xs
xsm
sm
md
lg

“ธาริต” งัดมุก กปปส.มีกองกำลังติดอาวุธ เตือนอย่าร่วมม็อบ-จ่อออกหมายจับ “เทือก” คดีสลายแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
“ธาริต” ปูดรายวัน วันนี้มามุกใหม่ อ้าง กปปส. มีกองกำลังติดอาวุธปะปน เตือนอย่าเข้าร่วมชุมนุมเด็ดขาด เตรียมออกหมายจับ “สุเทพ” คดีสลายแดง ฉวยโอกาสดิสเครดิตศาลแพ่ง เอาปี 53 มาแถลง จ่อประสานทหารขอตำรวจเข้าไปเก็บหลักในม็อบหากเกิดเหตุ



วันนี้ (26 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) แถลงผลการประชุม ศรส. ว่า ศรส.มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมกับ กปปส. เพราะตั้งแต่ศาลแพ่งมีคำพิพากษาห้าม ศรส.กระทำการ รวม 9 ข้อ อันเป็นอำนาจหน้าที่หลักตามกฎหมาย สถานการณ์ความรุนแรงก็มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับอย่างต่อเนื่อง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง ศรส.มีข้อมูลว่ามีกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงในลักษณะกองกำลังปะปนอยู่กับกลุ่ม กปปส. และจะลงมือใช้อาวุธเป็นระยะ จึงขอร้องพี่น้องประชาชนให้งดเว้นการเข้าร่วมการชุมนุมโดยเด็ดขาด ในส่วนของ ศรส.ได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจตราความเรียบร้อยทั่วกรุงเทพมหานครแล้ว

นายธาริตกล่าวว่า ศรส.ได้รับรายงานว่า ในคดีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 53 ซึ่งเป็นคดีพิเศษที่ทำการสอบสวนจนเสร็จสิ้น ต่อมาอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และได้นำตัวนายอภิสิทธิ์ ฟ้องคดีอาญาเป็นจำเลยต่อศาล ในฐานความผิดก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนานั้น เนื่องจากนายสุเทพได้ผัดผ่อนขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานอัยการหลายครั้งตลอดมา กระทั่งพนักงานอัยการสั่งไม่ให้เลื่อนคดีอีกต่อไป บัดนี้พนักงานอัยการได้มีหนังสือแจ้งมายังตนในฐานะอธิบดีดีเอสไอ ขอให้ดำเนินการให้ได้ตัวผู้ต้องหามาเพื่อฟ้องต่อศาลอาญาโดยเร็ว ซึ่งตนจะได้ยื่นขอหมายจับจากศาลอาญา เพื่อนำตัวนายสุเทพส่งพนักงานอัยการเพื่อฟ้องคดีดังกล่าวในต้นสัปดาห์หน้า

รายงานข่าวแจ้งว่า นายธาริตได้นำเอกสารคำสั่งศาลแพ่งเมื่อปี 53 สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มาแสดงเปรียบเทียบให้เห็นว่าคำสั่งศาลแพ่งปี 53 เห็นชอบให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่มีนายสุเทพ เป็น ผอ.ศอฉ. กระทำการใดๆ ในการขอคืนพื้นที่หรือสลายการชุมนุมเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความเหมาะสม ตามลำดับขั้นตอนตามหลักสากล ซึ่งแตกต่างจากคำสั่งศาลแพ่งที่กำหนดข้อห้าม 9 ข้อ มิให้ ศรส.กระทำ โดยนายธาริตกล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์แต่ให้ประชาชนได้เปรียบเทียบคำสั่งศาลแพ่งเอง ทั้งนี้ ศรส.จะนำคำสั่งศาลแพ่งปี 53 เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารที่นำยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งด้วย คาดว่าจะใช้เวลารวบรวมเอกสารหลักฐานอีก 1-2 วัน จึงจะยื่นอุทธรณ์ได้

อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ที่ประชุม ศรส.มีความเป็นห่วงกรณีที่เกิดเหตุแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าถึงพยาน หลักฐานได้โดยเร็ว ซึ่งในทางสอบสวนถือว่ามีความจำเป็น และเป็นหลักสากลที่ทั่วโลกปฏิบัติ แต่ กปปส.ไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าพื้นที่เกิดเหตุเลย จึงเกรงว่าความจริงที่ได้จะไม่เป็นความจริงตามข้อเท็จจริง ในการประชุมนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส. จึงแนะนำให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ไปพูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าพื้นที่เกิดเหตุได้เร็ว เนื่องจากทหารได้รับความไว้วางใจจาก กปปส.มากกว่า ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทหารเป็นฝ่ายกีดกัน แต่เป็น กปปส.


กำลังโหลดความคิดเห็น