ASTVผู้จัดการรายวัน - นายกฯมาเลเซียแถลงยืนยันเที่ยวบินMH370ดิ่งสู่มหาสมุทรอินเดียไร้ผู้รอดชีวิต ขณะที่นายกฯ ออสเตรเลียเผยเครื่องบินตรวจการณ์พบวัตถุปริศนา 2 ชิ้นทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียและกำลังส่งเรือลำหนึ่งเข้าไปตรวจสอบ ด้านเว็บไซต์เดลีเมล์ของอังกฤษเผย เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส MH370 ได้ลดระดับความสูงอย่างกะทันหันลงมาอยู่ที่ 12,000 ฟุตก่อนที่จะสัญญาณเรดาร์จะขาดหายไป ซึ่งบ่งชี้อาจว่าเกิดความผิดปกติหรือ “เหตุฉุกเฉิน” บางอย่างในห้องโดยสาร ซึ่งทำให้นักบินต้องพยายามนำเครื่องวกกลับและหาทางลงจอด
นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ยืนยันว่า มีแนวโน้มที่เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ อาจตกลงกลางมหาสมุทรอินเดีย ในพื้นที่ทางใต้
ถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก มีขึ้น โดยอ้างอิงข้อมูลจากการวิเคราะห์ดาวเทียม โดยบริษัทดาวเทียมอังกฤษแห่งหนึ่ง และจากคณะผู้ตรวจสอบอุบัติเหตุ ข่าวร้ายนี้จึงเป็นอันชัดเจนว่า ไม่น่าจะมีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่จากเหตุการณ์นี้ เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ที่เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ลำนี้ หายสาบสูญไป ซึ่งก็คาดการณ์กันมาก่อนหน้านี้ว่า เครื่องบินอาจบินขึ้นเหนือไปทางคาซัคสถาน หรืออาจบินลงใต้ ไปมหาสมุทรอินเดีย
ด้านสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลนส์ ก็ส่งข้อความสั้นไปยังครอบครัวของผู้โดยสารบนเครื่อง ระบุว่า เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ เที่ยวบินที่ เอ็มเอช 370 ลำนี้ หายสาบสูญไป และไม่มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่เลย
ขณะที่นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลีย กล่าวในรัฐสภาออสเตรเลียเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (24) ว่า “ลูกเรือบน (เครื่องบินตรวจการณ์) โอเรียน รายงานว่าพบวัตถุ 2 ชิ้น โดยชิ้นแรกเป็นเป็นทรงกลมมีสีเทาหรือสีเขียว และชิ้นที่สองเป็นทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากและมีสีส้ม”
ทั้งนี้ วัตถุดังกล่าวเป็นคนละส่วนกับที่เครื่องบินของจีนพบเมื่อก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน โดยเครื่องบินตรวจการณ์พี 3 โอเรียนของกองทัพอากาศออสซี่ระบุว่า วัตถุต้องสงสัยสองชิ้นอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 2,500 กิโลเมตร
เรือรบหลวงซัคเซส ซึ่งติดปั้นจั่นที่สามารถใช้กู้ซากปรักหักพังอยู่ในบริเวณดังกล่าวแล้ว และกำลังพยายามกู้ชิ้นส่วนปริศนาขึ้นมา
“เรือรบหลวงซัคเซสอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และอาจกู้วัตถุดังกล่าวขึ้นมาได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หรืออย่างช้าที่สุดคือในเช้าวันพรุ่งนี้” ฮิชามุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและคมนาคมของมาเลเซีย กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย
แอ็บบอตต์กล่าวว่า เครื่องบินพี 8 โพไซดอนของกองทัพเรือสหรัฐฯ เครื่องบินโอเรียนลำที่สองของกองทัพอากาศออสเตรเลีย และเครื่องบินโอเรียนของญี่ปุ่นกำลังมุ่งหน้าไปยังน่านน้ำดังกล่าวด้วยเช่นกัน
เขากล่าวว่า “ผมขอเตือนอีกครั้งว่า...เรายังไม่ทราบว่ามีวัตถุชิ้นใดเกี่ยวข้องกับเที่ยวบิน MH370 หรือไม่ บางทีอาจเป็นเพียงซากเรืออับปางที่ลอยอยู่ในทะเล”
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวซินหวาระบุว่า ลูกเรือชาวจีนที่โดยสารไปกับเครื่องบิน อิลยูชิน-76 เห็น “วัตถุขนาดใหญ่ 2 ชิ้นลอยอยู่ โดยมีวัตถุสีขาวขนาดเล็กกว่าจำนวนมากลอยกระจัดกระจายอยู่รอบๆ ภายในรัศมีหลายกิโลเมตร”
สำนักข่าวรายงานว่า วัตถุขนาดใหญ่มี “สีขาวและเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส” พร้อมทั้งระบุว่า ลูกเรือแจ้งศูนย์บัญชาการของออสเตรเลีย และเรือตัดน้ำแข็ง “เซี่ยหลง” ของจีนว่า วัตถุปริศนาทั้งสองชิ้นลอยอยู่ในละติจูดที่ 42.5453 องศาใต้ และลองจิจูดที่ 95.1113 องศาตะวันออก
หง เล่ย โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีนชี้ว่า “ในตอนนี้ ยังต้องตรวจสอบว่าวัตถุที่ลอยอยู่ในทะเลมีความเกี่ยวข้องกับเครื่องบินที่หายไปหรือไม่
“คาดหมายกันว่า เรือรบ 3 ลำ และเรือเซี่ยหลงของคณะสำรวจทางวิทยาศาสตร์ของจีน จะไปถึงน่านน้ำบริเวณนั้นในวันพรุ่งนี้ หรือวันมะรืนเพื่อดำเนินภารกิจค้นหา” เขากล่าวเสริม
ทางด้าน องค์การความปลอดภัยด้านการเดินเรือออสเตรเลีย (AMSA) ระบุในทวิตเตอร์ของหน่วยงานว่า เครื่องบินตรวจการณ์ พี 8 โพไซดอน “ไม่สามารถระบุตำแหน่ง” ของวัตถุที่เครื่องบินอิลยูชิน-76 ของจีนพบก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (24) ได้
เที่ยวบิน MH370 ได้อันตรธานหายไปจากจอเรดาร์พลเรือนเมื่อ 16 วันก่อน หลังออกจากรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อมุ่งหน้าไปกรุงปักกิ่งได้เกือบหนึ่งชั่วโมง
ทั้งนี้ ผู้โดยสารชาวจีนคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิตที่โดยสารมากับโบอิ้ง 777-200ER ลำนี้
ตามข้อมูลของซินหวา เครื่องบินของจีน 2 ลำที่ก่อนหน้านี้มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ค้นหา กำลังหันหัวกลับมายังเมืองเพิร์ธ และลูกเรือขอให้ออสเตรเลียส่งอากาศยานเข้าไปในพื้นที่เพิ่มขึ้น
***สื่ออังกฤษชี้อาจเกิด “วิกฤต” ในห้องโดยสาร
ขณะที่นานาชาติได้ระดมบุคลากรและเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุดเพื่อติดตามหาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของมาเลเซียที่สูญหายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้ออกมาตั้งข้อสันนิษฐานล่าสุดว่า การที่เครื่องบินลำนี้หักหัวไปทางซ้ายอย่างกะทันหัน น่าจะเป็น “ความจงใจ” ของนักบิน
เรดาร์ของกองทัพมาเลเซียจับสัญญาณจาก MH370 ได้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเวลา 2.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยพบว่าเครื่องบินอยู่ห่างจากเกาะปีนังไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 200 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นเวลาราว 1 ชั่วโมงหลังจากที่มันเบี่ยงออกจากเส้นทางระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่งของจีน
แหล่งข่าวใกล้ชิดกระบวนการสอบสวนอ้างข้อมูลเรดาร์ที่ชี้ว่า เครื่องบินได้ลดระดับลงหลังจากที่เลี้ยวซ้ายมุ่งมายังช่องแคบมะละกา
เจ้าหน้าที่ซึ่งขอสงวนนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชน ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า การบินอยู่ที่ระดับความสูง 12,000 ฟุตจะทำให้เครื่องบินลำนี้เล็ดรอดจากการมองเห็นของเครื่องบินลำอื่นได้
แมรี เชียโว นักวิเคราะห์ด้านการบินและอดีตหัวหน้าผู้ตรวจสอบของกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า ข้อมูลนี้ “มีความสำคัญอย่างมาก” เพราะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถปะติดปะต่อข้อมูลที่ค่อนข้างจะสับสนก่อนหน้านี้
“หากเครื่องบินเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน และลดระดับความสูงจาก 35,000 ฟุต (ราว 10 กิโลเมตร) ลงมาเหลือแค่ 12,000 ฟุต (3.65 กิโลเมตร) ก็เป็นสิ่งที่นักบินอาจตัดสินใจทำในกรณีที่เกิดวิฤตร้ายแรงในห้องโดยสาร เช่น ความดันลดลงอย่างรวดเร็ว, เพลิงไหม้ หรือการระเบิด เป็นต้น”
“ในกรณีเช่นนี้ สิ่งที่คนเป็นนักบินจะต้องทำก็คือ ลดระดับความสูง นำเครื่องลง และวกกลับมายังสนามบินสักแห่งหนึ่งที่จะสามารถรองรับเครื่องบินที่เกิดปัญหาได้”
ข้อมูลนี้นำมาซึ่งคำถามสำคัญว่า เกิดเหตุร้ายแรงอะไรขึ้นที่ทำให้เครื่องบินต้องลดระดับความสูงลงมาถึงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า MH370 ใช้เวลานานเท่าใดในการลดระดับลงมาอยู่ที่ 12,000 ฟุต และเป็นสิ่งที่พนักงานสอบสวนจะต้องค้นหาคำตอบให้ได้
ฝรั่งเศสเป็นประเทศล่าสุดที่อ้างว่าพบวัตถุต้องสงสัยในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ที่อาจเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบิน MH370 อยู่ห่างจากจุดที่ทำการค้นหาในปัจจุบันราว 850 กิโลเมตร ซึ่งทีมค้นหานานาชาติก็หวังว่าข้อมูลใหม่นี้จะช่วยคลายปริศนาการหายไปของโบอิ้งมาเลเซีย และคนบนเครื่องทั้ง 239 ชีวิต
***MH66 ระบบไฟฟ้าไม่ทำงานลงฉุกเฉิน ฮ่องกง
เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ รายงาน (24 มี.ค.) ว่าเครื่องบินโดยสารสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินกัวลาลัมเปอร์สู่อินชอน เกาหลีใต้ ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินฮ่องกง เมื่อเวลา 2.53 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันจันทร์ที่ 24 มี.ค. เนื่องจากปัญหาระบบไฟฟ้าภายในห้องโดยสารไม่ทำงาน
รายงานข่าวอ้างคำแถลงการณ์ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่ระบุ เครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 เที่ยวบิน MH 66 ที่บรรทุกผู้โดยสาร 271 คน ออกเดินทางจากสนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย มุ่งหน้าสนามบินอินชอน เกาหลีใต้ จำเป็นต้องขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินฮ่องกง เมื่อเวลา 2.53 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันจันทร์ที่ 24 มี.ค. หลังประสบปัญหากับระบบไฟฟ้าภายในห้องโดยสารฯ
แถลงการณ์ระบุว่า นักบินสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของสนามบินฮ่องกง ในการอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารเดินทางต่อไปกับเครื่องบินลำใหม่ และได้เดินทางไปถึงที่หมายฯ อย่างปลอดภัยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหตุขัดข้องดังกล่าว ทำให้จำเป็นต้องยกเลิกชั่วคราว เที่ยวบิน MH 67 เที่ยวบินขากลับจากสนามบินอินชอนสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยเจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ได้จัดบริการสลับเปลี่ยนให้ผู้โดยสารทุกท่าน สามารถเดินทางเที่ยวบินขากลับไปกับสายการบินอื่นแล้ว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมทั้งสิ้น
นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ยืนยันว่า มีแนวโน้มที่เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ อาจตกลงกลางมหาสมุทรอินเดีย ในพื้นที่ทางใต้
ถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก มีขึ้น โดยอ้างอิงข้อมูลจากการวิเคราะห์ดาวเทียม โดยบริษัทดาวเทียมอังกฤษแห่งหนึ่ง และจากคณะผู้ตรวจสอบอุบัติเหตุ ข่าวร้ายนี้จึงเป็นอันชัดเจนว่า ไม่น่าจะมีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่จากเหตุการณ์นี้ เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ที่เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ลำนี้ หายสาบสูญไป ซึ่งก็คาดการณ์กันมาก่อนหน้านี้ว่า เครื่องบินอาจบินขึ้นเหนือไปทางคาซัคสถาน หรืออาจบินลงใต้ ไปมหาสมุทรอินเดีย
ด้านสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลนส์ ก็ส่งข้อความสั้นไปยังครอบครัวของผู้โดยสารบนเครื่อง ระบุว่า เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ เที่ยวบินที่ เอ็มเอช 370 ลำนี้ หายสาบสูญไป และไม่มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่เลย
ขณะที่นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลีย กล่าวในรัฐสภาออสเตรเลียเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (24) ว่า “ลูกเรือบน (เครื่องบินตรวจการณ์) โอเรียน รายงานว่าพบวัตถุ 2 ชิ้น โดยชิ้นแรกเป็นเป็นทรงกลมมีสีเทาหรือสีเขียว และชิ้นที่สองเป็นทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากและมีสีส้ม”
ทั้งนี้ วัตถุดังกล่าวเป็นคนละส่วนกับที่เครื่องบินของจีนพบเมื่อก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน โดยเครื่องบินตรวจการณ์พี 3 โอเรียนของกองทัพอากาศออสซี่ระบุว่า วัตถุต้องสงสัยสองชิ้นอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 2,500 กิโลเมตร
เรือรบหลวงซัคเซส ซึ่งติดปั้นจั่นที่สามารถใช้กู้ซากปรักหักพังอยู่ในบริเวณดังกล่าวแล้ว และกำลังพยายามกู้ชิ้นส่วนปริศนาขึ้นมา
“เรือรบหลวงซัคเซสอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และอาจกู้วัตถุดังกล่าวขึ้นมาได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หรืออย่างช้าที่สุดคือในเช้าวันพรุ่งนี้” ฮิชามุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและคมนาคมของมาเลเซีย กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย
แอ็บบอตต์กล่าวว่า เครื่องบินพี 8 โพไซดอนของกองทัพเรือสหรัฐฯ เครื่องบินโอเรียนลำที่สองของกองทัพอากาศออสเตรเลีย และเครื่องบินโอเรียนของญี่ปุ่นกำลังมุ่งหน้าไปยังน่านน้ำดังกล่าวด้วยเช่นกัน
เขากล่าวว่า “ผมขอเตือนอีกครั้งว่า...เรายังไม่ทราบว่ามีวัตถุชิ้นใดเกี่ยวข้องกับเที่ยวบิน MH370 หรือไม่ บางทีอาจเป็นเพียงซากเรืออับปางที่ลอยอยู่ในทะเล”
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวซินหวาระบุว่า ลูกเรือชาวจีนที่โดยสารไปกับเครื่องบิน อิลยูชิน-76 เห็น “วัตถุขนาดใหญ่ 2 ชิ้นลอยอยู่ โดยมีวัตถุสีขาวขนาดเล็กกว่าจำนวนมากลอยกระจัดกระจายอยู่รอบๆ ภายในรัศมีหลายกิโลเมตร”
สำนักข่าวรายงานว่า วัตถุขนาดใหญ่มี “สีขาวและเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส” พร้อมทั้งระบุว่า ลูกเรือแจ้งศูนย์บัญชาการของออสเตรเลีย และเรือตัดน้ำแข็ง “เซี่ยหลง” ของจีนว่า วัตถุปริศนาทั้งสองชิ้นลอยอยู่ในละติจูดที่ 42.5453 องศาใต้ และลองจิจูดที่ 95.1113 องศาตะวันออก
หง เล่ย โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีนชี้ว่า “ในตอนนี้ ยังต้องตรวจสอบว่าวัตถุที่ลอยอยู่ในทะเลมีความเกี่ยวข้องกับเครื่องบินที่หายไปหรือไม่
“คาดหมายกันว่า เรือรบ 3 ลำ และเรือเซี่ยหลงของคณะสำรวจทางวิทยาศาสตร์ของจีน จะไปถึงน่านน้ำบริเวณนั้นในวันพรุ่งนี้ หรือวันมะรืนเพื่อดำเนินภารกิจค้นหา” เขากล่าวเสริม
ทางด้าน องค์การความปลอดภัยด้านการเดินเรือออสเตรเลีย (AMSA) ระบุในทวิตเตอร์ของหน่วยงานว่า เครื่องบินตรวจการณ์ พี 8 โพไซดอน “ไม่สามารถระบุตำแหน่ง” ของวัตถุที่เครื่องบินอิลยูชิน-76 ของจีนพบก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (24) ได้
เที่ยวบิน MH370 ได้อันตรธานหายไปจากจอเรดาร์พลเรือนเมื่อ 16 วันก่อน หลังออกจากรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อมุ่งหน้าไปกรุงปักกิ่งได้เกือบหนึ่งชั่วโมง
ทั้งนี้ ผู้โดยสารชาวจีนคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิตที่โดยสารมากับโบอิ้ง 777-200ER ลำนี้
ตามข้อมูลของซินหวา เครื่องบินของจีน 2 ลำที่ก่อนหน้านี้มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ค้นหา กำลังหันหัวกลับมายังเมืองเพิร์ธ และลูกเรือขอให้ออสเตรเลียส่งอากาศยานเข้าไปในพื้นที่เพิ่มขึ้น
***สื่ออังกฤษชี้อาจเกิด “วิกฤต” ในห้องโดยสาร
ขณะที่นานาชาติได้ระดมบุคลากรและเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุดเพื่อติดตามหาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของมาเลเซียที่สูญหายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้ออกมาตั้งข้อสันนิษฐานล่าสุดว่า การที่เครื่องบินลำนี้หักหัวไปทางซ้ายอย่างกะทันหัน น่าจะเป็น “ความจงใจ” ของนักบิน
เรดาร์ของกองทัพมาเลเซียจับสัญญาณจาก MH370 ได้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเวลา 2.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยพบว่าเครื่องบินอยู่ห่างจากเกาะปีนังไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 200 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นเวลาราว 1 ชั่วโมงหลังจากที่มันเบี่ยงออกจากเส้นทางระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่งของจีน
แหล่งข่าวใกล้ชิดกระบวนการสอบสวนอ้างข้อมูลเรดาร์ที่ชี้ว่า เครื่องบินได้ลดระดับลงหลังจากที่เลี้ยวซ้ายมุ่งมายังช่องแคบมะละกา
เจ้าหน้าที่ซึ่งขอสงวนนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชน ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า การบินอยู่ที่ระดับความสูง 12,000 ฟุตจะทำให้เครื่องบินลำนี้เล็ดรอดจากการมองเห็นของเครื่องบินลำอื่นได้
แมรี เชียโว นักวิเคราะห์ด้านการบินและอดีตหัวหน้าผู้ตรวจสอบของกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า ข้อมูลนี้ “มีความสำคัญอย่างมาก” เพราะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถปะติดปะต่อข้อมูลที่ค่อนข้างจะสับสนก่อนหน้านี้
“หากเครื่องบินเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน และลดระดับความสูงจาก 35,000 ฟุต (ราว 10 กิโลเมตร) ลงมาเหลือแค่ 12,000 ฟุต (3.65 กิโลเมตร) ก็เป็นสิ่งที่นักบินอาจตัดสินใจทำในกรณีที่เกิดวิฤตร้ายแรงในห้องโดยสาร เช่น ความดันลดลงอย่างรวดเร็ว, เพลิงไหม้ หรือการระเบิด เป็นต้น”
“ในกรณีเช่นนี้ สิ่งที่คนเป็นนักบินจะต้องทำก็คือ ลดระดับความสูง นำเครื่องลง และวกกลับมายังสนามบินสักแห่งหนึ่งที่จะสามารถรองรับเครื่องบินที่เกิดปัญหาได้”
ข้อมูลนี้นำมาซึ่งคำถามสำคัญว่า เกิดเหตุร้ายแรงอะไรขึ้นที่ทำให้เครื่องบินต้องลดระดับความสูงลงมาถึงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า MH370 ใช้เวลานานเท่าใดในการลดระดับลงมาอยู่ที่ 12,000 ฟุต และเป็นสิ่งที่พนักงานสอบสวนจะต้องค้นหาคำตอบให้ได้
ฝรั่งเศสเป็นประเทศล่าสุดที่อ้างว่าพบวัตถุต้องสงสัยในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ที่อาจเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบิน MH370 อยู่ห่างจากจุดที่ทำการค้นหาในปัจจุบันราว 850 กิโลเมตร ซึ่งทีมค้นหานานาชาติก็หวังว่าข้อมูลใหม่นี้จะช่วยคลายปริศนาการหายไปของโบอิ้งมาเลเซีย และคนบนเครื่องทั้ง 239 ชีวิต
***MH66 ระบบไฟฟ้าไม่ทำงานลงฉุกเฉิน ฮ่องกง
เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ รายงาน (24 มี.ค.) ว่าเครื่องบินโดยสารสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินกัวลาลัมเปอร์สู่อินชอน เกาหลีใต้ ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินฮ่องกง เมื่อเวลา 2.53 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันจันทร์ที่ 24 มี.ค. เนื่องจากปัญหาระบบไฟฟ้าภายในห้องโดยสารไม่ทำงาน
รายงานข่าวอ้างคำแถลงการณ์ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่ระบุ เครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 เที่ยวบิน MH 66 ที่บรรทุกผู้โดยสาร 271 คน ออกเดินทางจากสนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย มุ่งหน้าสนามบินอินชอน เกาหลีใต้ จำเป็นต้องขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินฮ่องกง เมื่อเวลา 2.53 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันจันทร์ที่ 24 มี.ค. หลังประสบปัญหากับระบบไฟฟ้าภายในห้องโดยสารฯ
แถลงการณ์ระบุว่า นักบินสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของสนามบินฮ่องกง ในการอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารเดินทางต่อไปกับเครื่องบินลำใหม่ และได้เดินทางไปถึงที่หมายฯ อย่างปลอดภัยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหตุขัดข้องดังกล่าว ทำให้จำเป็นต้องยกเลิกชั่วคราว เที่ยวบิน MH 67 เที่ยวบินขากลับจากสนามบินอินชอนสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยเจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ได้จัดบริการสลับเปลี่ยนให้ผู้โดยสารทุกท่าน สามารถเดินทางเที่ยวบินขากลับไปกับสายการบินอื่นแล้ว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมทั้งสิ้น