ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หลังจากโยกโย้โยนเรื่องให้ข้าราชการประจำเป็นแพะรับบาปลงนามเงินยืมงบกลาง 2 หมื่นล้านบาท จ่ายหนี้จำนำข้าวไม่สำเร็จ ในที่สุด นายกิติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ต้องยอมพลีชีพเซ็นอนุมัติเงินด้วยตัวเอง
เช่นเดียวกันกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่พล่ามรายวันขอความเป็นธรรม ขอเลื่อนการชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีถูกสอบทุจริตโครงการรับจำนำข้าว แต่สุดท้ายคาดว่าคงหนีไม่พ้นที่ต้องพลีชีพสังเวยให้กับโครงการจำนำข้าวที่ตัวเองใช้โพนทะนาหาเสียงจนได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นแน่แท้ ดังจะเห็นได้ว่า พรรคเพื่อไทย มีการวางตัวนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขึ้นเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีแทน หากการชี้มูลของป.ป.ช. ส่งผลให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในทันที
ความวิตกกังวลในคดีทุจริตจำนำข้าวองฟากรัฐบาล ยังเห็นได้จากการสร้างสถานการณ์กดดันการทำงานของ ป.ป.ช. ทั้งวางระเบิด ยิงเอ็ม 79 ส่งคนเสื้อแดงไปปิดล้อม รวมไปถึงข่มขู่คุกคามองค์กรอิสระ ศาล และสถานที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อป่วนเมือง เหมือนจะส่งสัญญาณว่าถ้าหากมีการตัดสินชี้ขาดออกมาไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ อย่าหวังว่าสังคมไทยจะได้อยู่กันอย่างสงบสุข ละม้ายคล้ายการอาฆาตพยาบาทสะท้อนนิสัยถาวรของผู้อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายของบ้านเมืองจนต้องร่อนเร่อยู่นอกประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ที่ว่า “ถ้าผมอยู่ไม่เป็นสุข ใครก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เป็นสุข”
อย่างไรก็ตาม เงินจำนวน 2 หมื่นล้านบาทก้อนนี้ จะนำไปจ่ายให้กับชาวนาที่ได้ใบประทวนที่รัฐบาลติดค้างอยู่ก่อนยุบสภาเท่านั้น นั่นหมายความว่า หนี้จำนำข้าวก้อนใหญ่แสนกว่าล้านที่ค้างชาวนาอยู่นับล้านรายทั่วประเทศ ยังมืดแปดด้านไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายให้ ที่สำคัญเงินจากการระบายข้าวในช่วงนี้ ก็ใช่ว่าจะสามารถนำไปใช้หนี้ชาวนาได้เพราะต้องเก็บกำเอาไปคืนงบกลางที่ยืมมาก่อน เนื่องจากการยืมเงินทดรองราชการจากงบกลางไปจ่ายให้ชาวนานั้น ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งเงื่อนไขให้รัฐบาลนำเงินที่ได้จากการขายข้าวมาคืนภายในวันที่ 31 พ.ค. นี้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ข้าราชการและนักการเมืองที่เป็นคนเซ็นอนุมัติเงินดังกล่าวทั้งในส่วนกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทางกฎหมาย
“คงหวังลมๆ แล้งๆ จากกองทุนช่วยเหลือชาวนาที่ขณะนี้มีเพียงแค่ราวพันล้านบาทไม่ได้ ผมเชื่อว่าการระบายข้าวไม่มีทางได้เงิน 1 แสนล้านบาท เพราะต้องนำเงินระบายข้าวนับจากนี้ไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค. 2557 ไปใช้หนี้งบกลาง อีกทั้งยังเป็นวงเงินที่ต้องชำระให้กับเกษตรกรที่มีใบประทวนก่อนวันที่ 9 ธ.ค. 2556 จึงต้องมีการตรวจสอบเพื่อไม่ให้มีการนำเงินไปให้เฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงตัวเอง และขอให้ชาวนาแจ้งมายังพรรคประชาธิปัตย์ หากชาวนาที่มีใบประทวนก่อนวันที่ 9 ธ.ค. 2557 แต่ไม่ได้รับเงินจ่ายหนี้จากรัฐบาล โดยพรรคพร้อมที่จะเป็นปากเป็นเสียงแทนชาวนาในการแจ้งเรื่องร้องเรียนไปยังกกต. ให้ติดตามการชำระหนี้ให้ชาวนาของรัฐบาลเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับชาวนา” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ จอมแฉเจ้าเก่าตามมาขย่มซ้ำ แถมยังเรียกร้องให้ กกต.ติดตามการระบายข้าวของรัฐบาลด้วยว่าจะสามารถนำเงินมาคืนได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดในวันที่ 31 พ.ค. 2557 หรือไม่
ทันทีที่มีข่าวเงิน 2 หมื่นล้านออกมา บรรดาชาวนาโดยเฉพาะกลุ่มที่รัฐบาลค้างค่าจำนำข้าวในฤดูกาลผลิต 2556/ 2557 ซึ่งรัฐบาลรับปากตั้งแต่ปีมะโว้ว่าจะได้เงินแน่ตามสัญญาตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 2557 ก็ตั้งตารอ พร้อมกับคำขู่ว่า หากยังไม่ชัดเจนว่าเงินจะถึงมือชาวนาเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะค้างเก่าหรือก้อนใหญ่อีกแสนล้านที่ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะนำเงินมาจากไหนก็ต้องทำให้ชัดเจนแล้ว โดยจะให้เวลาถึงวันที่ 25 มี.ค. นี้ ถ้ายังไม่มีคำตอบชัดเจน กลุ่มชาวนาในนามสหพันธ์เครือข่ายชาวนาไทย ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของชาวนาใน 5 ภูมิภาค 37 จังหวัด จะบุกกระทรวงการคลังเพื่อทวงคำตอบพร้อมกับนำข้าวเปลือกมาเทหน้ากระทรวงการคลังหรือสถานที่อื่นๆ อีกครั้งหนึ่งแน่ เรียกว่าติดตามทวงเงินกันทั้งปีจนกว่าจะได้ครบถ้วน
ท่าทีแข็งกร้าวของกลุ่มชาวนา ทำให้นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. รีบหารือกับแกนนำกลุ่มชาวนา นำโดย นายทวีศักดิ์ วีระศักดิ์ ประธานสหพันธ์เครือข่ายชาวนาไทย เพื่อชี้แจงขั้นตอนการจ่ายเงินตามใบประทวน โดยแต่ละสาขาจ่ายเงินให้กับชาวนาได้เฉลี่ย 4,000 ล้านบาทต่อวัน คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 วัน โดยเน้นจ่ายเงินจำนำข้าวให้กับชาวนาที่ได้รับใบประทวนก่อนวันที่ 9 ธ.ค. 2556 ซึ่งเป็นวันประกาศยุบสภาเท่านั้น คาดว่าจะมีชาวนาได้รับเงินประมาณ 100,000 ราย ส่วนชาวนามีใบประทวนหลังวันที่ 9 ธ.ค. 2556 เหลือ 800,000 ราย เป็นเงินคงค้าง 90,000 ล้านบาท รัฐบาลยังไม่สามารถหาแหล่งเงินมาจ่ายชาวนาได้
หลังการหารือกับธ.ก.ส.เสร็จเรียบร้อย แกนนำชาวนาได้ขอให้ชาวนามารวมตัวกัน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบกลางที่เหลืออีก 50,000 ล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายให้กับชาวนาที่ใบประทวนค้างอยู่ ขณะเดียวกัน ก็จะไปพบ กกต. เพื่อให้เห็นความสำคัญในการช่วยเหลือชาวนาพิจารณาอนุมัติใช้งบกลางมาจ่ายค่าจำนำข้าวเพิ่มเติม และรัฐบาลต้องการกู้เงินจากแหล่งต่างๆ กลุ่มผู้ชุมนุมก็ควรปล่อยให้ รัฐบาลหาแหล่งเงินอย่าไปขัดขวาง เพราะกลุ่มชาวนาต้องการทั้งปฏิรูปด้านเกษตรกรรมและต้องการให้มีการเลือกตั้ง จึงต้องการให้ทุกฝ่ายหันมาเจรจาเพื่อให้การหาเงินจำนำข้าวคืนแก่ชาวนาได้เร็วที่สุด
ขณะที่การติดตามทวงหนี้ยังต้องลุ้นลูกผีลูกคนรายวัน ชาวนาบางส่วนที่เริ่มเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังรอบใหม่ตั้งแต่เดือนมี.ค. และกำลังจะออกมาในเดือนเม.ย.นี้อีกจำนวนมากก็ต้องพบกับเคราะห์กรรมซวยซ้ำซวยซ้อน ถูกกดราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เหลือเพียงตันละประมาณ 4,000 - 5,000 บาท เพราะการเร่งระบายข้าวของรัฐบาลที่ตันละ 9 พันบาท เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาตก และอีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะการกดราคาของโรงสีที่อ้างว่าผู้ส่งออกไม่ซื้อข้าวเนื่องจากราคาข้าวสารในตลาดโลกตกต่ำเหลือเพียงตันละ 11,000 บาท หลังผลผลิตจากอินเดีย และเวียดนาม ออกสู่ตลาด
มีคำยืนยันจาก นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนา และเกษตรกรไทย ที่ว่า ชาวนาจำใจต้องขายข้าวเปลือกขาดทุน เนื่องจากพ่อค้านั้นไม่ยอมรับซื้อ ซึ่งเข้าใจว่าข้าวเก่าในสต๊อกรัฐยังมีอยู่มาก ขณะที่แนวทางช่วยเหลือชาวนา เช่น การพักชำระหนี้ให้ชาวนายังไม่มีความชัดเจน ขณะที่ต้นทุนทำนาสูงขึ้น เพราะขาดแคลนน้ำ จึงมีรายจ่ายค่าวิดน้ำ ค่าน้ำมัน และยาปราบศัตรูพืช ทั้งนี้ต้นทุนปลูกข้าวของชาวนาอยู่ที่ตันละ 6,000 - 7,000 บาท แม้ข้าวเปลือกความชื้น 15% มีราคาตันละ 7,500 บาท แต่ว่าข้อเท็จจริงข้าวที่เกี่ยวจะมีความชื้น 25-30% จะขายได้เพียงตันละ 4,500 - 5,000 บาทเท่านั้น
สภาพความเป็นจริงและคำยืนยันของชาวนาสวนทางกับสิ่งที่นายนิวัตธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อวดโอ่ว่า โครงการจำนำข้าวสามารถทำให้ราคาข้าวในตลาดสูงขึ้น
โครงการจำนำข้าวของรัฐบาล ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้ราคาข้าวในตลาดตกต่ำลงเท่านั้น “คุณหมอจอมแฉ” ยังออกมาแฉซ้ำว่า ผลพวงจากการระบายข้าวของรัฐบาลยังมีเรื่องข้าวเสื่อมสภาพ ทำให้ต้องระบายข้าวในราคาถูก เป็นการนำเงินประชาชนไปปู้ยี่ปู้ยำ ทั้งยังมีกระบวนการทุจริตทิ้งทวนแทนที่จะเอาข้าวไปปรับปรุงคุณภาพ กลับมีการนำข้าวไปเวียนเทียน ส่งในโกดังรัฐบาลในโครงการ 56/57 จึงเรียกร้องไปยัง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) และ ป.ป.ช. สอดส่องดูแลการระบายข้าวทุกแห่ง
“ผมยินดีให้ข้อมูลจะได้จับแบบคาหนังคาเขา และขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะ ประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.) รวมทั้งทีมรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องข้าว ให้ออกมาชี้แจงถึงปัญหาการเวียนเทียนข้าวที่เกิดขึ้น เพราะหากปล่อยไปเช่นนี้อาจได้เห็นว่า ต้องนำข้าวไปทำปุ๋ยในอนาคต เนื่องจากข้าวในขณะนี้กลายเป็นข้าวฟันหนู ซึ่งมองเห็นชัดเจนว่าไม่ใช่ข้าวในโครงการ 55/56 ตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่มีการนำข้าวเก่ามายัดไส้แล้วนำข้าวใหม่ไปขาย ถือเป็นการเวียนเทียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ กำลังจะติดคุกจากการโกงจำนำข้าวแล้ว แต่ก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมโกงโดยร่วมกันเป็นขบวนการ และมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง” น.พ.วรงค์ เน้นย้ำให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
ถึงเวลานี้ โครงการจำนำข้าว กำลังแปรสภาพจากประชานิยมกลายเป็นชนวนเหตุที่นำไปสู่จุดจบของนางสาวยิ่งลักษณ์และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอีกไม่ช้า