ASTVผู้จัดการรายวัน - "เอกนัฏ" ย้ำ 29 มี.ค. เดินขบวนแสดงพลังปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง รองผบ.ตร.ลงพื้นที่ตรวจเหตุคนร้ายยิงลูกระเบิด ล.ย. 40 เข้าใส่อาคาร ป.ช.ช. 3 ลูกซ้อนเมื่อคืนนี้ เชื่อมือปืนมีความเชียวชาญ ศาลไม่อนุมัติหมายจับ หัวหน้าการ์ดกปปส. แจ้งวัฒนะ ชี้หลักฐานไม่น่าเชื่อถือ แม่บุญธรรม “มือปืนป๊อปคอร์น” โวยหลังพบพิรุธหลายอย่าง ป่วนไม่เลิกยิงเอ็ม 79 ใส่บ้าน “เอกนัฎ”
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวว่า การรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมใหญ่ วันที่ 29 มี.ค.นี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี บรรดาแกนนำไม่กังวลว่าจะมีการปะทะกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แต่อย่างใด โดยต้องการให้ประเทศมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งเท่านั้น หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. เป็นโมฆะ
***เหลิมสั่งเร่งติดตามคนร้ายยิงเอ็ม79 เข้าปปช.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) กล่าวถึงกรณียิงเอ็ม79 เข้าใส่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ว่า มีเอ็ม79 จำนวน 3 ลูกยิงเข้าใส่ป.ป.ช.1 ลูก สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 ลูก แต่อีก 1 ลูก ยังค้นไม่พบ ตนสั่งการให้สืบสวนหาตัวคนร้ายให้ได้ วันนี้มันมีมือที่ 3 เพราะเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นรัฐบาลก็เดือดร้อน ศอ.รส.ก็นั่งไม่ติด ตนพยายามสั่งการว่าถ้ารู้ว่าใครทำผิดต้องดำเนินอย่างเด็ดขาด
****“ปู”สั่ง ศอ.รส.ดูแลบ้านบุคคลสำคัญ
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงเรียนนายร้อยสามพราน จ.นครปฐม ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้เร่งรัดดำเนินคดีผู้กระทำความผิดกฎหมายความมั่นคงกับทุกฝ่าย โดยให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลสถานที่ราชการที่กลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดบุกเข้าไปปิดล้อม หรือยึดสถานที่ราชการ รวมทั้งสถานที่ทำการขององค์กรอิสระ เนื่องจากขณะนี้พบว่าเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ที่พักอาศัยของบุคคลสำคัญ และบ้านพักของบุคลากรในองค์กรอิสระ นายกฯจึงกำชับว่า ศอ.รส.ควรจะต้องดูแลปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
***ทบ.ย้ำคงจุดตรวจบังเกอร์ทหาร
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า แม้จะลดจากการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาเป็นพ.ร.บ.มั่นคงเหมือนเดิม แต่เหตุความรุนแรงมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น และยังอาจจะต้องระมัดระวังเพิ่มเติมในเรื่องเหตุเผชิญหน้ากันของมวลชนแต่ละกลุ่ม จึงยังคงจำเป็นต้องใช้มาตรการนี้อยู่อาจจะต้องมีการปรับเสริมให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมทันกับสถานการณ์
***ตร.ชี้มือยิงปปช.มีความเชี่ยวชาญ
วานนี้ (25 มี.ค.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ถ.สนามบินน้ำ อ.เมือง จ.นนทบุรี ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนาย เข้าตรวจอาคารภายในสำนักงานป.ป.ช.เพิ่มเติม หลังมีเหตุคนร้ายลอบยิงระเบิดขนาด 40 มม.หรือ ล.ย. 40 จำนวน 3 ลูกกระจายเข้าไปตกที่ภายในสำนักงาน ป.ป.ช.ที่อาคาร2 ชั้น4 1ลูกและเข้าไปตกที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลชั้น 5 อาคาร4 1ลูก ส่วนเมื่อคืนอีกหนึ่งลูกยังหาไม่พบ
ล่าสุดในช่วงเช้า คณะนายตำรวจและหน่วยอีโอดี เข้าตรวจสอบภายในป.ป.ช.ในจุดที่ลูกระเบิดตกเพิ่มเติมพบอีกหนึ่งจุด ที่ชั้น 4 ของอาคาร 1 บนดาดฟ้าเป็นหลุมลึก 5 ซม. กว้าง 10ซม.
พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กก.(อีโอดี) กล่าวว่า วิถียิงน่าจะอยู่ในระยะ 300-500 เมตร พิกัดมาจากฝั่งด้านหน้าของถนนของสนามบินน้ำและผู้ที่ยิงมีความเชียวชาญอย่างมาก เพราะใช้เวลายิงไล่เลี่ยกันใน 5นาทีและพิกัดตรงเข้าโดนตัวตึกของอาคารที่หวังผลไว้อย่างแม่นยำ
**** เพิ่มความเข้มป้องกันเหตุรุนแรง
วานนี้ (25 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา กำชับทุกหน่วยงานให้เพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยบุคคลและสถานที่สำคัญ เพื่อป้องกันบุคคลและกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีก่อเหตุแทรกซ้อนหรือสร้างสถานการณ์รุนแรงนั้น ต่อมาวันที่ 22 มี.ค.เกิดเหตุเพลิงไหม้รถยนต์บริเวณซอยแจ้งวัฒนะ 13 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ ตรวจสอบพบถังแก๊สบรรจุระเบิดแสวงเครื่อง 3 ลูกอยู่ในรถยนต์ที่เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งแสดงถึงเหตุแทรกซ้อนและสถานการณ์ความรุนแรงว่ามีแนวโน้มกระจายไปหลายพื้นที่ เป็นที่น่าเชื่อว่าจะมีการลักลอบนำอาวุธ วัตถุระเบิด รวมทั้งส่วนประกอบระเบิดแสวงเครื่องเข้ามาจากต่างจังหวัด
ดังนั้น เพื่อให้การควบคุมอาวุธและลดความรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรัดกุมมากยิ่งขึ้น ผบ.ตร.จึงได้มีการกำชับการปฏิบัติการเพิ่มเติม โดยให้ ผบก.ภ.จว.วิเคราะห์เส้นทางที่เป็นจุดล่อแหลมในการลักลอบนำอาวุธ วัตถุระเบิด และส่วนประกอบระเบิดแสวงเครื่องเข้ามาในพื้นที่กรุเทพฯ และตั้งจุดตรวจสกัดเข้มแข็งเพื่อตรวจคัดกรองบุคคล ยานพาหนะ อาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด ส่วนประกอบระเบิดแสวงเครื่อง เช่น ถังแก๊ส ถังดับเพลิง ฯลฯ และสิ่งของผิดกฎหมายทุกชนิดอย่างน้อย ภ.จว.ละจำนวน 1 จุด
*** วืดหมายจับหน.การด์ กปปส.
วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.นพดล ดอนศรีจันทร์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ทุ่งสองห้อง ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอให้ศาลอนุมัติหมายจับ นายสุเมธ ตระกูลวุ้นหนู หรือ เม่น หัวหน้ากลุ่มนักรบองค์ดำ 1 ใน 22 ผู้ต้องสงสัย ที่ใช้อาวุธปืนในเหตุการณ์ปะทะกับ กลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานี ที่บริเวณหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา และเป็นบุคคลที่นายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือ มือปืนป๊อบคอร์น อ้างว่า เป็นผู้พาหลบหนี ไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร โดยได้นำพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นคำให้การซัดทอดจากนายวิวัฒน์ มายื่นต่อศาล
ซึ่งศาลพิเคราะห์คำร้องแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ยังไม่เพียงพอที่จะออกหมายจับได้ ให้ยกคำร้อง
*** แม่มือปืนป๊อบคอร์นโวย
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่เวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการร้องเรียนจากแม่บุญธรรมของ นายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือ ท็อป อายุ 24 ปี ที่ถูกอ้างว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์นจากเหตุปะทะที่แยกหลักสี่เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ในการเข้าช่วยเหลือในชั้นคดีความ
เนื่องจากมีความไม่ชอบมาพากลหลายประเด็น ซึ่งตอนนี้นายวิวัฒน์ได้ถูกแจ้งข้อหาและเป็นผู้ต้องหาในหลายคดี อาทิ ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรื่องห้ามนำอาวุธปืนออกนอกเคหะสถาน
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีประเด็นในข้อสงสัยต่างๆ อาทิ เรื่องค่าจ้างการ์ดอาสาเวทีแจ้งวัฒนะที่ได้รับเพียง 300 บาท จะทำให้ก่อเหตุลักษณะนี้ได้หรือไม่ รวมถึงประเภทอาวุธที่ใช้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่บุคคลธรรมจะดำเนินการได้ ด้วยเหตุนี้ ตนจึงได้มอบหมายให้ น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ คปท. ไปรวบรวมข้อเท็จจริงต่างๆ ก่อนส่งให้สภาทนายความ หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อไป
“ทางญาติผู้ต้องหาไม่มั่นใจในชั้นกระบวนการการสอบสวน เพราะในเหตุการณ์วันนั้นมีการปกปิดใบหน้า แต่ตำรวจยังสามารถจับกุมตัวมาได้ อีกทั้งการแถลงข่าวของฝ่ายรัฐบาลและตำรวจก็น่าสงสัย เพราะผู้ต้องหามีการเดินที่ไม่ปกติ พนักงานจับกุมมีข้อสงสัย และหลายอย่างขัดแย้งกัน อย่างไรก็ตาม ในคดีอื่นๆที่มีความชัดเจนในส่วนของผู้ต้องหา ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีเช่นเดียวกัน อย่าเลือกปฏิบัติ” นายนิติธร ระบุ
ด้าน น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ คปท. เปิดเผยว่า วันที่ 24 มี.ค.ตนได้เดินทางไปเยี่ยมนายวิวัฒน์ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยได้สอบถามถึงรายละเอียดการถูกจับกุม ซึ่งนายวิวัฒน์ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์นหรือไม่ แต่ยอมรับว่ามาร่วมชุมนุมกับ กปปส. โดยนายวิวัฒน์ระบุด้วยว่า สาเหตุที่ต้องให้การรับสารภาพ เพราะภายหลังจากที่ถูกจับกุมตัวที่ จ.สุราษฎร์ธานี นั้น ถูกนำตัวขึ้นรถตู้ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ถูกใช้ผ้าปิดตา จากนั้นถูกรุมทำร้ายร่างกาย ทั้งการต่อยและทุบตี โดยใช้เบาะรองที่ท้องแล้วต่อยท้องจำนวนหลายครั้งตลอดทาง ทำให้ไม่มีร่องรอย รวมถึงที่คอถูกเชือกรัดแต่ใช้ผ้ารองไว้ ทำให้ไม่มีร่องรอยเช่นกัน ก่อนที่จะถูกบังคับให้รับสารภาพว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์น โดยถูกบังคับให้รับสารภาพ 3 ครั้ง
น.ส.พวงทิพย์ กล่าวอีกว่า นายวิวัฒน์เล่าว่า เมื่อมาถึงที่ทำการ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ(ศรส.) ในขณะนั้นทางตำรวจจึงได้เปิดตาให้ ก่อนถูกนำเข้าภายในห้องสอบสวน มีพนักงานสอบสวนรวม 5 คน เข้าสอบสวน โดยใช้เวลาตั้งแต่เวลา 23.00 น. ถึง 03.00 น. ซึ่งนายวิวัฒน์ไม่ได้ให้การใดๆ จนถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่ว่า หากไม่รับสารภาพจะถูกซ้อมเช่นในรถอีก นายวิวัฒน์ยอมรับสารภาพ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้อ่านคำให้การใดๆ และในระหว่างที่มีการแถลงข่าวยังมีการนำกระดาษคำให้การมาให้ตนอ่านและให้แถลงข่าวไปตามที่เขียนมา
“ที่มีการบอกเล่าถึงเรื่องการทรมาน ดิฉันได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่กาชาดระหว่างประเทศ ซึ่งตอบรับมาแล้วว่าจะเข้าเยี่ยมนายวิวัฒน์ภายในสัปดาห์นี้ รวมถึง นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ที่รับปากว่าจะเข้ามาช่วยเหลือต่อไป” น.ส.พวงทิพย์ ระบุ
***ยิงเอ็ม 79 ใส่บ้าน “เอกนัฎ”
ที่เวทีคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) บริเวณสวนลุมพินี นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส. กล่าวว่า ได้รับแจ้งทราบจากนางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ซึ่งเป็นมารดาของตน ว่า เมื่อเวลา 18.45 น. วานนี้ (25 มี.ค.) มีคนร้ายลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่บ้านพักย่านพุทธมณฑลสาย 2 ซึ่งถือว่า เป็นครั้งที่ 3 และเป็นลูกที่ 4 โดยระเบิดได้ตกลงบริเวณหลังบ้าน ระหว่างเกิดเหตุนั้นไม่มีบุคคลใดอยู่ภายในบ้านทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุคาดว่าคนร้ายลอบจะยิงระเบิดเอ็ม 79 มาจากทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี อย่างไรก็ตามจะไม่มีการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีเพราะเมื่อตอนที่มีคนร้ายระเบิดเอ็ม 79 ใส่บ้านตนรอบแรกก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบแล้วแต่เกรงว่า จะมีการวัดระยะ และไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจเหตุการณ์ครั้งนี้จึงคิดว่าจะไม่แจ้งความ อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใดและจะต่อไปสู้ต่อไปอย่างไม่หวั่นไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวว่า การรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมใหญ่ วันที่ 29 มี.ค.นี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี บรรดาแกนนำไม่กังวลว่าจะมีการปะทะกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แต่อย่างใด โดยต้องการให้ประเทศมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งเท่านั้น หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. เป็นโมฆะ
***เหลิมสั่งเร่งติดตามคนร้ายยิงเอ็ม79 เข้าปปช.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) กล่าวถึงกรณียิงเอ็ม79 เข้าใส่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ว่า มีเอ็ม79 จำนวน 3 ลูกยิงเข้าใส่ป.ป.ช.1 ลูก สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 ลูก แต่อีก 1 ลูก ยังค้นไม่พบ ตนสั่งการให้สืบสวนหาตัวคนร้ายให้ได้ วันนี้มันมีมือที่ 3 เพราะเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นรัฐบาลก็เดือดร้อน ศอ.รส.ก็นั่งไม่ติด ตนพยายามสั่งการว่าถ้ารู้ว่าใครทำผิดต้องดำเนินอย่างเด็ดขาด
****“ปู”สั่ง ศอ.รส.ดูแลบ้านบุคคลสำคัญ
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงเรียนนายร้อยสามพราน จ.นครปฐม ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้เร่งรัดดำเนินคดีผู้กระทำความผิดกฎหมายความมั่นคงกับทุกฝ่าย โดยให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลสถานที่ราชการที่กลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดบุกเข้าไปปิดล้อม หรือยึดสถานที่ราชการ รวมทั้งสถานที่ทำการขององค์กรอิสระ เนื่องจากขณะนี้พบว่าเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ที่พักอาศัยของบุคคลสำคัญ และบ้านพักของบุคลากรในองค์กรอิสระ นายกฯจึงกำชับว่า ศอ.รส.ควรจะต้องดูแลปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
***ทบ.ย้ำคงจุดตรวจบังเกอร์ทหาร
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า แม้จะลดจากการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาเป็นพ.ร.บ.มั่นคงเหมือนเดิม แต่เหตุความรุนแรงมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น และยังอาจจะต้องระมัดระวังเพิ่มเติมในเรื่องเหตุเผชิญหน้ากันของมวลชนแต่ละกลุ่ม จึงยังคงจำเป็นต้องใช้มาตรการนี้อยู่อาจจะต้องมีการปรับเสริมให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมทันกับสถานการณ์
***ตร.ชี้มือยิงปปช.มีความเชี่ยวชาญ
วานนี้ (25 มี.ค.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ถ.สนามบินน้ำ อ.เมือง จ.นนทบุรี ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนาย เข้าตรวจอาคารภายในสำนักงานป.ป.ช.เพิ่มเติม หลังมีเหตุคนร้ายลอบยิงระเบิดขนาด 40 มม.หรือ ล.ย. 40 จำนวน 3 ลูกกระจายเข้าไปตกที่ภายในสำนักงาน ป.ป.ช.ที่อาคาร2 ชั้น4 1ลูกและเข้าไปตกที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลชั้น 5 อาคาร4 1ลูก ส่วนเมื่อคืนอีกหนึ่งลูกยังหาไม่พบ
ล่าสุดในช่วงเช้า คณะนายตำรวจและหน่วยอีโอดี เข้าตรวจสอบภายในป.ป.ช.ในจุดที่ลูกระเบิดตกเพิ่มเติมพบอีกหนึ่งจุด ที่ชั้น 4 ของอาคาร 1 บนดาดฟ้าเป็นหลุมลึก 5 ซม. กว้าง 10ซม.
พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กก.(อีโอดี) กล่าวว่า วิถียิงน่าจะอยู่ในระยะ 300-500 เมตร พิกัดมาจากฝั่งด้านหน้าของถนนของสนามบินน้ำและผู้ที่ยิงมีความเชียวชาญอย่างมาก เพราะใช้เวลายิงไล่เลี่ยกันใน 5นาทีและพิกัดตรงเข้าโดนตัวตึกของอาคารที่หวังผลไว้อย่างแม่นยำ
**** เพิ่มความเข้มป้องกันเหตุรุนแรง
วานนี้ (25 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา กำชับทุกหน่วยงานให้เพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยบุคคลและสถานที่สำคัญ เพื่อป้องกันบุคคลและกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีก่อเหตุแทรกซ้อนหรือสร้างสถานการณ์รุนแรงนั้น ต่อมาวันที่ 22 มี.ค.เกิดเหตุเพลิงไหม้รถยนต์บริเวณซอยแจ้งวัฒนะ 13 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ ตรวจสอบพบถังแก๊สบรรจุระเบิดแสวงเครื่อง 3 ลูกอยู่ในรถยนต์ที่เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งแสดงถึงเหตุแทรกซ้อนและสถานการณ์ความรุนแรงว่ามีแนวโน้มกระจายไปหลายพื้นที่ เป็นที่น่าเชื่อว่าจะมีการลักลอบนำอาวุธ วัตถุระเบิด รวมทั้งส่วนประกอบระเบิดแสวงเครื่องเข้ามาจากต่างจังหวัด
ดังนั้น เพื่อให้การควบคุมอาวุธและลดความรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรัดกุมมากยิ่งขึ้น ผบ.ตร.จึงได้มีการกำชับการปฏิบัติการเพิ่มเติม โดยให้ ผบก.ภ.จว.วิเคราะห์เส้นทางที่เป็นจุดล่อแหลมในการลักลอบนำอาวุธ วัตถุระเบิด และส่วนประกอบระเบิดแสวงเครื่องเข้ามาในพื้นที่กรุเทพฯ และตั้งจุดตรวจสกัดเข้มแข็งเพื่อตรวจคัดกรองบุคคล ยานพาหนะ อาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด ส่วนประกอบระเบิดแสวงเครื่อง เช่น ถังแก๊ส ถังดับเพลิง ฯลฯ และสิ่งของผิดกฎหมายทุกชนิดอย่างน้อย ภ.จว.ละจำนวน 1 จุด
*** วืดหมายจับหน.การด์ กปปส.
วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.นพดล ดอนศรีจันทร์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ทุ่งสองห้อง ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอให้ศาลอนุมัติหมายจับ นายสุเมธ ตระกูลวุ้นหนู หรือ เม่น หัวหน้ากลุ่มนักรบองค์ดำ 1 ใน 22 ผู้ต้องสงสัย ที่ใช้อาวุธปืนในเหตุการณ์ปะทะกับ กลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานี ที่บริเวณหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา และเป็นบุคคลที่นายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือ มือปืนป๊อบคอร์น อ้างว่า เป็นผู้พาหลบหนี ไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร โดยได้นำพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นคำให้การซัดทอดจากนายวิวัฒน์ มายื่นต่อศาล
ซึ่งศาลพิเคราะห์คำร้องแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ยังไม่เพียงพอที่จะออกหมายจับได้ ให้ยกคำร้อง
*** แม่มือปืนป๊อบคอร์นโวย
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่เวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการร้องเรียนจากแม่บุญธรรมของ นายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือ ท็อป อายุ 24 ปี ที่ถูกอ้างว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์นจากเหตุปะทะที่แยกหลักสี่เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ในการเข้าช่วยเหลือในชั้นคดีความ
เนื่องจากมีความไม่ชอบมาพากลหลายประเด็น ซึ่งตอนนี้นายวิวัฒน์ได้ถูกแจ้งข้อหาและเป็นผู้ต้องหาในหลายคดี อาทิ ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรื่องห้ามนำอาวุธปืนออกนอกเคหะสถาน
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีประเด็นในข้อสงสัยต่างๆ อาทิ เรื่องค่าจ้างการ์ดอาสาเวทีแจ้งวัฒนะที่ได้รับเพียง 300 บาท จะทำให้ก่อเหตุลักษณะนี้ได้หรือไม่ รวมถึงประเภทอาวุธที่ใช้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่บุคคลธรรมจะดำเนินการได้ ด้วยเหตุนี้ ตนจึงได้มอบหมายให้ น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ คปท. ไปรวบรวมข้อเท็จจริงต่างๆ ก่อนส่งให้สภาทนายความ หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อไป
“ทางญาติผู้ต้องหาไม่มั่นใจในชั้นกระบวนการการสอบสวน เพราะในเหตุการณ์วันนั้นมีการปกปิดใบหน้า แต่ตำรวจยังสามารถจับกุมตัวมาได้ อีกทั้งการแถลงข่าวของฝ่ายรัฐบาลและตำรวจก็น่าสงสัย เพราะผู้ต้องหามีการเดินที่ไม่ปกติ พนักงานจับกุมมีข้อสงสัย และหลายอย่างขัดแย้งกัน อย่างไรก็ตาม ในคดีอื่นๆที่มีความชัดเจนในส่วนของผู้ต้องหา ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีเช่นเดียวกัน อย่าเลือกปฏิบัติ” นายนิติธร ระบุ
ด้าน น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ คปท. เปิดเผยว่า วันที่ 24 มี.ค.ตนได้เดินทางไปเยี่ยมนายวิวัฒน์ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยได้สอบถามถึงรายละเอียดการถูกจับกุม ซึ่งนายวิวัฒน์ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์นหรือไม่ แต่ยอมรับว่ามาร่วมชุมนุมกับ กปปส. โดยนายวิวัฒน์ระบุด้วยว่า สาเหตุที่ต้องให้การรับสารภาพ เพราะภายหลังจากที่ถูกจับกุมตัวที่ จ.สุราษฎร์ธานี นั้น ถูกนำตัวขึ้นรถตู้ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ถูกใช้ผ้าปิดตา จากนั้นถูกรุมทำร้ายร่างกาย ทั้งการต่อยและทุบตี โดยใช้เบาะรองที่ท้องแล้วต่อยท้องจำนวนหลายครั้งตลอดทาง ทำให้ไม่มีร่องรอย รวมถึงที่คอถูกเชือกรัดแต่ใช้ผ้ารองไว้ ทำให้ไม่มีร่องรอยเช่นกัน ก่อนที่จะถูกบังคับให้รับสารภาพว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์น โดยถูกบังคับให้รับสารภาพ 3 ครั้ง
น.ส.พวงทิพย์ กล่าวอีกว่า นายวิวัฒน์เล่าว่า เมื่อมาถึงที่ทำการ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ(ศรส.) ในขณะนั้นทางตำรวจจึงได้เปิดตาให้ ก่อนถูกนำเข้าภายในห้องสอบสวน มีพนักงานสอบสวนรวม 5 คน เข้าสอบสวน โดยใช้เวลาตั้งแต่เวลา 23.00 น. ถึง 03.00 น. ซึ่งนายวิวัฒน์ไม่ได้ให้การใดๆ จนถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่ว่า หากไม่รับสารภาพจะถูกซ้อมเช่นในรถอีก นายวิวัฒน์ยอมรับสารภาพ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้อ่านคำให้การใดๆ และในระหว่างที่มีการแถลงข่าวยังมีการนำกระดาษคำให้การมาให้ตนอ่านและให้แถลงข่าวไปตามที่เขียนมา
“ที่มีการบอกเล่าถึงเรื่องการทรมาน ดิฉันได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่กาชาดระหว่างประเทศ ซึ่งตอบรับมาแล้วว่าจะเข้าเยี่ยมนายวิวัฒน์ภายในสัปดาห์นี้ รวมถึง นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ที่รับปากว่าจะเข้ามาช่วยเหลือต่อไป” น.ส.พวงทิพย์ ระบุ
***ยิงเอ็ม 79 ใส่บ้าน “เอกนัฎ”
ที่เวทีคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) บริเวณสวนลุมพินี นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส. กล่าวว่า ได้รับแจ้งทราบจากนางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ซึ่งเป็นมารดาของตน ว่า เมื่อเวลา 18.45 น. วานนี้ (25 มี.ค.) มีคนร้ายลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่บ้านพักย่านพุทธมณฑลสาย 2 ซึ่งถือว่า เป็นครั้งที่ 3 และเป็นลูกที่ 4 โดยระเบิดได้ตกลงบริเวณหลังบ้าน ระหว่างเกิดเหตุนั้นไม่มีบุคคลใดอยู่ภายในบ้านทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุคาดว่าคนร้ายลอบจะยิงระเบิดเอ็ม 79 มาจากทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี อย่างไรก็ตามจะไม่มีการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีเพราะเมื่อตอนที่มีคนร้ายระเบิดเอ็ม 79 ใส่บ้านตนรอบแรกก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบแล้วแต่เกรงว่า จะมีการวัดระยะ และไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจเหตุการณ์ครั้งนี้จึงคิดว่าจะไม่แจ้งความ อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใดและจะต่อไปสู้ต่อไปอย่างไม่หวั่นไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.