รองปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานประชุมหาทางแก้ไขสหฟาร์มใช้หนี้เกษตรกรหลังถูกฟ้องล้มละลาย
วันนี้ (23 เม.ย.) ที่ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม 2 ชั้น 8 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (ศูนย์ราชการอาคาร A) เมื่อเวลา 10.30 น. นางสุวณา สุวรรณจูฑะ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในการประชุมแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรกับ บริษัท สหฟาร์ม กรุ๊ป และบริษัทในเครือสหฟาร์ม กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายเนื้อไก่ครบวงจร โดยมีตัวแทนเกษตรกรที่เป็นเจ้าหนี้จากจังหวัดต่างๆ ประมาณ 20 คน ตัวแทนจาก บริษัท สหฟาร์ม ตัวแทนจากธนาคารกรุงไทย และเจ้าหน้าที่จากบริษัท เอินส์ท แอนด์ ยัง (1 ใน 4 บริษัทตรวจสอบบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ธนาคารกรุงไทยให้มาวางแผนฟื้นฟูกิจการ) เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง
นางสุวณา กล่าวว่า บริษัท สหฟาร์มกรุ๊ป เจอพิษเศรษฐกิจจนขาดสภาพคล่อง ทำให้เป็นหนี้สถาบันการเงิน 8 สถาบัน จำนวน 20,788 ล้านบาท โดยมี บมจ.กรุงไทย เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด จำนวนกว่า 9 พันล้านบาท บมจ.กรุงไทย จึงแต่งตั้ง บริษัท เอินส์ท แอนด์ ยัง เข้ามาจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ สหฟาร์ม กรุ๊ป และได้ให้ สหฟาร์ม ยื่นคำร้องขอไปยังสำนักงานฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ ศาลล้มละลายกลาง ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยศาลยังไม่ได้รับคำร้องดังกล่าว ศาลนัดไต่สวนลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อพิจารณาว่าจะรับหรือไม่เข้าฟื้นฟูกิจการ ในวันที่ 26 พ.ค.นี้
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวต่อว่า ส่วนลูกหนี้รายย่อย ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่เนื้อ และเกษตรกรที่ปลูกพืชผักส่ง สหฟาร์มกรุ๊ป นั้น ทางกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้เข้ามาดูแลจัดการและประสานเกษตรกรรายย่อยที่เป็นเจ้าหนี้สหฟาร์ม โดยให้ นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมการระงับข้อพิพาท และนายมงคล วุฒิธนากุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชธานีวิทยาเขตอุดรธานี เข้ามาช่วยเหลือปัญหาดังกล่าว
ด้าน นายวาสนา ดิลก หนึ่งในตัวแทนผู้เลี้ยงไก่เนื้อส่งสหฟาร์ม เผยว่า บรรดาเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่และเกษตรกรรายอื่นๆ ที่ได้ทำธุรกิจส่งวัตถุดิบให้สหฟาร์มนั้น ไม่ได้รับเงินหรือชำระจากสหฟาร์มนานแล้ว ส่งผลให้ธุรกิจของเกษตรกรที่เป็นเครือข่ายสหฟาร์มเป็นหนี้เป็นสินจากสถาบันการเงิน และจากหนี้นอกระบบ เพราะไม่มีเงินมาหมุนเวียน บางรายจำเป็นต้องนำที่ดินหรือแม้กระทั่งเล้าไก่ขายไปก่อน เพื่อนำเงินไปจ่ายหนี้ธนาคารที่ไปกู้ยืมเงิน เพราะดอกเบี้ยแพง อยากเรียกร้องให้บริษัท สหฟาร์ม นำที่ดินที่ไม่ติดจำนวนบางส่วนไปขาย และนำเงินมาจ่ายให้เกษตรกรรายย่อย ก่อนไม่ได้หรือ เมื่อสหฟาร์มมีเงินและธุรกิจยืนต่อไปได้ค่อยซื้อที่ดินเหล่านั้นกลับคืนไปก็ได้
นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมการระงับข้อพิพาท กล่าวว่า ทางกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จะเข้ามาเป็นคนกลางประสานงานและให้ความรู้ด้านกฎหมายแก่เกษตร พร้อมช่วยเหลือให้เกษตรเครือข่ายสหฟาร์ม ซึ่งเป็นลูกหนี้รายย่อยนั้น ได้รับการชำระหนี้สินโดยเร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ต้องรอดูแผนการฟื้นฟูกิจการจาก บริษัท เอินส์ท แอนด์ ยัง และรอฟังศาลล้มละลายกลาง พิจารณาว่าจะรับหรือไม่เข้าฟื้นฟูกิจการหรือไม่
วันนี้ (23 เม.ย.) ที่ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม 2 ชั้น 8 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (ศูนย์ราชการอาคาร A) เมื่อเวลา 10.30 น. นางสุวณา สุวรรณจูฑะ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในการประชุมแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรกับ บริษัท สหฟาร์ม กรุ๊ป และบริษัทในเครือสหฟาร์ม กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายเนื้อไก่ครบวงจร โดยมีตัวแทนเกษตรกรที่เป็นเจ้าหนี้จากจังหวัดต่างๆ ประมาณ 20 คน ตัวแทนจาก บริษัท สหฟาร์ม ตัวแทนจากธนาคารกรุงไทย และเจ้าหน้าที่จากบริษัท เอินส์ท แอนด์ ยัง (1 ใน 4 บริษัทตรวจสอบบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ธนาคารกรุงไทยให้มาวางแผนฟื้นฟูกิจการ) เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง
นางสุวณา กล่าวว่า บริษัท สหฟาร์มกรุ๊ป เจอพิษเศรษฐกิจจนขาดสภาพคล่อง ทำให้เป็นหนี้สถาบันการเงิน 8 สถาบัน จำนวน 20,788 ล้านบาท โดยมี บมจ.กรุงไทย เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด จำนวนกว่า 9 พันล้านบาท บมจ.กรุงไทย จึงแต่งตั้ง บริษัท เอินส์ท แอนด์ ยัง เข้ามาจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ สหฟาร์ม กรุ๊ป และได้ให้ สหฟาร์ม ยื่นคำร้องขอไปยังสำนักงานฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ ศาลล้มละลายกลาง ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยศาลยังไม่ได้รับคำร้องดังกล่าว ศาลนัดไต่สวนลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อพิจารณาว่าจะรับหรือไม่เข้าฟื้นฟูกิจการ ในวันที่ 26 พ.ค.นี้
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวต่อว่า ส่วนลูกหนี้รายย่อย ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่เนื้อ และเกษตรกรที่ปลูกพืชผักส่ง สหฟาร์มกรุ๊ป นั้น ทางกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้เข้ามาดูแลจัดการและประสานเกษตรกรรายย่อยที่เป็นเจ้าหนี้สหฟาร์ม โดยให้ นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมการระงับข้อพิพาท และนายมงคล วุฒิธนากุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชธานีวิทยาเขตอุดรธานี เข้ามาช่วยเหลือปัญหาดังกล่าว
ด้าน นายวาสนา ดิลก หนึ่งในตัวแทนผู้เลี้ยงไก่เนื้อส่งสหฟาร์ม เผยว่า บรรดาเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่และเกษตรกรรายอื่นๆ ที่ได้ทำธุรกิจส่งวัตถุดิบให้สหฟาร์มนั้น ไม่ได้รับเงินหรือชำระจากสหฟาร์มนานแล้ว ส่งผลให้ธุรกิจของเกษตรกรที่เป็นเครือข่ายสหฟาร์มเป็นหนี้เป็นสินจากสถาบันการเงิน และจากหนี้นอกระบบ เพราะไม่มีเงินมาหมุนเวียน บางรายจำเป็นต้องนำที่ดินหรือแม้กระทั่งเล้าไก่ขายไปก่อน เพื่อนำเงินไปจ่ายหนี้ธนาคารที่ไปกู้ยืมเงิน เพราะดอกเบี้ยแพง อยากเรียกร้องให้บริษัท สหฟาร์ม นำที่ดินที่ไม่ติดจำนวนบางส่วนไปขาย และนำเงินมาจ่ายให้เกษตรกรรายย่อย ก่อนไม่ได้หรือ เมื่อสหฟาร์มมีเงินและธุรกิจยืนต่อไปได้ค่อยซื้อที่ดินเหล่านั้นกลับคืนไปก็ได้
นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมการระงับข้อพิพาท กล่าวว่า ทางกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จะเข้ามาเป็นคนกลางประสานงานและให้ความรู้ด้านกฎหมายแก่เกษตร พร้อมช่วยเหลือให้เกษตรเครือข่ายสหฟาร์ม ซึ่งเป็นลูกหนี้รายย่อยนั้น ได้รับการชำระหนี้สินโดยเร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ต้องรอดูแผนการฟื้นฟูกิจการจาก บริษัท เอินส์ท แอนด์ ยัง และรอฟังศาลล้มละลายกลาง พิจารณาว่าจะรับหรือไม่เข้าฟื้นฟูกิจการหรือไม่
