นายกฯ บอกอยากให้น้อมนำพระราชดำรัส ถ้าทำตามหน้าที่ปัญหาคลี่คลาย ตอก 6 องค์กรเสนอให้เปิดชื่อคนกลางไร้ประโยชน์ ชี้เจรจาต้องมีแนวทางชัดเจน ปัดตั้งเงื่อนไข กปปส.เลิกม็อบก่อนค่อยเจรจา แผ่นเสียงตกร่องบอกอยู่เพื่อรักษาประชาธิปไตย อีกด้านสั่ง ศรส.ไล่ล่าฝ่ายตรงข้ามที่มีคดีติดตัวดำเนินคดีโดยเร็ว
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณี 6 องค์กรอิสระเสนอให้ฝ่ายรัฐบาลและ กปปส.เสนอชื่อคนกลางมาเจรจาว่า จากฟังที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ก็บอกว่าจะไม่ส่งคนกลางเจรจา เพราะฉะนั้นก็จะไม่มีประโยชน์ อย่างน้อยอยากให้น้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาว่า พวกเราทุกคนต้องทำหน้าที่ของตนเองให้เต็มที่ ถ้าตราบใดที่เราทำหน้าที่ของตนเอง ยึดกติกา ให้ความยุติธรรม เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายได้
เมื่อถามว่า คิดว่ากองทัพจะเป็นคนกลางในการเจรจาได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ให้กติกาดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า ถ้า กปปส.ยกเลิกการชุมนุมจะเดินหน้าเจรจาได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้น และขอทำความเข้าใจว่าตนไม่เคยมีเงื่อนไขว่าผู้ชุมนุมต้องกลับบ้านก่อน ถ้าจำได้ตนให้สัมภาษณ์ว่าถ้าผู้ชุมนุมมีใจจะเลิกชุมนุมจะได้มาช่วยกันคุย แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องกลับบ้านก่อนแล้วค่อยคุย หรือเลือกตั้งให้เสร็จก่อนแล้วค่อยคุย เพราะจริงแล้วคุยกันเป็นสิ่งที่ดีช่วยกันหาทางออก แต่ไม่สามารถจะบอกได้ว่าต้องทำข้อนั้น ข้อนี้ ความจริงการพูดคุยนั้นต้องเป็นการมาคุยเพื่อให้มีแนวทางที่เป็นเส้นขนานเข้าหากันไม่ได้ ค่อยๆ ขยับเข้ามา แล้วค่อยๆ พัฒนา ตอนนั้นที่บอกว่าถ้าจะเจรจาต้องหลักกติกาเดียวกันก่อนว่า ในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาลก็คงไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญได้ อยากทำในกติกาที่เป็นไปได้ ทุกคนมีใจร่วมกันแก้ไขปัญหาเพื่อความสงบ เพื่อให้บ้านเมืองเดินได้ จึงได้พูดตรงนั้น ไม่ได้บอกว่าต้องเป็นเงื่อนไขทั้งหมด ถ้าไม่มีเงื่อนไขแล้วจะไม่เจรจา
เมื่อถามว่า หาก กปปส.ยืนยันจุดเดิมคือปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง นายกฯ ตอบว่า เพิ่งตอบไปเองว่าไม่ใช่เงื่อนไข อะไรคุยกันได้ก็คุย
เมื่อถามว่า นายกฯ มองว่ามีแนวทางอะไรที่ทำให้เส้นขนาสองเส้นเดินไปด้วยกันได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การเป็นตัวกลาง การทำอย่างไรให้แนวคิดทั้งสองฝ่าย สามารถมีบางยุดที่เชื่อมโยงกัน ถ้าเราบอกว่าเงื่อนไขทั้งหมดต่างกัน 5 ข้อ หรือหลายข้อที่ไม่บรรจบ แต่อย่างน้อยหาสักข้อหนึ่งพูดคุยกันได้ไหม สิ่งที่อยากเห็นคือความสงบ ทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ ให้ความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกัน ถ้าเสมอภาค ยึดกติกาให้เป็นกติกา ใครที่รักษากติกาให้ยึดเป็นกติกา มันก็จะทำให้ความแตกต่างลดลงไป
เมื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่มีคนกลางช่วยเจรจาแก้ไขปัญหา น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า มีคนกลางดีอยู่แล้ว แต่ต้องมีแนวทางในการพูดคุย และมีทางออกด้วยที่มันเป็นไปได้ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นต้องย้อนกลับไปมอง ต้องทำความเข้าใจ ไม่ใช่มาวันนี้เพื่อมาจะต่อรอง อย่างที่เรียนแล้วไม่ได้ยึดติดกับอำนาจ ความชอบธรรม คืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ประชาชนด้วยการเลือกตั้ง แต่เนื่องจากมีการขัดขวางการเลือกตั้ง ไม่สามารถดำเนินการไปได้ตามกรอบรัฐธรรมนูญ ก็จะเจอปัญหาที่ค้างกันมาถึงทุกวันนี้ และที่ตนอยู่ในตำแหน่งนี้ เพราะตามกฏหมายต้องให้รักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ และประการที่สองตนอยู่เพื่อรักษาประชาธิปไตย เพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยดำรงอยู่ ตนขอยืนยันว่าไม่ได้อยู่เพื่อจะยึดอำนาจ และใช้ตัวเองเป็นอำนาจเพื่อให้ประชาชนที่มีความเดือดร้อน ตนพร้อมเสมอที่จะทำอย่างไรให้มีการส่งมอบให้กับรัฐบาลใหม่โดยเร็ว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวถึงการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกลับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงว่า วันนี้ ครม.ได้อนุมัติใหัมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ซึ่งหลายท่านก็เรียกร้องให้เกิดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ เอกชน และการท่องเที่ยว ครม. จึงเห็นชอบให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแทน ถามว่ามั่นใจหรือไม่ก็ชัดเจนว่า จริงๆ แล้วปัญหาที่ตามมา พิสูจน์ได้ว่าความรุนแรงไม่ได้แก้ปัญหา ดังนั้นการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงนี้จะเน้นในเรื่องการบังคับกฏหมาย การยึดกฎหมายเป็นหลัก และที่สำคัญ ครม.ได้มีการย้ำโดยเฉพาะทางด้านศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ในเรื่องการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในการเร่งดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดในคดีต่างๆ เพื่อให้เกิดความกระจ่าง ความชัดเจน และนำรูปการณ์นั้นมาดำเนินคดีโดยเร็ว