xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปกครองชี้ชะตา “อาร์เอส” 31 มี.ค.ลุ้นคนไทยจะได้ดูบอลโลกผ่านฟรีทีวีครบ 64 นัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เฮียฮ้อ วันแถลงข่าว( 18 มี.ค.57) ผนึกกำลังกับ 4 พันธมิตร 2014 FIFA World cup brasil” (แฟ้มภาพ)
31 มี.ค.ชี้ชะตา “อาร์เอส” คนไทยจะได้ดู “ฟุตบอลโลก 2014” ทั้ง 64 นัดผ่านฟรีทีวีหรือกล่อง ย้อนรอย “กฎมัสต์ แฮฟ” คืออะไร สิทธิหรือกฎหมาย จับตา กสทช.รับมืออาร์เอส ใครได้ใครเสีย

ในวันจันทร์ที่ 31 มี.ค.นี้ เวลา 14.00 น.จะเป็นวันชี้ชะตาสำหรับคนไทย ว่าจะได้ชมการแข่งขันฟุตบอลโลกผ่านฟรีทีวีทั้ง 64 นัดหรือไม่ โดยศาลปกครองกลาง ได้นัดอ่านคำพิพากษา ณ ห้องพิจารณาคดี 8 ชั้น 3 อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ

ประชาสัมพันธ์ศาลปกครองกลาง ได้แจ้งว่า ศาลปกครองกลางได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 726/2556 ระหว่าง บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) กับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่ 1 กับพวกรวม 12 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ฟ้องขอให้ยกเลิกประกาศ กสทช.เกี่ยวกับหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปและมิให้นำประกาศดังกล่าวมาใช้กับการเผยแพร่การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย)

คดีนี้บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด ฟ้องว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่ 1 กับพวกรวม 12 คน ได้มีประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2556 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการออกประกาศดังกล่าวเป็นการสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของ FIFA และผู้ฟ้องคดีในอันที่จะใช้สิทธิเผยแพร่การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายผ่านสถานีโทรทัศน์ในระบบโทรทัศน์ดาวเทียมซึ่งเป็นกิจการของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ผู้ฟ้องคดีได้ขอผ่อนผันการปฏิบัติดังกล่าวแล้ว แต่ได้รับการเพิกเฉย เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย

สรุปคำขอ : ขอให้ยกเลิกประกาศ และมิให้นำประกาศมาใช้บังคับในการเผยแพร่การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

คดีนี้บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลางเพื่อฟ้อง กสทช.ให้ยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 หรือกฎมัสต์ แฮฟ (Must Have) ที่ครอบคลุมให้ 7 รายการกีฬาต้องออกอากาศผ่านฟรีทีวีเท่านั้น โดยมีฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้ง 64 นัด เป็น 1 ในรายการที่อยู่ในข่าย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 57 พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการ กสทช.และประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยระบุว่า มีคำถามว่า ในกระบวนการออกกติกา Must Have กสท.และ กสทช.ได้คำนึงถึงเอกชนที่อาจจะได้รับความเสียหายจากกติกาฉบับนี้หรือไม่ ซึ่งในประกาศ Must Have ได้กำหนดไว้ว่า การดำเนินการใดๆ ที่นอกเหนือจากประกาศ ดำเนินการได้ โดยการขอรับการยกเว้นจาก กสท.

ทั้งนี้ เมื่อมีการประกาศออกไป มีผลบังคับใช้ RS ก็ได้ยื่นขอยกเว้นการปฏิบัติตามประกาศ สำหรับกรณีของการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2014 โดยมีเหตุผลประกอบในการร้องขอ คือ ข้อจำกัดจากสัญญาที่ทำกับฟีฟา ซึ่งสำนักงาน กสทช.ก็ได้ขอดูสัญญาดังกล่าวเพื่อนำเสนอต่อ กสท.แต่ RS ไม่นำส่งสำเนาสัญญาดังกล่าว จนกระทั่งในการขอเอกสารครั้งที่ 3 สำนักงาน กสทช.ก็เปลี่ยนเป็นขอให้ RS ช่วยสรุปประเด็นสำคัญให้ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจาก RS ทางสำนักงาน กสทช.จึงจำเป็นจะต้องเสนอต่อ กสท.เพื่อพิจารณาเท่าที่มีเอกสารและข้อเท็จจริงที่มีในขณะนั้น

กสท.พิจารณาแล้ว เห็นว่า RS อาจไม่ให้ความร่วมมือ เนื่องจากเป็นชั้นสำนักงาน ดังนั้น จึงมีมติให้ขอสำเนาสัญญาประกอบการพิจารณา ซึ่งเป็นการขอสำเนาสัญญาเป็นครั้งที่ 4 ในชั้นกรรมการ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ เมื่อสำนักงานรายงานกรณีดังกล่าว กสท.ก็ได้มีมติเพิ่มเติม โดยถ้า RS ไม่ส่งเอกสารสำเนาสัญญา กสท.ก็ขอให้ส่งรายละเอียดความเสียหายที่บริษัทคาดว่าจะได้รับจากการปฏิบัติตามประกาศเป็นการขอเอกสาร เหตุผลประกอบ เพื่อประกอบการพิจารณาให้ครบถ้วนของ กสท.เป็นครั้งที่ 5 และเป็นครั้งที่ 2 ในชั้นของ กสท.จนในที่สุด RS ก็ไม่ส่งเอกสาร แต่ขอถอนเรื่องดังกล่าว ไม่ต้องการให้ กสท.พิจารณายกเว้นให้ตามที่กำหนดไว้ตามประกาศ กสทช.

ขณะที่ทางบริษัทเลือกไปใช้สิทธิในการฟ้องร้องเพิกถอนประกาศ Must Have ต่อศาลปกครอง ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล ดังนั้น จะเห็นได้ว่า กสท.ออกกติกาโดยคำนึงถึงความเสียหายของเอกชนแล้ว แต่เอกชนไม่ต้องการให้ กสท.พิจารณายกเว้นให้ตามกติกา ต่อมาศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องขอทุเลาการบังคับตามประกาศของบริษัท RS ซึ่งมีตอนหนึ่งได้มีข้อวินิจฉัยว่า ประกาศไม่ได้ทำให้ RS ต้องปฏิบัติผิดไปจากสัญญา หรือข้อตกลง เพื่อให้ได้มาซึ่งลิขสิทธิ์กับฟีฟ่าในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายแต่อย่างใด

สอดคล้องกับข้อมูลที่ RS แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อ 18 มี.ค. 57 ว่าสามารถจะปฏิบัติตามประกาศได้หากศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง จึงคิดว่า กสท.ได้กำหนดประกาศกติกา Must Have เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยคำนึงถึงเอกชนที่อาจเสียหายด้วยแล้ว แต่การดำเนินการต้องมีเหตุผล หลักการที่ชัดเจนในการที่จะดำเนินการ มิเช่นนั้น กสท.ก็อาจเข้าข่ายใช้ดุลยพินิจเอื้อต่อเอกชนได้

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา ดร.นที ได้ย้ำถึงบทลงโทษต่อผู้ที่ละเมิดกฎว่าจะโดนปรับ 5 แสนบาท และรายวันอีกวันละ 1 แสนบาท ตลอดจนมีสิทธิ์โดนเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม

ทาง กสทช.ได้เตรียมรับมือคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดไว้เรียบร้อยแล้ว 3 กรณี คือ

1.หากศาลยกคำฟ้องของทางบริษัท อาร์เอสฯ ทาง กสทช.จะดำเนินการตามกฎที่มีต่อไปพร้อมเผยแพร่บทย่อของคำพิพากษาเพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างต่อประชาชน

2.หากศาลมีคำสั่งเพิกถอนกฎมัสต์ แฮฟ ทั้งหมดหรือบางส่วน ทาง กสทช.ก็จะยื่นอุทธรณ์ทันที พร้อมนำคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องมายื่นประกอบการพิจารณา

และ 3.หากศาลมีคำสั่งชะลอการพิจารณาพร้อมมีคำสั่งคุ้มครอง ทาง กสทช.ก็จะยื่นเรื่องให้ไต่สวนฉุกเฉินโดยทันที

กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ, เบลเยียม และ ออสเตรเลีย มาแล้ว ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแนวปฏิบัติสากลของสหภาพยุโรป (อียู) และทาง กสทช.เองก็ใช้ไกด์ไลน์นี้เป็นเกณฑ์การระบุรายการกีฬาที่จะต้องอยู่ในกฎมัสต์ แฮฟ ที่สำคัญก่อนหน้านี้ทาง กสทช.ได้เปิดช่องทางแก่ผู้ที่ขอยกเว้นไม่ทำตามกฎไว้แล้ว แต่ทางอาร์เอสเองไม่ได้ส่งเรื่องและเอกสารสัญญาเข้ามาและสุดท้ายเป็นผู้ถอนคำร้องออกไปเอง

“ทางคณะกรรมการฯยืนยันว่ากฎกติกาที่ออกมาทุกอย่างเป็นไปตามแนวปฏิบัติสากล และเราจะพยายามอย่างเต็มความสามารถให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งหลังจากนี้ตนก็ยังมั่นใจว่าจะมีผู้เข้ามาซื้อสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกแน่นอน ส่วนจะมีการเพิ่มรายการกีฬาอื่นๆ เข้ามาอีกหรือไม่นั้นก็สามารถเป็นไปได้ แต่ก็ต้องพิจารณาว่าเป็นกีฬาที่สำคัญจริงๆ ขณะที่ระยะเวลาการตัดสินของศาลตนไม่ขอก้าวล่วง” ดร.นที ทิ้งท้าย

ถามว่า มัสต์ แฮฟ (Must Have) คืออะไร มัสต์ แฮฟ หรือชื่อเต็มๆ ว่า หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์ที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 ที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ออกกฎมาปกป้องสิทธิให้ประชาชนคนไทยได้รับชมกีฬาผ่านฟรีทีวี โดยไม่เสียเงินแต่ในขณะนี้กำลังถกเถียงกันว่า การถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2014 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่าง มิ.ย.-ก.ค.นี้ ประชาชนจะได้รับชมรอบสุดท้าย จำนวน 64 นัด ตามมัสต์ แฮฟ หรือ รับชมได้เพียง 22 นัด ตามที่อาร์เอสซึ่งเป็นผู้ทำการตลาดประกาศไว้ ยังคงต้องรอลุ้นต่อไป

แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกประชาชนควรรู้อันดับแรกคือ มัสต์ แฮฟ เป็นกฎหมายที่ออกมาคุ้มครองสิทธิประชาชนให้รับชมกีฬา 7 ประเภทผ่านฟรีทีวี แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้แก่ 1.การแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกีฬาซีเกมส์ (South-East Asian Games, SEA Games) 2.การแข่งขันกีฬาสำหรับนักกีฬาคนพิการอาเซียนพาราเกมส์ (ASEAN Para Games) 3.การแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศในทวีปเอเชีย หรือเอเชี่ยนเกมส์ (Asian Games)

4.การแข่งขันกีฬาสำหรับนักกีฬาคนพิการเอเชี่ยนพาราเกมส์ (Asian Para Games) 5.การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (Olympic Games) 6.การแข่งขันกีฬาสำหรับคนพิการหลายประเภทจากทั่วโลก หรือกีฬาพาราลิมปิก (Paralympic Games) และ 7.การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final)

ดังนั้น มัสต์ แฮฟ จึงเป็นกฎที่สร้างโอกาสให้คนไทยได้รับชมกีฬาอย่างทั่วถึงในสังคม และกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อีกทางหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น