xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ฉะ “ปู” ทำ ปชต.อ่อนแอ บี้คุย กกต.ปัญหาเปิดสภา ชี้ท้าปฏิวัติหวังพลิกเกม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
หน.ปชป.ห่วง 30 วันหลังเลือกตั้งเปิดสภายังมีปัญหา ส.ส.ไม่ครบร้อยละ 95 ย้ำ “นายกฯ-ศุภชัย” คุยหาข้อยุติ ติงรัฐเจตนาปล่อยปละ รับยื่นศาลตีความยาก ตอก นายกฯ ไม่รักษา ปชต.ทำอ่อนแอลง ไม่ห้ามจ้อแยกดินแดน-ความรุนแรง บี้ปรามสาวกป่วน ป.ป.ช. ยอมรับตรวจสอบ ชี้คาราคาซังเพื่อต่ออายุรักษาการ หวังท้ารัฐประหาร ไว้ตีบท ปชต.ถูกกระทำ บี้ฝ่ายมั่นคงดูแล ปชช.เป็นหลัก ชี้นายกฯ ไม่สนใจให้โอนอำนาจท้องถิ่น



วันนี้ (27 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงกรณีใกล้ครบวันเลือกตั้ง 30 วันที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 127 กำหนดให้มีการเปิดประชุมสภาครั้งแรก แต่กระบวนการจัดการเลือกตั้งยังมีปัญหาได้ ส.ส.ไม่ครบร้อยละ 95 ว่าเป็นการตอกย้ำว่ากระบวนการขณะนี้ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ตนจึงเรียกร้องมาโดยตลอดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฏีกายุบสภา จะต้องหาข้อยุติร่วมกัน แต่เข้าใจได้ยากว่าทำไมรัฐบาลจึงปล่อยให้เวลายืดเยื้อจนเกือบจะครบ 30 วันหลังวันเลือกตั้ง โดยที่บุคคลทั้งสองไม่สามารถพบกันเพื่อหาข้อยุติในการตัดสินใจเดินหน้าเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้ง

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า หากครบ 30 วันแล้วไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ก็ต้องมีปัญหาข้อกฎหมายตามมา คนที่ต้องรับผิดชอบคือนายกฯและประธาน กกต. และต้องมีคำตอบว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ตนยังไม่แน่ใจว่า กกต.จะสามารถส่งเรื่องนี้ไปถามศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ และยังไม่ทราบประเด็นที่จะถามว่าเป็นอย่างไร

“ที่แปลกคือ นายกฯ รักษาการตามพระราชกฤษฎีกา แต่ไม่รับผิดชอบอะไรเลยในการแก้ปัญหานี้ ทั้งที่ควรได้ข้อยุติด้วยการคุยกันตั้งแต่ 3 ก.พ.แล้ว แต่ประวิงเวลามาเรื่อย แต่ด้วยเหตุผลอะไรมองไม่ออก แต่ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้บ้านเมือง ดูเหมือนนายกฯมีเจตนาประวิงเวลาให้สถานการณ์ยืดเยื้อและมีปัญหา ทำให้แก้ปัญหายาก”

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มักพูดว่าถึงเวลาที่จะต้องมาคุยกันนั้น คู่แรกที่ต้องคุยกันคือนายกฯ กับประธาน กกต. เพราะถ้ายังไม่มีคำตอบเกี่ยวกับกระบวนการจัดการเลือกตั้งก็ยากที่จะเดินหน้าอนาคตทางการเมืองของประเทศ เพราะในประเด็นข้อกฎหมายช่องทางที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญได้ค่อนข้างแคบ มีแค่ผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน และต้องดูว่าเข้าเงื่อนไขทำผิดตามมาตรา 68 หรือไม่ แต่ก็จะไม่ตรงเพราะเรื่องอำนาจหน้าที่ศาลจะชี้เมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างองค์กรตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น ขณะนี้ตนไม่คิดว่าเมื่อเปิดสภาไม่ได้ใครจะต้องรับโทษอย่างไร แต่คิดถึงผลที่ตามมามากกว่า เพราะสภาพปัจจุบันทำลายโอกาสของประเทศ ซ้ำเติมปัญหาทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และความขัดแย้ง ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น

“น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้อยู่เพื่อรักษาประชาธิปไตยเพราะถ้าต้องการรักษาต้องรับผิดชอบในการแก้ปัญหาเรื่องการเลือกตั้ง และต้องเป็นตัวอย่างที่ดียอมรับกระบวนการตรวจสอบ ให้ความสำคัญกับ ป.ป.ช. โดยไม่ปล่อยให้ผู้สนับสนุนตนเองออกมากดดัน ป.ป.ช. นอกจากนี้ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้สนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดถึงขั้นแบ่งแยกดินแดน พาดพิงสถาบันกษัตริย์ พูดถึงการใช้ความรุนแรง ไม่ใช่การสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย แต่ทำให้ประชาธิปไตยอ่อนแอลง น.ส.ยิ่งลักษณ์จะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เพราะไม่ได้ห้ามปรามกับกลุ่มที่ไปกดดัน ป.ป.ช. และถามว่าในฐานะนายกฯมีมาตรการอะไรที่จะดูแล ป.ป.ช.ให้ทำงานได้”

ผู้สื่อข่าวถามว่าการพูดถึงความรุนแรงและการแบ่งแยกประเทศเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่รัฐบาลวางแผนไว้เพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองให้ตนเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า บางคนก็อ้างว่าเป็นแค่วาทกรรม แต่การปลุกระดมอย่างนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งตนยังมั่นใจว่าคนที่มีแนวคิดรุนแรงมีจำนวนน้อย แต่ก็ทำให้มีความสุ่มเสี่ยงให้สถานการณ์บานปลาย หรือขยายวงกว้างขึ้น ทั้งหมดมาจากยุทธศาสตร์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์กับรัฐบาลที่ต้องการให้สถานการณ์คาราคาซังเพื่อรักษาการไปเรื่อยๆ

เมื่อถามต่อว่ารัฐบาลกำลังวางแผนรักษาการไปเรื่อยๆ สร้างสถานการณ์เพื่อออกเทียบเชิญให้มีการปฏิวัติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เหมือนจะท้าทายทำนองนั้น แต่คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้แสดงจุดยืนชัดเจนที่เหมาะสมแล้ว ทั้งนี้หากทหารปฏิวัติรัฐบาลก็พยายามที่จะอวดอ้างตัวเองให้เป็นสัญลักษณ์ของฝ่ายประชาธิปไตย ถ้าเกิดรัฐประหารก็จะทำให้เหมือนว่าเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ท่าทีที่ชัดเจนของ ผบ.ทบ.ทำให้หลายฝ่ายสบายใจ ส่วนรัฐบาลมีความคิดที่จะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ชัดเจนว่าต้องการความชอบธรรมจากสภาพปัจจุบันที่สูญเสียความชอบธรรมจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การข่มขู่คุกคาม และการใช้ความรุนแรง

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ย้ำว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้รักษาประชาธิปไตย แต่ทำให้ระบอบนี้อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ในส่วนของมาตรการรักษาความปลอดภัยของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากที่ถูกกราดยิงและยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่ ก็จะดูแลบนความไม่ประมาท แต่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะต้องดูแลด้วย โดยฝ่ายความมั่นคงก็ดูเหมือนมีความใส่ใจรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนมากขึ้น ตนคิดว่าขอให้ดูแลประชาชนส่วนใหญ่เป็นเรื่องหลัก

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุปะทะบริเวณพื้นที่ชุมนุม 2 คืนติดกันตนได้ติดตามเหตุการณ์พบว่ามีการปรับการใช้กำลัง ซึ่งกำลังติดตามผลอยู่ เพราะอาจช่วยได้ในระดับหนึ่ง เช่นกรณีที่ ผบ.ทบ.ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.มั่นคง รวมทั้ง ผบ.ตร.จริงจังกับการนำคนผิดมาลงโทษอย่างที่พูดก็จะช่วยได้มาก

“ผมเรียกร้องว่าใครที่ยังมีอำนาจตามกฎหมายใดก็ตามที่สามารถดูแลประชาชนได้ ขอให้ทำ และขอขอบคุณ ผบ.ทบ.ที่ใช้กฎหมายความมั่นคง ผมคิดว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าฯ กทม.ก็ควรทำเช่นเดียวกัน เช่นกฎหมายป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ที่ถูกรวบไปเป็นอำนาจของนายกฯตามการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ไม่ยอมใช้อำนาจนั้นมาดูแลประชาชนก็ขอให้คืนอำนาจกลับไปด้วยการแก้ประกาศการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โอนอำนาจกลับไปให้ท้องถิ่นดูแลประชาชน เพราะนายกฯ ไม่ดูแล และยังมีอีกหลายกฎหมายที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่น หรือระดับลดหลั่นลงมา รวมทั้งข้าราชการเข้ามามีบทบาทได้มากขึ้น” นายอภิสิทธิ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น