ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป่าปากและครางฮือกันเป็นทิวแถวทีเดียวสำหรับรายชื่อ “นายกฯ คนกลาง” ทั้ง 8 ที่ “ไพร่เต้น” เปิดตัวและตกเป็นข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ รวมทั้งสื่ออื่นๆ ในทุกแขนง
งานนี้ ไพร่เต้นที่รับคำสั่งมาจากเจ้ามูลเมืองไม่น่าจะมีวัตถุประสงค์อื่นใด นอกเหนือจากการวางหมากทางยุทธวิธีเพื่อสกัดกั้น “นายกฯ มาตรา 7” ที่เมื่อจับยามสามตาและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองแล้ว โอกาสที่จะเกิดขึ้นมีความเป็นไปได้สูงยิ่ง เนื่องเพราะสุดท้าย เชื่อว่า นายกฯ นักใบ้หวยระดับโลกและคณะผู้รับใช้หนีไม่พ้นที่จะต้องตกเก้าอี้จากคดีความต่างๆ ที่งวดเข้ามาทุกที
ทั้งนี้ คดีที่ว่ากันว่าเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ คดีของ ถวิล เปลี่ยนสี
แน่นอน เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนั้น ประเทศก็จะติดหล่มและติดล็อก ซึ่งหมายความว่าจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ซึ่งในที่สุดก็จะนำมาซึ่งการเจรจาหา “คนกลาง” ที่ทั้งสองฝ่ายพอจะยอมรับได้มาขัดตาทัพ จากนั้นก็จะมีการต่อรองเพื่อให้ทั้งสองฝ่าย “วิน-วิน” ได้เปรียบบ้าง เสียเปรียบบ้าง
คำถามมีอยู่ว่า แล้วใครคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นนายกฯ คนกลาง
คำตอบคือ มีหลายคนที่คุณสมบัติเหมาะสม
แต่สุดท้ายจุดจบของเรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงจะมาหยุดอยู่ตรงที่ว่า แล้วใครคือ “ขั้วอำนาจ” ที่สามารถทำให้ทั้งฝ่ายกำนันและฝ่ายทักษิณยอมรับได้ ส่วนตัวนายกฯ จะเป็นใคร ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
และเชื่อขนมกินได้ว่า ขั้วอำนาจที่มีขีดความสามารถและศักยภาพที่จะทำเรื่องนี้ได้ย่อมหนีไม่พ้น “ทหาร” และทหารที่มีอำนาจสูงสุดในบ้านเมืองไทยเวลานี้ก็คือ “บูรพาพยัคฆ์” ซึ่งมี “พี่น้อง 3 ป.” คือ.ป.ป้อม ประวิตร ป.ป๊อก อนุพงษ์ และ ป.ประยุทธ์ เนื่องจากเป็นที่ไว้วางใจของทั้งสองฝ่าย
นี่ไม่ใช่สมมติฐาน
นี่ไม่ใช่ทฤษฎี
แต่นี่คือความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ ทว่า จะต้องอาศัยจังหวะ เวลาและสถานการณ์เพื่อนำไปสู่เส้นทางสายนั้น
เพราะถ้ากำนันผู้ซึ่งเป็นผู้นำมวลมหาประชาชน ณ เวลานี้ยังเลือกที่จะใช้ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีดังเช่นที่เห็นและเป็นอยู่ ก็มองไม่เห็นว่า มีทางเลือกอื่นใดที่จะนำไปสู่ความฝันสูงสุดคือการปฏิวัติประชาชนเพื่อโค่นระบอบทักษิณ
ไปที่เรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจาก บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) จัดงานแถลงข่าว “ผนึกพลังพันธมิตร 2014 FIFA World Cup Brazil” ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมโฟร์ซีซั่น กรุงเทพฯ โดยมีสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เป็นประธาน พร้อมด้วยเหล่าผู้บริหารจากพันธมิตรทางธุรกิจ กรอบแก้ว ปันยารชุน ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์การตลาด บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด , สุรพล อุทินทุ กรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด , ฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ ชวลิต พันธ์ทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ให้การสนับสนุนการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 และศิลปินค่ายอาร์เอสมาร่วมงานอย่างคับคั่ง
ตามต่อด้วยบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ร่วมมือกับบริษัท โซนี่ไทย จำกัด ประกาศเปิดตัวโครงการ “นิสสัน เพลย์สเตชั่น จีที อคาเดมี” ในประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการที่นิสสันและเพลย์สเตชั่นได้สานต่อความร่วมมือระดับโลก เพื่อส่งเสริมให้คนไทยค้นหาศักยภาพที่แท้จริงของตน และคว้าโอกาสก้าวสู่การเป็นนักขับรถแข่งมืออาชีพบนเวทีโลกกับทีมนิสโม (NISMO) โดยจะคัดเลือกเซียนความเร็วที่ทำเวลาได้ดีที่สุดการเล่นเกมGran Turismo®6 (GT6TM) จากเวทีแข่งขันที่จัดขึ้นทั่วไทย 14 คน และจากการแข่งขันผ่านระบบออนไลน์ของเพลย์สเตชั่น PlayStation®Network (PSNSM) อีก 14 คน รวมทั้งหมด 28 คน เพื่อเข้าแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ (National Final) บนสนามจริงเป็นเวลา 2 วัน
และปิดท้ายกับนายจิระวัฒน์ มาลีรักษ์ กรรมการผู้จัดการ และ นางสาวปราณี ทวีเกิด ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด (ที่ 3 จากซ้าย) บริษัท เนเชอรัล โฮม จำกัด ที่ก้าวสู่ปีที่ 13โดยพาทีมงานมืออาชีพร่วมออกบูธให้คำปรึกษา และแนะนำการสร้างบ้านลูกค้า ในงาน Home Builder Focus 2014 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไฮไลท์ของงานนี้ คือ การขนแบบบ้านยอดนิยม Natural blossom series โดยเฉพาะแบบบ้านZircon ระดับราคา 4- 8 ล้านบาท ที่ตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย วัยกำลังสร้างครอบครัว ด้วยโปรโมชั่นจัดหนักรับทองมูลค่าสูงสุดกว่า 9 แสน ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างสูง สรุปยอดจองปลูกสร้างบ้านที่เซ็นสัญญาในงานและหลังงานเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 40ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...
ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com
คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน
ขุนทอง...เจ้าจะกลับเมื่อฟ้าสาง
ยุคโลกาภิวัฒน์ วัฒนธรรมไลค์แอนด์แชร์ น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ตรงกับสมัยนี้ได้มากที่สุด การท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้ดึงเวลาแทบจะทั้งหมด หลายหน้าต่างที่เปิดรับข่าวสารมันทำให้เราหลงลืมอะไรบางอย่างไป จนถึงขณะนี้ คนบนโลกแทบจะเรียกว่า “สายตาสั้น” ลงไปโดยปริยายแล้ว
สั้นลงในลักษณะที่ การมองโลกนั้นแคบลงอยู่เฉพาะแค่ความต้องการแบบฉาบฉวย จะให้มานึกย้อน ครุ่นคิดเรื่องราวอันละเอียด ซับซ้อน ว่าโลกของเรามีมุมไหน “น่าเห็นใจ” บ้าง ก็ดูจะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายเกินไปที่จะหวัง
คงหลงเหลืออยู่เพียงเส้นทางชีวิตของคนในสมัยก่อนที่ถูกถอดเรื่องราวไว้ให้เราควรศึกษาผ่านหนังสือเล่มนี้
ขุนทอง...เจ้าจะกลับเมื่อฟ้าสาง ผลงานรางวัลซีไรต์ปี 2524 ประพันธ์โดย อัศศิริ ธรรมโชติ เป็นงานเขียนที่สะท้อนถึงปัญหาด้านการเมือง ประวัติศาสตร์และสังคม ที่ผู้เขียนได้เล่าเรื่องผ่านมุมมองอันเฉียบแหลม และลึกซึ้ง กะเทาะแก่นชีวิตผู้คนเมือง-ชนบท ผ่านภาษา และกลวิธีการเล่าเรื่องอันละเมียดละไม
มันทำให้สายตาที่สั้นลงได้มองเห็นชีวิตแห่งการต่อสู้ทางด้านอุดมการณ์ทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความจริงใจ หรือแม้กระทั่งความบ้าบิ่นของคนในยุคก่อน รวมถึงปัญหาความยากจนที่แก้ไม่ตก..
จากวันนั้นถึงวันนี้ ทั้ง 13 เรื่องสั้นได้สะท้อนให้เห็นว่า ความคิดของคนหนุ่มสาวในสมัยนี้เปลี่ยนไปมาก
เปลี่ยนไปตรงที่ การคิดคำนึงที่จะทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริงหายไป มีแต่การแข่งขันเท่านั้นที่ดูรุนแรงขึ้นทุกขณะ
หากใครเบื่อหน่ายกับทุนนิยม ลองหยิบเรื่องนี้มาอ่านดู
เป็นโลกทัศน์อีกมุมหนึ่ง ที่แนะนำว่าน่าสนใจ