหาในเอกสารธุรการ และเรื่องยุทธการ โดยส่วนใหญ่จะพูดคุยว่าแต่ละหน่วยมีปัญหาอะไรหรือไม่ เพื่อให้ทุกกองทัพได้รับทราบสถานการณ์ และจะได้มีฐานข้อมูลเดียวกันในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้มีเรื่องอะไรอย่างที่คนคาดหวัง

ส่วนในเรื่องสถานการณ์การเมืองนั้น เขาพูดกันทุกครั้งทุกวัน ไม่ใช่หนึ่งเดือนเจอกันทีแล้วค่อยเล่า เพราะเรามีหน่วยข่าวประชุมร่วมกันทุกวัน ทุกสถานการณ์ แต่ละพื้นที่ แต่ละหน่วยมีอะไร เขารู้กันหมด

ส่วนที่มีการเรียกร้องให้กองทัพอย่ายอมรับอำนาจของรัฐบาลรักษาการนั้น พล.อ.ประยุทธ์นิ่งคิดพักใหญ่ก่อนกล่าวว่า มันไม่ใช่ในระบบ ถามคำถามที่ตอบยาก ตอบไม่ได้ เพราะถ้าตอบก็จะไปอยู่อีกข้างหนึ่ง สมมติว่าท่านทำงานในบริษัทหนึ่งและท่านประท้วงเจ้าของบริษัท ถามว่าทำได้หรือไม่ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับผู้บริหารของคุณ คุณกล้าไล่เขาออกหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำหน้าที่ของคุณ เมื่อเขาให้ตนทำหน้าที่อะไรก็ทำตามหน้าที่ จะไม่วิพากษ์วิจารณ์ให้เกินเลย เพราะจำเป็นต้องรักษาสถานภาพของตน เพื่อทำงานทุกงานให้ได้ ส่วนจะผิดหรือถูก จะรับหรือไม่รับก็ต้องไปว่ากันมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองสถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 5 เม.ย.นี้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มองทุกวัน ไม่ว่าจะวันที่ 5 นี้ หรือ 5 โน้น ขอร้องว่าอย่าทำผิดกฎหมาย อย่าใช้ความรุนแรง เคารพกฎหมายแล้วจะจบ เข้าสู่กระบวนการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง

ส่วนที่ท่านบอกว่าจะไปศึกษาการใช้กฎอัยการศึกนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อเป็นคนถามตนว่าจะประกาศใช้หรือไม่ ตนจึงบอกว่าขอไปดูก่อน แต่ความจริงตนเป็นทหารไม่ต้องศึกษามาก เพราะรู้กฎหมายทหารอยู่แล้ว ซึ่งตนคาดหวังมาตลอดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่ยังคงมีการบาดเจ็บสูญเสีย คงไม่มีใครคาดหวังให้มันแรง ไม่มีใครคาดหวังว่า อยากจะมีนายกฯคนกลาง ไม่อยากคิดอย่างนั้น ส่วนจะแก้อย่างไรก็ต้องแก้กันให้ได้ ตนพูดแรงก็ไม่ดี พูดค่อยก็ไม่ดี ขณะนี้คนที่มีปัญหาข้อขัดแย้ง คือ อีกฝ่ายรักษากฎหมาย อีกฝ่ายรักษาอธิปไตย แต่มีฝ่ายตรงกลางที่รำคาญ ซึ่งตนจะโดนคนเหล่านี้ด่าเยอะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า อดีตผู้บังคับบัญชาแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ท่านก็ห่วง แต่ท่านไม่รู้จะทำอย่างไร แต่บอกว่า ขณะนี้ทหารทำตัวดีแล้ว คือ เข้มแข็ง รักษาสถานการณ์ สิ่งที่ท่านพูดตรงกัน คือ ทั้งหมด คือคนไทยด้วยกัน ถ้าคนไทยไม่รู้จักการแก้ปัญหาด้วยตัวคนไทยเอง แล้วต้องไปหาคนอื่นมาแก้ ตนว่า อย่าเป็นเลยประเทศไทย ทุกคนต้องหันกลับมาเป็นคนไทยที่มีระเบียบ อย่าทำอะไรตามใจเป็นไทยแท้ ขอให้พอได้แล้ว

“วันนี้เราต้องเป็นคนไทยที่มีระเบียบวินัย และรักษากฎหมาย เสียสละประโยชน์ส่วนตัว เพื่อผลประโยชน์ชาติ และทำให้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปลอดภัย ต่อสู้กันไปมาไม่มีใครชนะ แล้วจะเดือดร้อนกันไปหมด ต้องหาทางออกให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยกฎหมายหรือวิธีการพิเศษ อย่าพูดจนคนนั้นคนนี้เสียหายไปหมด วันนี้ท่านไม่ต้องถอยก็ได้ เพราะไม่มีใครยอมถอย ให้หยุดอยู่ที่เดิมแล้วคุยกันหาทางออกให้ได้ ทุกวันนี้เห็นคนเจ็บตายรู้สึกไม่สบายใจ สงสารประชาชน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ทบ.จะอุ้ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.มาพูดคุยเพื่อหาทางออกกันเงียบๆ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวติดตลกว่า ตัวใหญ่ทั้งคู่อุ้มไม่ได้ เราต้องช่วยกันเพื่อให้เขาได้คุยกัน ส่วนจะมีการพูดคุยหรือไม่ ต้องไปถามท่าน เพราะเป็นเรื่องอนาคต อะไรก็เกิดขึ้นได้ ตอนนี้ขอให้ทหารทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ฝากดูแลทหารอย่าทำให้เขาหมดกำลังใจ น้อยใจหรือเสียใจ เพราะทหารคือ ลูกหลานของคนทุกพวก ทุกวันนี้ทหารที่เกณฑ์เข้ามาปีละ 8 หมื่นคน ก็เป็นคนของทั้ง 2-3 ฝ่าย แล้วทหารจะเป็นศัตรูกับใครได้

ส่วนเหตุการณ์ซุ่มยิงขบวนรถของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ระหว่างเดินทางกลับจากเวที กปปส.แจ้งวัฒนะ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หาได้หรือยังว่าใครยิง สื่อควรจะเขียนว่าให้ตำรวจเป็นผู้ติดตามจับกุม ส่วน คปท.หากเห็นคนร้ายควรไปให้ข้อมูล อย่าใช้กำลังตอบโต้ แต่ถ้าสื่อเขียนอีกแบบ ก็จะมีการแก้แค้นกันต่อไปเรื่อยๆ แล้วต่อไปทหารจะต้องออกมาเหมือนถามเพื่อเร่งให้เดินไปสู่จุดนั้น คนที่อยู่บนถนนทุกวันนี้เป็นคนไทยหรือเปล่า หากเป็นต่างชาติก็ต้องดูว่า เขาเข้ามาได้อย่างไร ถ้าถืออาวุธเข้ามาคงไม่ได้ แต่ถ้าลักลอบมารับจ้าง ขายของก็คงมีเยอะ

ส่วนที่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเชิญผู้นำเหล่าทัพ และหน่วยงานความมั่นคงมาร่วมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดวันจัดการเลือกตั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าเขาเชิญก็ไป เราก็จัดคนไป เพราะกองทัพมีคนมากมาย ถ้าเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกองทัพก็ต้องทำ ถ้าอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องของประชาชน และประเทศชาติ กองทัพบกทำอยู่แล้วทุกเรื่อง ไม่ปฏิเสธ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีวันสถาปนา พล.1 รอ.ครบครบ 107 ปี โดยมีพล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผบ.พล.1 รอ.ให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวให้โอวาทแก่กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติราชการสนามตอนหนึ่งว่า กองทัพบกได้ดูแลกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติราชการสนาม รวมถึงครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิตทั้งในระเบียบของกองทัพและเงินประกันชีวิต นอกจากนี้ยังมีการจัดหากองทุนต่างๆ รวมถึงเงินพระราชทาน สิ่งต่างๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของผู้บังคับบัญชาที่มีต่อผู้ใต้บังคับบัญชาที่เปรียบเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน

วันนี้นอกจากเงินที่ดูแลแล้วยังมีการบรรจุบุคคลครอบครัวเข้ารับราชการเพื่อทำหน้าที่ ส่วนใครที่ยังสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องปลดก็ทำงานต่อในงานที่ไม่ต้องใช้ร่างกายที่สมบูรณ์ หรือส่งบุตรเข้ารับการศึกษาจนจบปริญญาตรี กองทัพพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน การทำหน้าที่ทหารนั้นตนไม่อยากให้เป็นเพียงการทำตามคำสั่งอย่างเดียว แต่ต้องทำด้วยจิตใจที่ยอมรับและเสียสละ ขอให้ทุกคนตั้งใจทำความดีต่อไป หากมีปัญหาที่ต้องการให้ผู้บังคับบัญชาช่วยดูแลก็ขอให้บอก

“วันนี้เป็นห่วงครอบครัวกำลังพลระดับล่างที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติราชการสนามที่มีความยากจน และบ้านมีความเสื่อมโทรมไม่ได้รับการซ่อมแซม ผมจึงได้จัดโครงการดูแลซ่อมแซมปรับปรุงบ้านของครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิตเพิ่มมาอีก 1 โครงการ โดยสามารถดำเนินการในปีนี้ได้จำนวน 60 หลังคาเรือน อาจจะไม่มากมาย แต่กำลังจะหาทางสร้างพันธมิตรต่างๆ มาช่วยกันดูแล อย่างน้อยก็ทำแทนบุตรหรือสามีของเขาที่เสียชีวิตไป พร้อมจะขยายความช่วยเหลือกำลังพลและครอบครัวให้ทั่วถึง เพราะเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะชมหรือใครจะว่า ขอให้ยืนในจุดที่เหมาะสม คือทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และราชบังลังก์ ด้วยชีวิต”





















กำลังโหลดความคิดเห็น