xs
xsm
sm
md
lg

มาเลเซียปัดข้อมูล โบอิ้งบินต่อ4ชม. หลังสัญญาณเรดาร์หาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เผยเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส อาจบินต่อไปอีกนานถึง 4 ชั่วโมง หลังจากที่เรดาร์ตรวจจับสัญญาณครั้งสุดท้ายได้ ขณะที่ทางการมาเลเซีย โต้ยังไม่ได้รับข้อมูลดังกล่าว ขณะที่ทางการจีนแพร่ภาพถ่ายเดียวเทียมพบวัตถุต้องสงสัย 3 ชิ้น ที่อาจเป็นซาก MH370 ลอยอยู่ทางตอนใต้ของทะเลเวียดนาม-ตอ.มาเลเซีย แต่เครื่องบินค้นหาของเวียดนามและมาเลเซียไม่พบวัตถุต้องสงสัยทำให้ปฏิบัติการคุ้นหาวันที่ 6 ยังไร้ความคืบหน้า กองทัพเรือไทยเดินหน้าร่วมค้นหาต่อไป

เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศพบสัญญาณจากโบอิ้ง 777-200ER เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเวลา 1.30 น. ของวันเสาร์ (8) หรือไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังจากที่เครื่องเทกออฟออกจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ และมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือข้ามอ่าวไทยเพื่อไปยังกรุงปักกิ่ง

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการบินและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงภายในของสหรัฐฯ เชื่อว่า เครื่องบินลำนี้ได้ลอยอยู่กลางอากาศไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง โดยดูจากข้อมูลที่เครื่องยนต์โรลส์รอยซ์ของโบอิ้ง 777 ดาวน์โหลดและส่งมายังภาคพื้นดินโดยอัตโนมัติ

วอลล์สตรีท ระบุว่า แหล่งข่าว 2 คนซึ่งเปิดเผยข้อมูลนี้เป็นผู้ที่ “ทราบรายละเอียดเป็นอย่างดี”

หากข้อมูลนี้เป็นจริงก็หมายความว่า โบอิ้งซึ่งมีผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิต น่าจะเดินทางต่อไปอีกเป็นระยะทางหลายร้อยไมล์ หลังขาดการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินไปแล้ว

นานาชาติได้ส่งทั้งบุคลากร เรือ และเครื่องบินเข้ามาช่วยค้นหาร่องรอยของเครื่องบินมาเลเซียทั้งในน่านน้ำทะเลจีนใต้และทะเลอันดามัน ซึ่งเวลานี้พื้นที่ค้นหากว้างขวางเกือบ 93,000 ตารางกิโลเมตร หรือพอๆกับขนาดของประเทศฮังการี

พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างตรวจหาหลักฐานว่าเกิดการ “จี้เครื่องบิน” ขึ้นหรือไม่ ขณะที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ก็ยืนยันว่า ยังไม่ตัดประเด็นก่อการร้ายออกไป

“เจ้าหน้าที่ต่อต้านก่อการร้ายของสหรัฐฯ ยังคงสืบหาความเป็นไปได้ว่า กัปตันหรือบุคคลอื่นบนเครื่องอาจจะบังคับให้เครื่องบินมุ่งไปยังสถานที่ที่ไม่เปิดเผย โดยจงใจปิดอุปกรณ์สื่อสารกับภาคพื้นดินเพื่อไม่ให้เรดาร์ตรวจจับได้” วอลล์สตรีทรายงาน

สื่อชั้นนำของสหรัฐฯ แจกแจงต่อว่า การสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยของเครื่องบินโดยสารลำนี้ ตลอดจนประเด็นที่ว่าเครื่องรับส่งสัญญาณเรดาร์ไม่ถูกเปิดใช้งาน “ทำให้พนักงานสอบสวนสันนิษฐานว่า เครื่องบินอาจถูกใครจี้บังคับด้วยเหตุผลบางประการที่สหรัฐฯเองก็ยังไม่ทราบ”

วอลล์สตรีท ยังอ้างแหล่งข่าวอีกคนหนึ่งซึ่งชี้ว่า พนักงานสอบสวนกำลังประเมินทฤษฎีที่ว่า เครื่องบินอาจถูกบังคับเปลี่ยนเส้นทาง “เพื่อนำไปใช้กระทำการบางอย่างในภายหลัง”

*** พบวัตถุต้องสงสัยเป็น MH370 ***

สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่าเว็บไซต์ของรัฐบาลจีนเผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมของซากวัตถุหลายชิ้นในทะเลทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามที่อาจจะเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์รุ่น โบอิง 777-200ER เที่ยวบินที่ MH370 ซึ่งสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา

รายงานชิ้นดังกล่าวซึ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันพุธ (12) ระบุว่าภาพถ่ายดาวเทียมดังกล่าว ถ่ายได้เมื่อเวลา 11.00น. ของวันอาทิตย์ที่ 9 มี.ค. แสดงให้เห็นถึง “วัตถุลอยได้ 3 ชิ้น” ที่มีขนาดแตกต่างกัน โดยระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวน่าจะเป็นพื้นที่ทางทะเลร่วมของเวียดนามและมาเลเซีย โดยอยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม และทางตะวันออกของมาเลเซีย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดต้องสงสัยแรกหลังมีรายงานว่าเที่ยวบิน MH370 ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน หายไปในวันเสาร์ที่ 8 มี.ค. ทั้งนี้ภาพถ่ายดังกล่าวถูกโพสต์ในเว็บไซต์ด้านเทคโนโลยีความมั่นคงของทางการจีน

โดยวัตถุต้องสงสัยชิ้นใหญ่ที่สุดน่าจะมีขนาดใหญ่ประมาณ 24 เมตร คูณ 22 เมตร

รายงานชิ้นล่าสุดพร้อมภาพถ่ายดาวเทียมของจีนถูกแพร่ออกมาหลายวันหลังจากที่ทางการมาเลเซียให้ข่าวที่ค่อนข้างสับสนและขัดแย้งกันเองมาหลายวัน โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทางทหารของมาเลเซียเปิดเผยถึงเหตุผลในการขยายพื้นที่การค้นหาไปยังทิศตะวันตกของมาเลเซีย โดยระบุว่าเนื่องจากเรดาห์ของทหารพบว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่เครื่องบินอาจหันหัวกลับมาทางทิศตะวันตกและมุ่งไปยังช่องแคบมะละกา

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของมาเลเซียระบุว่า ความร่วมมือในการค้นหาจากนานาชาติจะยังเน้นไปที่ทะเลจีนใต้ รวมถึงฝั่งทะเลอันดามัน

ด้านทางการจีนซึ่งมีประชาชนเป็นผู้โดยสารอยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าวมากถึง 152 คน ระบุว่า “ตอนนี้มีข้อมูลและความสับสนมากเกินไปจนยากที่เราจะตัดสินใจได้ว่าข้อมูลชิ้นใดมีความถูกต้องเที่ยงตรง อย่างไรก็ตามเราจะไม่ยอมแพ้ ตราบใดที่ยังมีความหวังแม้เพียงเล็กน้อย” ฉิน กัง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวที่ปักกิ่ง

ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ด้าน การรับรู้จากระยะไกล (Remote-Sensing) เปิดเผยว่าพวกเขาจะพยายามให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคกับนานาชาติเพื่อค้นหาเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ที่หายไป โดยสถาบันการรับรู้จากระยะไกลและโลกดิจิตอล (RADI) ซึ่งอยู่ภายใต้บัณฑิตยสภาด้านวิทยาศาสตร์ของจีนได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ข่าวการหายไปของเที่ยวบิน MH370 ถูกเผยแพร่ออกมา โดยมีการใช้ดาวเทียมจีนประมาณ 10 ดวงเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยดังกล่าว

“ถ้าเครื่องบินตกลงในทะเล ย่อมต้องมีการพบเห็นวัตถุลอยได้หรือคราบน้ำมันบนผิวน้ำ ขณะที่น้ำมันจากเครื่องบินก็ย่อมจะเกาะตัวรวมเป็นคราบอย่างช้าๆ จากกระแสคลื่นในทะเล” กัว หัวตง ผู้อำนวยการของ RADI เผย พร้อมระบุว่าภาพถ่ายดาวเทียมจะต้องทำงานร่วมกับทีมงานบนเรือกู้ภัยเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

*** ไม่พบซากMH370ตามข้อมูลดาวเทียมจีน ***

ขณะที่เวียดนามและมาเลเซียได้ส่งเครื่องบินเข้าไปตรวจสอบบริเวณน่านน้ำที่จีนอ้างว่าดาวเทียมของตนจับภาพ “วัตถุต้องสงสัย” จำนวน 3 ชิ้นได้เมื่อวันอาทิตย์ (9) ซึ่งพิกัดของมันอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เครื่องบิน MH370 ส่งสัญญาณติดต่อกับเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินเป็นครั้งสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ซึ่งร่วมเดินทางไปกับเครื่องบินค้นหารายงานว่า เครื่องบินได้บินวนอยู่เหนือทะเลบริเวณนั้นหลายรอบ แต่ก็ไม่พบวัตถุต้องสงสัยใดๆ

“ไม่พบอะไรเลย” อัฟเฟนดี บวง ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของกองทัพอากาศมาเลเซียให้สัมภาษณ์ในช่วงบ่ายวันนี้ (13)

ทางการจีนชี้ว่า วัตถุต้องสงสัยทั้ง 3 ชิ้นอยู่ห่างไปทางตะวันออกราว 200 กิโลเมตรจากจุดที่เครื่องบินมาเลเซียถูกจับสัญญาณได้เป็นครั้งสุดท้าย

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่เวียดนามยอมรับว่าได้ทราบข้อมูลดาวเทียมของจีนผ่านทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ซึ่งก่อให้เกิดคำถามว่าทีมค้นหานานาชาติได้มีการประสานความร่วมมือกันมากน้อยเพียงใด

กองทัพเรือสหรัฐฯซึ่งส่งเรือพิฆาต 2 ลำและเครื่องบินลาดตระเวนอีก 2 ลำเข้าไปช่วยค้นหาซากเครื่องบิน ก็ดูเหมือนจะรับฟังข้อมูลล่าสุดของจีนอย่างระมัดระวัง

“ผมยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับภาพถ่ายดาวเทียมที่ว่านั้น” วิลเลียม มาร์กส ผู้บัญชาการเรือรบ ยูเอสเอส บลู ริดจ์ ซึ่งเป็นเรือบัญชาการของกองเรือรบที่ 7 ของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯคนหนึ่งซึ่งใกล้ชิดงานสอบสวนกรณีเครื่องบินสูญหาย บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ข้อมูลดาวเทียมของจีนนั้นเป็นเพียง “ข่าวกุ” ที่ก่อให้เกิดความสับสนยิ่งกว่าเดิม

นานาชาติได้ส่งทั้งบุคลากร เรือ และเครื่องบินเข้ามาช่วยค้นหาร่องรอยของเครื่องบินมาเลเซียทั้งในน่านน้ำทะเลจีนใต้และทะเลอันดามัน ซึ่งเวลานี้พื้นที่ค้นหากว้างขวางเกือบ 93,000 ตารางกิโลเมตร หรือพอๆกับขนาดของประเทศฮังการี

หลายวันมานี้มีผู้เสนอทฤษฎีต่างๆที่อาจช่วยอธิบายการหายไปอย่างไร้ร่องรอยของเที่ยวบิน MH370 ตั้งแต่ปัญหาเครื่องยนต์ล้มเหลว, การระเบิดกลางอากาศ, การจี้เครื่องบิน, การถูกชนโดยขีปนาวุธ หรือแม้กระทั่งการฆ่าตัวตายของนักบิน

รัฐบาลจีนพยายามกดดันให้หน่วยงานของมาเลเซียทำงานกันอย่างสอดประสานยิ่งขึ้นในการค้นหาเครื่องบินลำนี้ ซึ่งสูญหายไปตั้งแต่เช้ามืดวันเสาร์(8) พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิต ขณะเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์เพื่อไปยังกรุงปักกิ่ง โดยผู้โดยสารบนเครื่องเป็นพลเมืองจีนถึง 154 คน

นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง เรียกร้องให้ “ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” ร่วมแรงร่วมใจในปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินที่หายไป ขณะที่ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนของจีนก็ขอให้รัฐบาลมาเลเซียแจ้งข้อมูลที่ “สอดคล้อง” กันมากกว่านี้ ซึ่งที่ผ่านมากรุงกัวลาลัมเปอร์ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าตอบสนองสถานการณ์ได้ล่าช้าและให้ข้อมูลสับสนอย่างมาก

*** มาเลย์แถลงโต้รายงานสื่อมะกัน ***

ทางการมาเลเซียแถลงถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์ “วอลล์สตรีทเจอร์นัล” รายงานว่า มีพนักงานสอบสวนสหรัฐฯ สงสัยว่า เครื่องบินลำนี้อาจบินต่อไปอีก 4 ชั่วโมง ภายหลังขาดการติดต่อกับฝ่ายควบคุมการจรจาจรทางอากาศเมื่อเวลา 1.30 น.ตามเวลาของมาเลเซีย ทั้งนี้เป็นการอ้างอิงจากข้อมูลของเครื่องยนต์โรลส์รอยซ์ที่ดาวน์โหลดและส่งมายังภาคพื้นดินโดยอัตโนมัติ

หากข้อมูลนี้เป็นจริงก็หมายความว่าเที่ยวบิน MH 370 ได้บินต่อไปอีกหลายร้อยไมล์ ภายหลังที่สัญญาณเรดาร์ขาดหายไป จึงมีความเป็นไปได้ว่า เครื่องบินลำนี้อาจประสบอุบัติเหตุตก ในจุดที่อยู่ห่างไปจากพื้นที่ ซึ่งทีมค้นหากำลังตรวจสอบควานหาอย่างละเอียด ไปเป็นระยะทางที่ไกลมาก

สื่อชั้นนำของสหรัฐฯ เจ้านี้ระบุว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีนักบินหรือใครก็ตามบนเครื่องบินลำนี้ เปลี่ยนเส้นทางการบินไปยังจุดที่ไม่มีใครรู้หลังปิดเครื่องรับส่งเรดาร์

อย่างไรก็ดี มาเลเซียออกมาปฏิเสธว่ารายงานฉบับนี้ “ไม่ถูกต้อง”

ฮิชามมุดดิน ฮุซเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาเลเซียกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ครั้งสุดท้ายที่สามารถจับสัญญาณของเครื่องบินลำนี้คือเวลา 01.07 น. ซึ่งหมายความว่า ตอนนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างยังปกติดี”

“ทีมค้นหาของโรลส์รอยซ์ และโบอิ้งอยู่ที่นี่ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และได้ทำงานร่วมกับมาเลเซียแอร์ไลน์ส ตลอดจนทีมสืบสวนตั้งแต่วันอาทิตย์ (9) แต่ไม่เห็นมีใครพูดถึงประเด็นนี้เลย”

นอกจากนี้ เขากล่าวเสริมว่า จีนได้บอกมาเลเซียว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียมบนเว็บไซต์ของสำนักงานวิทยาศาสตร์ของทางการจีนนั้นถูกนำออกเผยแพร่ “อย่างผิดพลาด และไม่ได้แสดงให้เห็นซากเครื่องบินแต่อย่างใด”

*** ทัพเรือไทยเดินหน้าค้นหาซากMH370

พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยค้นหาเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง บี777-200 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน เอ็มเอช 370 ที่สูญหายไปว่า จากการลาดตระเวนของกองทัพเรือ ทั้งในทะเลฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน ขณะนี้ยังไม่พบสิ่งใดที่บอกเหตุว่าเครื่องบินจะตกลงบริเวณจุดใด แต่จะเดินหน้าค้นหาตามคำร้องขอของทางการมาเลเซีย และจะไม่ยกเลิกภารกิจดังกล่าว เพียงแต่ขณะนี้ ยังไม่เจอสิ่งใดที่เชื่อมโยงกับเครื่องบินลำที่หายไป

ส่วนสาเหตุการหายไปของเครื่องบินดังกล่าว ก็คงเหมือนข่าวต่างๆ ที่มีการนำเสนอในช่วงแรก ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุ ก่อการร้าย หรือ สาเหตุใด เนื่องจากยังไม่มีสิ่งใดบอกเหตุที่แน่ชัด ข่าวที่ออกมาในช่วงแรกก็ค่อนข้างสับสนในจุดที่ระบุว่า เครื่องบินดังกล่าวหายไปจากจอเรดาร์ ซึ่งทางการมาเลเซียก็ให้คำตอบไม่ชัดเจน อีกทั้งไม่มีการสรุปว่า แท้จริงแล้วเครื่องบินหายไปในบริเวณใด เป็นการบินวกกลับหรือไม่ อย่างไร

เมื่อถามว่าจะมีการปรับเปลี่ยนเรือ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจค้นหา ที่คาดว่าอาจจะใช้เวลาค้นหาเครื่องบินลำดังกล่าวที่ยืดเยื้อออกไปหรือไม่ พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ทางกองทัพเรือมีการเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว โดยจะใช้เรือที่มีดาดฟ้าจอดเฮลิคอปเตอร์ เข้ามาร่วมภารกิจ เพื่อให้ปฏิบัติการลาดตระเวนค้นหาเครื่องบินของมาเลเซียมีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งกองทัพเรือ จะเดินหน้าค้นหาในพื้นที่ฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามันต่อไป จนกว่าทางการมาเลเซียจะยกเลิก

ขณะที่ น.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม รองโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ในวันนี้ (13 มี.ค.) กองทัพเรือไทยมีแผนในการช่วยค้นหาเครื่องบินของมาเลเซียดังนี้ โดยทะเลฝั่งอันดามัน ทางทัพเรือภาคที่ 3 ได้ส่งเครื่องบินลาดตระเวนดอร์เนียร์ ค้นหาในพื้นที่เอสและอาร์ ที่เพดานบิน 2,000-3,000 ฟุต ระหว่างเวลา 08.45-12.00 น. โดยได้ประสานแจ้งให้ทางกองทัพเรือมาเลเซียได้ทราบ ส่วนด้านทะเลฝั่งอ่าวไทย ทางทัพเรือภาคที่ 2 ได้ส่งเครื่องบินลาดตะเวนดอร์เนีย บินลาดตะเวนค้นหาผู้ประสบภัยในทะเล บริเวณพื้นที่บีในเวลา 09.30-13.30 น. อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น