ASTVผู้จัดการายวัน-”ศาลล้มละลายนัดไต่สวนสหฟาร์ม เพื่อแต่งตั้งผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ หลังจากยื่นขอรับการฟื้นฟูกิจการเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ด้านแบงก์กรุงไทย เจ้าหนี้รายใหญ่ พร้อมรับแผนฟื้นฟูและสนับสนุนกิจการของสหฟาร์มเต็มที่ ยันธุรกิจของสหฟาร์มยังไปได้สวย ขาดแต่สภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจเท่านั้น
จากการที่บริษัท สหฟาร์ม ได้ยื่นศาลล้มละลาย เพื่อขอเข้าแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะนี้ศาลได้มีการนัดไต่สวนเพื่อขอแต่งตั้งผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ ตามกำหนดแล้ว หากมีการแต่งตั้งผู้ทำแผนฟื้นฟูฯแล้ว จะต้องทำแผนให้เสร็จภายในระยะเวลา 3 เดือน จากปัญหาที่ผ่านมาเจรจายื้อมาเป็นเวลานาน จนเกิดกรณีของการประท้วงพนักงานบริษัท รวมถึงบริษัทสหฟาร์ม ต้องที่จะจะขอใช้การเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ มากกว่าจะขอเข้ารับแผนฟื้นฟูกิจการ เพราะวิธีหลังเจ้าหนี้จะมีบทบาทและเข้าครอบงำกิจการ
นายปริญญา พัฒนภักดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานปรับโครงสร้างหนี้และบริหารทรัพย์สิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า ที่ผ่านมาธนาคารได้มีการเจรจากับสหฟาร์มอย่างต่อเนื่อง โดยปัญหาอยู่ที่การขาดสภาพคล่อง ที่ต้องการเม็ดเงินเข้าไปหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งภาพใหญ่ของบริษัทถือว่ายังคงมีแนวโน้มธุรกิจที่ดี สินค้ายังคงมีความต้องการของตลาด โดยเฉพาะต่างประเทศที่มีการส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของไทย ดังนั้นธนาคารในฐานะเจ้าหนี้จึงยินดีที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือกิจการของสหฟาร์
ที่ผ่านมาธนาคารได้มีการสนับสนุนเงินกู้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน วงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาทซึ่งเป็นการทยอยเบิกใช้ เพื่อให้สหฟาร์มสามารถดำเนินธุรกิจผลติสินค้า ส่งให้ทันกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันแนวโน้มของตลาดไข่ไก่และเนื้อไก่ มีโอกาสเติบโตสูง โดยฌแพาะยุโรปได้อนุญาตให้นำเข้าไก่สดจากประเทศไทยได้ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีให้กับผู้ส่างออกไก่ของไทย
ขณะนี้สหฟาร์ อยู่ในขั้นตอนของผแนฟื้นฟูกิจการ โดยได้มีการยื่นศาลขอรับการฟื้นฟูตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งล่าช้ากว่าที่ตกลงกันไว้ว่าจะยื่นในเดือนพฤศจิกายน 2556ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามขณะนี้ศาลได้นัดไต่สวนเพื่อขอให้มีการแต่งตั้งผู้ทำแผน โดยตามกำหนดจะต้องทำแผนให้เสร็จภายในระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำแผนเสร็จได้ก่อนกำหนดแน่นอน
สำหรับแผนฟื้นฟูดังกล่าวนั้น ธนาคารยังไม่สามารถบอกได้ ซึ่งจะต้องแต่งตั้งผู้ทำแผนและเจรจาระหว่างสหฟาร์มและเจ้าหนี้ทั้งหมด ซึ่งจะมีเจ้าหนี้รายอื่นๆนอกเหนือจากธนาคารด้วย จะมีการทำแผนในครั้งเดียวพร้อมๆกัน โดยคาดว่าธนาคารจะใช้เม็ดเงินในการสนับสนุนสหฟาร์มวงเงินประมาณ 1-2 พันล้านบาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นวงเงินที่น้อย มากไม่กระทบกับฐานะของธนาคาร นอกจากนี้ธนาคารได้มีการตั้งสำรองหนี้ไว้ครบ 100 % จึงไม่เป็นกังวลมานักเกี่ยวกับลูกหนี้รายนี้
“ความสามารถในการบริหารจัดการที่มีปัญหานั้น การที่สหฟาร์มประกอบธุรกิจชำแหละและส่งออกไก่มากว่า 40 ปี มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ 1 ล้านตัวต่อวัน มีซัพพลายเชน มีแบรนด์ โดยรวมถือว่าแข็งแกร่ง นอกจากนี้แนวโน้มธุรกิจส่งออกไก่ยังเป็นไปได้ดี จากการที่ยุโรปยอมให้นำเข้าเนื้อไก่สดจากประเทศไทยได้ ถือว่าเป็นผลดีต่อธุรกิจสหฟาร์ม”
จากการที่บริษัท สหฟาร์ม ได้ยื่นศาลล้มละลาย เพื่อขอเข้าแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะนี้ศาลได้มีการนัดไต่สวนเพื่อขอแต่งตั้งผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ ตามกำหนดแล้ว หากมีการแต่งตั้งผู้ทำแผนฟื้นฟูฯแล้ว จะต้องทำแผนให้เสร็จภายในระยะเวลา 3 เดือน จากปัญหาที่ผ่านมาเจรจายื้อมาเป็นเวลานาน จนเกิดกรณีของการประท้วงพนักงานบริษัท รวมถึงบริษัทสหฟาร์ม ต้องที่จะจะขอใช้การเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ มากกว่าจะขอเข้ารับแผนฟื้นฟูกิจการ เพราะวิธีหลังเจ้าหนี้จะมีบทบาทและเข้าครอบงำกิจการ
นายปริญญา พัฒนภักดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานปรับโครงสร้างหนี้และบริหารทรัพย์สิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า ที่ผ่านมาธนาคารได้มีการเจรจากับสหฟาร์มอย่างต่อเนื่อง โดยปัญหาอยู่ที่การขาดสภาพคล่อง ที่ต้องการเม็ดเงินเข้าไปหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งภาพใหญ่ของบริษัทถือว่ายังคงมีแนวโน้มธุรกิจที่ดี สินค้ายังคงมีความต้องการของตลาด โดยเฉพาะต่างประเทศที่มีการส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของไทย ดังนั้นธนาคารในฐานะเจ้าหนี้จึงยินดีที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือกิจการของสหฟาร์
ที่ผ่านมาธนาคารได้มีการสนับสนุนเงินกู้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน วงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาทซึ่งเป็นการทยอยเบิกใช้ เพื่อให้สหฟาร์มสามารถดำเนินธุรกิจผลติสินค้า ส่งให้ทันกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันแนวโน้มของตลาดไข่ไก่และเนื้อไก่ มีโอกาสเติบโตสูง โดยฌแพาะยุโรปได้อนุญาตให้นำเข้าไก่สดจากประเทศไทยได้ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีให้กับผู้ส่างออกไก่ของไทย
ขณะนี้สหฟาร์ อยู่ในขั้นตอนของผแนฟื้นฟูกิจการ โดยได้มีการยื่นศาลขอรับการฟื้นฟูตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งล่าช้ากว่าที่ตกลงกันไว้ว่าจะยื่นในเดือนพฤศจิกายน 2556ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามขณะนี้ศาลได้นัดไต่สวนเพื่อขอให้มีการแต่งตั้งผู้ทำแผน โดยตามกำหนดจะต้องทำแผนให้เสร็จภายในระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำแผนเสร็จได้ก่อนกำหนดแน่นอน
สำหรับแผนฟื้นฟูดังกล่าวนั้น ธนาคารยังไม่สามารถบอกได้ ซึ่งจะต้องแต่งตั้งผู้ทำแผนและเจรจาระหว่างสหฟาร์มและเจ้าหนี้ทั้งหมด ซึ่งจะมีเจ้าหนี้รายอื่นๆนอกเหนือจากธนาคารด้วย จะมีการทำแผนในครั้งเดียวพร้อมๆกัน โดยคาดว่าธนาคารจะใช้เม็ดเงินในการสนับสนุนสหฟาร์มวงเงินประมาณ 1-2 พันล้านบาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นวงเงินที่น้อย มากไม่กระทบกับฐานะของธนาคาร นอกจากนี้ธนาคารได้มีการตั้งสำรองหนี้ไว้ครบ 100 % จึงไม่เป็นกังวลมานักเกี่ยวกับลูกหนี้รายนี้
“ความสามารถในการบริหารจัดการที่มีปัญหานั้น การที่สหฟาร์มประกอบธุรกิจชำแหละและส่งออกไก่มากว่า 40 ปี มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ 1 ล้านตัวต่อวัน มีซัพพลายเชน มีแบรนด์ โดยรวมถือว่าแข็งแกร่ง นอกจากนี้แนวโน้มธุรกิจส่งออกไก่ยังเป็นไปได้ดี จากการที่ยุโรปยอมให้นำเข้าเนื้อไก่สดจากประเทศไทยได้ ถือว่าเป็นผลดีต่อธุรกิจสหฟาร์ม”
