โพลสวนดุสิต เรื่องคนกลาง เผย ปชช.ส่วนใหญ่มองเรื่องดี ถึงเวลาต้องมีคนกลาง ที่ทุกฝ่ายยอมรับ ประวัติดี ยกกลุ่มองค์กรอิสระจริงๆ เหมาะรับหน้าที่ เชื่อทำให้ขัดแย้งน้อยลง เพราะได้พูดคุยกัน หวั่นอุปสรรคคือว่าคนกลางไม่ได้ แนะคนกลางอดทน มีสติ เข้าใจเหตุการณ์
วันนี้ (9 มี.ค.) “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สอบถามความคิดเห็นประชาชนเรื่อง ประชาชนคิดอย่างไร? กับ กระแสข่าวหา “คนกลาง” ซึ่งจากกระแสข่าวที่มีการพูดคุยกันระหว่างนายกฯยิ่งลักษณ์ กับ ผบ.เหล่าทัพต่างๆ และมีการเรียกร้องให้หาคนกลางที่จะมาดำเนินการพูดคุยไกล่เกลี่ยให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่สนใจติดตามข่าวดังกล่าว โดยจากการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,404 คน ระหว่างวันที่ 6-8 มีนาคม 2557 สรุปผลได้ ดังนี้
เมื่อถามว่าจากกระแสข่าวที่มีการพูดคุยกันระหว่างนายกฯยิ่งลักษณ์ กับ ผบ.เหล่าทัพต่างๆ และมีการเรียกร้องให้หาคนกลางที่จะมาดำเนินการพูดคุยไกล่เกลี่ยให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น ประชาชนมีความคิดเห็นอย่างไร? อันดับ 1 มองว่าเป็นเรื่องที่ดี การหาคนกลางมาเจรจาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด สถานการณ์ต่างๆ คงจะดีขึ้น 49.81% อันดับ 2 มองว่าอยากให้คนกลางที่จะเข้ามาดำเนินการทำหน้าที่สำเร็จและทุกฝ่ายพอใจ/เต็มใจที่จะทำตาม 27.17% และอันดับ 3 มองว่ากลัวว่าจะหาคนกลางไม่ได้ หรือถ้ามีคนกลางจริงก็ไม่แน่ใจว่าจะเจรจาได้สำเร็จ 23.02%
ต่อคำถามว่าจากสถานการณ์บ้านเมือง ณ ขณะนี้ ประชาชนคิดว่าถึงเวลาหรือยัง? ที่ควรจะหาคนกลางเข้ามาดำเนินการ อันดับ 1 เห็นว่าถึงเวลาแล้ว 68.06% เพราะ ประเทศชาติและประชาชนได้รับผลกระทบมามากพอแล้ว เป็นเหตุการณ์ที่ยืดเยื้อมานาน ไม่อยากให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข ทุกคนช่วยกันพัฒนาประเทศ ฯลฯ อันดับ 2 เห็นว่าไม่แน่ใจ 24.72% เพราะควรประเมินสถานการณ์ให้ละเอียดรอบคอบ อาจเป็นเพียงกระแสในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ฯลฯ และอันดับ 3 เห็นว่ายังไม่ถึงเวลา 7.22% เพราะอยากให้ทั้ง 2 ฝ่าย เจรจากันเองมากกว่า การที่จะหาคนกลางเข้ามาทำหน้าที่นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และคงต้องใช้เวลาในการหาพอสมควร ฯลฯ
ส่วนคำถามว่า “บทบาท หน้าที่” ของผู้ที่จะมาเป็น “คนกลาง” ควรเป็นอย่างไร? อันดับ 1 ระบุว่าเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เป็นที่รู้จัก ประวัติดี มีคุณธรรม 44.81% อันดับ 2 ระบุว่าฉลาด มีไหวพริบ เข้าใจพูด พูดเป็น ไม่บิดเบือนข้อมูล 32.05% และอันดับ 3 ระบุว่าทำหน้าที่ให้เต็มที่ ทำเพื่อส่วนรวม ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ 23.14%
ด้านคำถามว่าใครหรือหน่วยงานใด? ที่ประชาชนเห็นว่าเหมาะสมที่จะเข้ามาเป็น “คนกลาง” ในครั้งนี้ อันดับ 1 คิดว่ากลุ่มองค์กรหรือหน่วยงานที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง 41.47% อันดับ 2 คิดว่ากองทัพ 27.13% อันดับ 3 คิดว่าศาลฎีกา 23.64% และอื่นๆ เช่น คณะองคมนตรี ตัวแทนภาคประชาชน หน่วยงานเอกชน องค์กรต่างประเทศ ฯลฯ 7.76%
ขณะที่คำถามว่าถ้ามี “คนกลาง” แล้ว ประชาชนคิดว่าการเมืองท่ามกลางความขัดแย้งที่มีอยู่ ณ วันนี้ จะเป็นอย่างไร? อันดับ 1 มองว่าขัดแย้งน้อยลง 49.17% เพราะได้พูดคุยและเข้าใจกันมากขึ้น รู้ถึงเหตุผล มุมมอง และความต้องการของแต่ละฝ่าย สถานการณ์ต่างๆ น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ฯลฯ อันดับ 2 มองว่าขัดแย้งเหมือนเดิม 41.39% เพราะ การเมืองไทยเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อและสั่งสมมานาน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน มีหลายเรื่องที่ทำให้ เกิดความขัดแย้ง ฯลฯ และอันดับ 3 คิดว่าขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น 9.44% เพราะ ยังไม่รู้ว่าคนกลางจะเจรจาได้สำเร็จหรือไม่ กลุ่มที่สนับสนุนของแต่ละฝ่ายอาจไม่เห็นด้วย กับการเจรจา ฯลฯ
และต่อคำถามที่ว่าประชาชนคิดว่าการที่จะตั้ง “คนกลาง” เพื่อทำให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้น น่าจะมี “ปัญหาอุปสรรค” อะไรบ้าง? อันดับ 1 เห็นว่าหาคนกลางที่เหมาะสมหรือมีคุณสมบัติตามที่ต้องการไม่ได้ หรือไม่มีใครอยากทำหน้าที่เป็นคนกลาง 39.27% อันดับ 2 เห็นว่าคนกลางที่หาได้อาจไม่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย เกิดการต่อต้าน คัดค้าน 35.59% และอันดับ 3 เห็นว่าการทำหน้าที่ของคนกลางอาจถูกแทรกแซง ข่มขู่ ได้รับความกดดันหรือสังคมคาดหวังมากเกินไป 25.14%
ทั้งนี้เมื่อถามว่า “ข้อเสนอแนะ” ต่อ “คนกลาง หรือ หน่วยงาน” ที่จะมาดำเนินการในครั้งนี้ อันดับ 1 ระบุว่าต้องอดทน มีสติ เข้าใจต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่จะต้องเผชิญทั้งในเรื่องของการข่มขู่ หรือความไม่ปลอดภัย 42.78% อันดับ 2 ระบุว่าทำหน้าที่อย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา แจ้งความคืบหน้าให้สังคมทราบเป็นระยะๆ 29.38% และอันดับ 3 ระบุว่าควรกำหนดกรอบกติกาในการเจรจาหรือประเด็นที่จะพูดคุยให้ชัดเจน พร้อมรับฟัง ความต้องการทั้ง 2 ฝ่าย 27.84%