“สาทิตย์” ยืนยัน กปปส.ไม่หวั่นไหวแม้ 19 แกนนำถูกออกหมายจับฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังเดินหน้าเคลื่อนไหวโค่นระบอบทักษิณ ปิดสถานที่ราชการตามแผนต่อ ชี้ตัวเลขผู้ไม่ออกไปเลือกตั้งมากกว่าครึ่งของผู้มีสิทธิสื่อประชาชนต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
วันนี้ (5 ก.พ.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ปราศรัยบนเวทีแยกปทุมวัน ระบุว่า แกนนำ กปปส.19 คนไม่มีใครหวั่นไหวต่อกรณีที่ศาลอนุมัติออกหมายจับแกนนำกระทำผิดข้อหาผ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นขอต่อศาล ซึ่งขณะนี้ทนายความได้อยู่ที่ศาลเพื่อขอยื่นอุทธรณ์ โดยที่ผ่านมานายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้ถูกออกหมายจับมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังยืนหยัดที่จะสู้ต่อไปเพราะฉะนั้นการออกหมายจับวันนี้จึงไม่มีผลใดๆ พร้อมย้ำจะเดินหน้าชุมนุมต่อไป ซึ่งแกนนำจะไม่หลบหนี แต่ที่ยังไม่เข้ามอบตัวเพราะการชุมนุมยังไม่บรรลุเป้าหมาย และทันทีที่นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งแกนนำทั้งหมดจะเดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ทันที
นายสาทิตย์กล่าวว่า การออหหมายจับถือเป็นเรื่องปกติและการออกหมายจับครั้งนี้ไม่มีผลใดๆ กับ กปปส. แต่กลับจะเป็นตัวเร่งที่จะไล่รัฐบาลให้ออกเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุร้ายแรง ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในชั้นศาลต้องว่าไปตามขบวนการกฎหมาย และยืนยันการต่อสู้จะยังดำรงคงอยู่ต่อไปและจะเข้มข้นมากขึ้น แกนนำทุกคนสู้เกินล้านแพ้ไม่ได้ต้องชนะอย่างเดียว
ขณะที่นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.ยืนยันยังจะเดินหน้าไปปิดสถานที่ราชการต่อไป เพื่อขับไล่ระบอบทักษิณ แม้จะถูกออกหมายจับ โดยไม่กลัวถูกจับ ซึ่ง กปปส.ก็จะวางมาตราการความปลอดภัยในการเคลื่อนไหวอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันยังกล่าวถึงยอดสรุปตัวเลขจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งของ กกต. ซึ่งมีผู้ไม่ออกไปใช้สิทธิมากถึง 15 ล้านเสียง และผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกตั้ง 3.3 ล้าน รวมทั้งยังมีบัตรเสียกว่า 7 แสนเสียง รวมเป็น 19 ล้านเสียง ซึ่งมากกว่าผู้ที่ออกมาใช้สิทธิเลือกพรรคการเมือง 14 ล้านเสียง แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง