“สุรพงษ์” เชื่อแก๊งแดงก่อม็อบ 5 เม.ย.เยอะแน่ ซัด กปปส.-คปท.ป้ายสีฝ่ายตรงข้ามซุ่มยิงขบวน คปท.จนการ์ด คปท.เสียชีวิต สั่งเจ้าหน้าที่ดูแลม็อบแดงเต็มที่ พร้อมตั้งวอร์รูมเกาะติดสถานการณ์ ห่วงมือที่ 3 ก่อเหตุ อ้างไม่แจ้งเส้นทางเคลื่อนขบวนล่วงหน้าดูแลความปลอดภัยลำบาก จี้ ผบ.เหล่าทัพเป็นกลาง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศอ.รส. กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 5 เม.ย.ว่า จากการติดตามแกนนำทั้งสองฝ่ายพูดในสื่อ เชื่อว่าทาง นปช.จะมีคนมาร่วมเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน จากการดูนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กับกลุ่ม คปท.ดำเนินการเป็นสิ่งที่ตนเป็นห่วงมาก เนื่องจากหลังเกิดเหตุยิงกลุ่มผู้ชุมนุม คปท.เมื่อวันที่ 1 เม.ย. มีความพยายามป้ายสีความผิดให้ฝั่งตรงข้าม ซึ่งจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ศอ.รส.เพื่อกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยให้ดีที่สุด และให้มีการเตรียมความพร้อมต่างๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม วันที่ 5 เม.ย.ทาง ศอ.รส.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อาจจะมีการตั้งวอร์รูมติดตามเหตุการณ์เฉพาะ โดยจะใช้ บช.ปส.เป็นวอร์รูม
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ทาง ศอ.รส.จะกำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลกลุ่ม นปช.เหมือนกับการดูแลการชุมนุมของ กปปส.เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่สำคัญที่สุดเราต้องเฝ้าระวังเหตุการณ์ต่างๆ เพราะตนเป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 ที่พยายามจะก่อเหตุ เพราะนอกจากจะมีสองฝ่ายแล้วยังมีผู้ไม่หวังดีต้องการเห็นเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น จะผสมโรงเข้าไป เราจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างรัดกุม เบื้องต้นกำลังเจ้าหน้าที่ที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยในวันที่ 5 เม.ย. มีเพียงพอ และสามารถเรียกกำลังเสริมได้ตลอด
นายสุรพงษ์กล่าวว่า กรณีนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำ คปท.ประกาศบนเวทีว่าไม่เชื่อมั่นตำรวจ และจะพกพาอาวุธนั้น การพูดลักษณะนี้ไม่ได้สร้างสรรค์เลย เพราะคนไทยไม่สามารถพกพาอาวุธได้ การดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ซึ่งถือเป็นความลำบากของ ศอ.รส. ที่กำกับดูแลหากผู้ชุมนุมจะพกพาอาวุธ ตนอยากเรียกร้องแกนนำทั้งสองฝ่ายให้ช่วยกำชับไม่ให้การ์ดหรือผู้ชุมนุมพกพาอาวุธ นอกจากนี้ การไม่แจ้งเส้นทางการเคลื่อนขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุมทำให้มีการดูแลที่ลำบาก เวลาเกิดเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่
ประธานที่ปรึกษา ศอ.รส.กล่าวว่า สำหรับการประชุมประเมินสถานการณ์ของ ผบ.เหล่าทัพในวันนี้ (2 เม.ย.) เป็นสิ่งที่ดีที่ทหารจะประชุมเพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยภายใต้รัฐธรรมนูญ ตนดีใจที่หลายฝ่ายเข้าใจสถานการณ์และแก้ปัญหาร่วมกัน แต่ขอเรียกร้องว่า จะทำอะไรให้ทำอย่างตรงไปตรงมา ทำจิตใจให้เป็นกลาง หวังว่าจะไม่เลือกฝ่าย ส่วนเรื่องการประกาศกฎอัยการศึกตนไม่ได้ยิน ผบ.ทบ.พูด และสิ่งเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น เพราะกองทัพได้เรียนรู้วิวัฒนาการเรื่องประชาธิปไตยมาโดยตลอดว่าเรื่องการปฏิวัติไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ
