วันศุกร์นี้ (21 มี.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ว่า การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ผมว่า ภาระอันหนักอึ้งก็จะตกอยู่กับมวลมหาประชาชนมากกว่าว่าจะเดินไปทางไหน
ถ้าการเลือกตั้งไม่โมฆะ กกต.ก็ต้องเดินหน้าเลือกตั้ง 28 เขตที่เหลือต่อไป ก็ต้องถามว่า กปปส.จะยืนหยัดคัดค้านอย่างถึงที่สุดหรือไม่ แต่ถ้าศาลชี้ว่าเลือกตั้งเป็นโมฆะทอดเวลาไปสักระยะหนึ่งรัฐบาลรักษาการก็จะต้องประกาศพ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ ถึงตอนนั้นจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ กปปส.และ ปชป.ว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป
มองไม่เห็นเลยว่า ช่องทางไหนที่จะทำให้เกิดสุญญากาศ เพื่อนำไปสู่นายกฯ คนกลาง ตั้งสภาประชาชนเพื่อปฏิรูปการเมืองอย่างที่มวลมหาประชาชนคาดหวังตามธงนำของ กปปส.เพราะต่อให้ ป.ป.ช.ชี้มูลยิ่งลักษณ์จากกรณีทุจริตจำนำข้าว รัฐบาลรักษาการก็ยังคงอยู่ ถึงตอนนั้นก็คงมี ส.ว.ชุดใหม่แล้ว มองไม่เห็นเลยว่า เป้าหมายแห่งความสำเร็จปฏิรูปก่อนเลือกตั้งของมวลมหาประชาชนที่ลงทุนลงแรงมาหลายเดือนจะบรรลุผลได้อย่างไร
อย่าเพิ่งโกรธผมนะครับว่า ไม่เอาใจช่วย กปปส.เพราะผมยืนข้างฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณเต็มตัว และยืนหยัดต่อต้านระบอบทักษิณมาหลายปีแล้ว แต่ต้องพูดเช่นนี้เพราะเมื่อกางแผนผังลายแทงออกมาแล้ว ผมมองไม่ออกเลยว่า ในระยะเวลานี้ฝ่ายเราจะเป็นฝ่ายกำชัยโค่นล้มระบอบทักษิณลงได้อย่างไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมไม่เชื่อว่า ถ้าเลือกตั้งเป็นโมฆะแล้ว มีพ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่พรรคประชาธิปัตย์จะยังยืนยันที่จะบอยคอตการเลือกตั้งต่อไป
แม้จะเอาใจช่วยให้ฝ่ายเราประสบชัยชนะในการต่อสู้กับระบอบทักษิณ แต่เราก็ต้องมองโลกและวิเคราะห์สถานการณ์อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงด้วย
ต้องยอมรับความจริงนะครับว่า ถึงตอนนี้ กปปส.เองก็เหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว มวลชนก็ร่อยหรอลง แม้ว่ากำนันจะเรียกระดมมวลชนอีกครั้งผมก็เชื่อว่าไม่เหมือนเดิมแล้ว และถ้าต้องเลือกตั้งใหม่ กำนันจะมีพลังกดดันมากพอที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันการบอยคอตเลือกตั้งใหม่ เหมือนการบอยคอตเลือกตั้งครั้งแรกหรือไม่
องค์กรอิสระและศาลที่กำลังทำงานนั้น ดูเหมือนจะทำให้ระบอบทักษิณชะงักไปได้นิดหนึ่งเท่านั้น แต่สุดท้ายหนทางเดินมันก็ต้องกลับไปสู่กลไกที่วางไว้แล้ว คือ สู้กันในสนามเลือกตั้ง
ยากเหลือเกินครับที่จะปฏิเสธการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งเป็นการเดินไปสู่เกมที่ฝ่ายระบอบทักษิณได้เปรียบ เพราะทักษิณพูดอย่างมั่นใจออกมาแล้วว่า ถ้าเลือกตั้งฝ่ายเขาก็จะชนะอีก และผมคิดว่าถึงศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ให้เลือกตั้งเป็นโมฆะมวลชนของทักษิณก็จะไม่ลุกฮือ เพราะเขาเชื่อว่า หมากเกมต่อไปความกดดันจะกลับไปอยู่ที่ กปปส. และ ปชป.มากกว่า
เพียงแต่ความเชื่อของผมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นใหม่ ระบอบทักษิณจะไม่ชนะแบบขาดลอยเหมือนเดิมอีกแล้ว และค่อนข้างมั่นใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ถึงแม้จะแพ้เลือกตั้งก็น่าจะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น
คำถามว่า ถ้าการเมืองถูกผลักดันให้เข้าสู่โหมดเลือกตั้งจริงๆ มวลมหาประชาชนและฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณจะทำอย่างไร
สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อว่า ระบอบทักษิณจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ แม้ว่าอาจจะชนะในการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้อีก เพราะเมื่อมีอำนาจระบอบทักษิณก็จะพิสูจน์ตัวเองว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่แท้จริง ระบอบทักษิณใช้เสียงข้างมากอย่างเหิมเกริมปิดปากเสียงข้างน้อยที่จะสร้างแรงปะทุของสังคมให้ลุกขึ้นมาต่อต้าน เหมือนกับความพยายามที่จะออกพ.ร.บ.ลักหลับเหมาเข่ง จนทำให้ทั้งสังคมต้องลุกฮืออย่างที่ผ่านมา
พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นพรรคมวลชนที่แท้จริง แต่เป็นพรรคนายทุนตั้งที่อำนาจชี้ขาดสั่งการอยู่ที่คนคนเดียว เป้าหมายของพรรคมีเพียงต้องการให้ได้อำนาจรัฐมาเพื่อลบล้างความผิดให้กับทักษิณ หรืออย่างน้อยก็ให้ตระกูลชินวัตรของทักษิณได้มีอำนาจเพื่อหาทางพาทักษิณกลับมาตายที่บ้าน และใช้อำนาจรัฐแสวงหาประโยชน์ โดยหลอกใช้มวลชนที่งมงายกับนโยบายประชานิยมรัฐบาลของทักษิณหยิบยื่นให้
แต่ประเด็นคือ พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนั้น เป็นพรรคที่เป็นความหวังของมวลชนได้หรือไม่ บอกตรงๆ นะครับว่า ผมยังมองไม่เห็น และค่อยข้างแปลกใจว่า ในภาวะที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคของทักษิณซ้ำซากมาเป็น 10 ปี ทำไมพรรคจึงไม่รับข้อเสนอปฏิรูปเพื่อปรับเปลี่ยนองค์กรของอลงกรณ์ พลบุตร
ต้องยอมรับว่า ในทางสากลเราปฏิเสธการเลือกตั้งยาก แม้ว่า การเลือกตั้งจะไม่ใช่ทั้งหมดของระบอบประชาธิปไตย เราปฏิเสธ 1 คน 1 เสียงได้ยาก แม้เราจะรู้ว่า พื้นฐานของคนไม่เท่าเทียมกัน และระบอบทักษิณใช้ช่องว่างจากความไม่เท่าเทียมกันของคน ใช้ความไม่รู้มาเป็นเครื่องมือในการมอมเมาชนชั้นล่างให้เสพติดนโยบายประชานิยม และสร้างค่านิยมว่า โกงไม่เป็นไรขอให้มีผลงาน และผลงานในระดับความรับรู้ของชาวบ้านก็คือ นโยบายประชานิยมที่ทักษิณหยิบยื่นเศษเนื้อให้พวกเขานั่นเอง
ทางออกทางเดียวของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณเท่าที่ผมมองเห็นก็คือ การให้ความรู้กับประชาชน การเกิดขึ้นของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น สร้างแรงกระเพื่อมให้ระบอบทักษิณได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ผมคิดว่า การก่อเกิดของมวลมหาประชาชนภายใต้การนำของ กปปส.ในห้วงนี้ น่าจะเป็นโอกาสสำคัญที่จะขยายแนวร่วมต่อต้านระบอบทักษิณได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่า อาจจะยังไม่สามารถชนะระบอบทักษิณในเกมเลือกตั้ง 1 คน 1 เสียงได้ แต่ผมคิดว่า สามารถบั่นทอนระบอบทักษิณได้มากพอสมควร
อย่างน้อยตอนนี้ทำให้ชาวนาซึ่งเป็นชนชั้นล่างของสังคมได้เข้าใจแล้วว่า นโยบายประชานิยมนั้น ไม่ใช่นโยบายที่สร้างความยั่งยืนให้แก่วิถีชีวิตของพวกเขา แต่กลับสร้างความล่มจมให้กับพวกเขามากกว่า
กปปส.ทำให้สังคมตระหนักว่า ตอนนี้เราต้องเข้าสู่โหมดปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปกลายเป็นกระแสหลักที่ไม่มีใครปฏิเสธได้อีกแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคการเมืองหลักๆ ทุกพรรคแม้แต่พรรคของทักษิณก็หาเสียงด้วยการเสนอแนวทางปฏิรูป
ดังนั้น ตอนนี้เรามีความต่างกันที่จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือหลังเลือกตั้งเท่านั้นเอง
ต้องถือว่าอย่างน้อยนี่ก็เป็นเป้าหมายที่ กปปส.และมวลมหาประชาชนประสบชัยชนะ แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ พูดง่ายๆ ก็คือ แม้จะโค่นระบอบทักษิณลงไม่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่ทำให้ระบอบทักษิณอ่อนล้าลง และต้องขานรับการปฏิรูปการเมืองที่มวลมหาประชาชนเรียกร้อง
ดังนั้น ผมคิดว่า ทางออกสำคัญถ้าเราไม่สามารถปฏิเสธการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้ก็คือ การทำสัตยาบันร่วมกันของพรรคการเมืองทุกพรรค ว่าหลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ต้องจัดตั้งองค์กรขึ้นมาเป็นคณะทำงานปฏิรูปประเทศโดยไม่มีนักการเมืองทุกพรรคเข้าร่วมในคณะทำงานชุดนี้ เมื่อเสร็จแล้วให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ภายใต้กติกาใหม่
นี่เป็นข้อเสนอหนึ่งถ้าเราต้องเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เว้นเสียแต่ว่า กปปส.มวลมหาประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์จะยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคงว่า ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเท่านั้นครับ
ถ้าการเลือกตั้งไม่โมฆะ กกต.ก็ต้องเดินหน้าเลือกตั้ง 28 เขตที่เหลือต่อไป ก็ต้องถามว่า กปปส.จะยืนหยัดคัดค้านอย่างถึงที่สุดหรือไม่ แต่ถ้าศาลชี้ว่าเลือกตั้งเป็นโมฆะทอดเวลาไปสักระยะหนึ่งรัฐบาลรักษาการก็จะต้องประกาศพ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ ถึงตอนนั้นจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ กปปส.และ ปชป.ว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป
มองไม่เห็นเลยว่า ช่องทางไหนที่จะทำให้เกิดสุญญากาศ เพื่อนำไปสู่นายกฯ คนกลาง ตั้งสภาประชาชนเพื่อปฏิรูปการเมืองอย่างที่มวลมหาประชาชนคาดหวังตามธงนำของ กปปส.เพราะต่อให้ ป.ป.ช.ชี้มูลยิ่งลักษณ์จากกรณีทุจริตจำนำข้าว รัฐบาลรักษาการก็ยังคงอยู่ ถึงตอนนั้นก็คงมี ส.ว.ชุดใหม่แล้ว มองไม่เห็นเลยว่า เป้าหมายแห่งความสำเร็จปฏิรูปก่อนเลือกตั้งของมวลมหาประชาชนที่ลงทุนลงแรงมาหลายเดือนจะบรรลุผลได้อย่างไร
อย่าเพิ่งโกรธผมนะครับว่า ไม่เอาใจช่วย กปปส.เพราะผมยืนข้างฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณเต็มตัว และยืนหยัดต่อต้านระบอบทักษิณมาหลายปีแล้ว แต่ต้องพูดเช่นนี้เพราะเมื่อกางแผนผังลายแทงออกมาแล้ว ผมมองไม่ออกเลยว่า ในระยะเวลานี้ฝ่ายเราจะเป็นฝ่ายกำชัยโค่นล้มระบอบทักษิณลงได้อย่างไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมไม่เชื่อว่า ถ้าเลือกตั้งเป็นโมฆะแล้ว มีพ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่พรรคประชาธิปัตย์จะยังยืนยันที่จะบอยคอตการเลือกตั้งต่อไป
แม้จะเอาใจช่วยให้ฝ่ายเราประสบชัยชนะในการต่อสู้กับระบอบทักษิณ แต่เราก็ต้องมองโลกและวิเคราะห์สถานการณ์อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงด้วย
ต้องยอมรับความจริงนะครับว่า ถึงตอนนี้ กปปส.เองก็เหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว มวลชนก็ร่อยหรอลง แม้ว่ากำนันจะเรียกระดมมวลชนอีกครั้งผมก็เชื่อว่าไม่เหมือนเดิมแล้ว และถ้าต้องเลือกตั้งใหม่ กำนันจะมีพลังกดดันมากพอที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันการบอยคอตเลือกตั้งใหม่ เหมือนการบอยคอตเลือกตั้งครั้งแรกหรือไม่
องค์กรอิสระและศาลที่กำลังทำงานนั้น ดูเหมือนจะทำให้ระบอบทักษิณชะงักไปได้นิดหนึ่งเท่านั้น แต่สุดท้ายหนทางเดินมันก็ต้องกลับไปสู่กลไกที่วางไว้แล้ว คือ สู้กันในสนามเลือกตั้ง
ยากเหลือเกินครับที่จะปฏิเสธการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งเป็นการเดินไปสู่เกมที่ฝ่ายระบอบทักษิณได้เปรียบ เพราะทักษิณพูดอย่างมั่นใจออกมาแล้วว่า ถ้าเลือกตั้งฝ่ายเขาก็จะชนะอีก และผมคิดว่าถึงศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ให้เลือกตั้งเป็นโมฆะมวลชนของทักษิณก็จะไม่ลุกฮือ เพราะเขาเชื่อว่า หมากเกมต่อไปความกดดันจะกลับไปอยู่ที่ กปปส. และ ปชป.มากกว่า
เพียงแต่ความเชื่อของผมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นใหม่ ระบอบทักษิณจะไม่ชนะแบบขาดลอยเหมือนเดิมอีกแล้ว และค่อนข้างมั่นใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ถึงแม้จะแพ้เลือกตั้งก็น่าจะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น
คำถามว่า ถ้าการเมืองถูกผลักดันให้เข้าสู่โหมดเลือกตั้งจริงๆ มวลมหาประชาชนและฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณจะทำอย่างไร
สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อว่า ระบอบทักษิณจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ แม้ว่าอาจจะชนะในการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้อีก เพราะเมื่อมีอำนาจระบอบทักษิณก็จะพิสูจน์ตัวเองว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่แท้จริง ระบอบทักษิณใช้เสียงข้างมากอย่างเหิมเกริมปิดปากเสียงข้างน้อยที่จะสร้างแรงปะทุของสังคมให้ลุกขึ้นมาต่อต้าน เหมือนกับความพยายามที่จะออกพ.ร.บ.ลักหลับเหมาเข่ง จนทำให้ทั้งสังคมต้องลุกฮืออย่างที่ผ่านมา
พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นพรรคมวลชนที่แท้จริง แต่เป็นพรรคนายทุนตั้งที่อำนาจชี้ขาดสั่งการอยู่ที่คนคนเดียว เป้าหมายของพรรคมีเพียงต้องการให้ได้อำนาจรัฐมาเพื่อลบล้างความผิดให้กับทักษิณ หรืออย่างน้อยก็ให้ตระกูลชินวัตรของทักษิณได้มีอำนาจเพื่อหาทางพาทักษิณกลับมาตายที่บ้าน และใช้อำนาจรัฐแสวงหาประโยชน์ โดยหลอกใช้มวลชนที่งมงายกับนโยบายประชานิยมรัฐบาลของทักษิณหยิบยื่นให้
แต่ประเด็นคือ พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนั้น เป็นพรรคที่เป็นความหวังของมวลชนได้หรือไม่ บอกตรงๆ นะครับว่า ผมยังมองไม่เห็น และค่อยข้างแปลกใจว่า ในภาวะที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคของทักษิณซ้ำซากมาเป็น 10 ปี ทำไมพรรคจึงไม่รับข้อเสนอปฏิรูปเพื่อปรับเปลี่ยนองค์กรของอลงกรณ์ พลบุตร
ต้องยอมรับว่า ในทางสากลเราปฏิเสธการเลือกตั้งยาก แม้ว่า การเลือกตั้งจะไม่ใช่ทั้งหมดของระบอบประชาธิปไตย เราปฏิเสธ 1 คน 1 เสียงได้ยาก แม้เราจะรู้ว่า พื้นฐานของคนไม่เท่าเทียมกัน และระบอบทักษิณใช้ช่องว่างจากความไม่เท่าเทียมกันของคน ใช้ความไม่รู้มาเป็นเครื่องมือในการมอมเมาชนชั้นล่างให้เสพติดนโยบายประชานิยม และสร้างค่านิยมว่า โกงไม่เป็นไรขอให้มีผลงาน และผลงานในระดับความรับรู้ของชาวบ้านก็คือ นโยบายประชานิยมที่ทักษิณหยิบยื่นเศษเนื้อให้พวกเขานั่นเอง
ทางออกทางเดียวของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณเท่าที่ผมมองเห็นก็คือ การให้ความรู้กับประชาชน การเกิดขึ้นของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น สร้างแรงกระเพื่อมให้ระบอบทักษิณได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ผมคิดว่า การก่อเกิดของมวลมหาประชาชนภายใต้การนำของ กปปส.ในห้วงนี้ น่าจะเป็นโอกาสสำคัญที่จะขยายแนวร่วมต่อต้านระบอบทักษิณได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่า อาจจะยังไม่สามารถชนะระบอบทักษิณในเกมเลือกตั้ง 1 คน 1 เสียงได้ แต่ผมคิดว่า สามารถบั่นทอนระบอบทักษิณได้มากพอสมควร
อย่างน้อยตอนนี้ทำให้ชาวนาซึ่งเป็นชนชั้นล่างของสังคมได้เข้าใจแล้วว่า นโยบายประชานิยมนั้น ไม่ใช่นโยบายที่สร้างความยั่งยืนให้แก่วิถีชีวิตของพวกเขา แต่กลับสร้างความล่มจมให้กับพวกเขามากกว่า
กปปส.ทำให้สังคมตระหนักว่า ตอนนี้เราต้องเข้าสู่โหมดปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปกลายเป็นกระแสหลักที่ไม่มีใครปฏิเสธได้อีกแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคการเมืองหลักๆ ทุกพรรคแม้แต่พรรคของทักษิณก็หาเสียงด้วยการเสนอแนวทางปฏิรูป
ดังนั้น ตอนนี้เรามีความต่างกันที่จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือหลังเลือกตั้งเท่านั้นเอง
ต้องถือว่าอย่างน้อยนี่ก็เป็นเป้าหมายที่ กปปส.และมวลมหาประชาชนประสบชัยชนะ แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ พูดง่ายๆ ก็คือ แม้จะโค่นระบอบทักษิณลงไม่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่ทำให้ระบอบทักษิณอ่อนล้าลง และต้องขานรับการปฏิรูปการเมืองที่มวลมหาประชาชนเรียกร้อง
ดังนั้น ผมคิดว่า ทางออกสำคัญถ้าเราไม่สามารถปฏิเสธการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้ก็คือ การทำสัตยาบันร่วมกันของพรรคการเมืองทุกพรรค ว่าหลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ต้องจัดตั้งองค์กรขึ้นมาเป็นคณะทำงานปฏิรูปประเทศโดยไม่มีนักการเมืองทุกพรรคเข้าร่วมในคณะทำงานชุดนี้ เมื่อเสร็จแล้วให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ภายใต้กติกาใหม่
นี่เป็นข้อเสนอหนึ่งถ้าเราต้องเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เว้นเสียแต่ว่า กปปส.มวลมหาประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์จะยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคงว่า ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเท่านั้นครับ
