xs
xsm
sm
md
lg

การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง : ความหวังที่คนไทยรอคอย

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

ในขณะนี้คนไทยคนไหนไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้ฟัง ไม่เคยได้อ่านคำว่า ปฏิรูปประเทศ เรียกได้ว่าตกยุคก็คงไม่เกินความจริงนัก ทั้งนี้ด้วยเหตุผลในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้

1. ได้มีการนำคำนี้มาใช้ในงานของส่วนราชการมาแล้ว เช่น การปฏิรูปที่ดิน เป็นต้น อันหมายถึงการจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร และใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

2. ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ พธม.ได้มีการเสนอแนวทางการปฏิรูปประเทศในหลายด้าน แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดในระดับปฏิบัติการ

3. ในการชุมนุมของ กปปส.มวลมหาประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง โดยเสนอให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และไม่ตั้งผู้ใดมาแทนเพื่อเปิดทางให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ และสภาฯ เฉพาะกาลขึ้นมาทำการปฏิรูปประเทศ โดยใช้เวลาระยะหนึ่งแล้วจัดให้มีการเลือกตั้ง ทั้งนี้ เพื่อเป็นหลักประกันว่าประเทศจะได้รัฐบาลที่มีความสามารถ และเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมเข้ามาบริหารประเทศ

4. รัฐบาลรักษาการภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเอง ก็โหนกระแสการปฏิรูป โดยการเสนอให้มีการปฏิรูปควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง โดยให้แต่งตั้งกรรมการปฏิรูปขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าจะล้มเหลวเพราะประชาชนและพรรคการเมืองฝ่ายค้านคือ พรรคประชาธิปัตย์ไม่สนใจให้ความร่วมมือ เพราะเห็นว่าไม่มีความจริงใจ

โดยนัยแห่งปัจจัย 4 ประการดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่าคำว่า ปฏิรูปประเทศในปัจจุบันเป็นที่รู้จัก และได้รับความสนใจในหมู่ประชาชนแล้วอย่างกว้างขวาง เพียงแต่รอให้ถึงกาลเวลาที่จะเกิดขึ้นจริงๆ เท่านั้น

การปฏิรูปหมายถึงทำอย่างไร และทำไมต้องทำก่อนเลือกตั้ง และมีข้อดีข้อเสียจากการปฏิรูปหลังเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งควบคู่ไปกับการเลือกตั้งอย่างไร?

คำว่า ปฏิรูปเป็นภาษามคธ หรือที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่าภาษาบาลี ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงภาษาบาลีมิได้มีปรากฏในหมู่ชนชาวอินเดีย แต่ที่คนไทยเรียกก็ด้วยเหตุว่าแต่เดิมนั้น คัมภีร์ของพุทธศาสนาซึ่งเป็นภาษามคธปรากฏอยู่ในใบลานซึ่งตรงกับคำว่า ปาลิ หรือใบลาน

ส่วนความหมายของคำว่า ปฏิรูปมาจากคำสองคำคือ ปฏิ ซึ่งเป็นอุปสรรคคือใช้เติมข้างหน้าคำให้มีความหมายแตกต่างไปจากเดิม แปลว่า ทั่ว ยิ่ง กลับความ ในที่นี้แปลว่ายิ่ง และคำว่า รูป แปลว่า ร่างหรือโครง เมื่อคำสองคำมีความหมายตามตัวอักษรว่า ร่างหรือโครงที่ดีกว่าเดิม

โดยนัยแห่งความหมายนี้ การปฏิรูปประเทศไม่ว่าในด้านใด ก็หมายถึงการทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยการเปลี่ยนแปลงด้วยการเพิ่มส่วนเสริมที่ทำให้ดีขึ้น แต่ยังคงโครงหรือร่างอันเป็นหลักไว้ และตรงกับคำว่า Reform ในภาษาอังกฤษซึ่งมีความหมายในทำนองเดียวกันคือ ทำให้ดีขึ้นโดยการนำสิ่งที่เลวหรือสิ่งที่ผิดออกไป และทำสิ่งที่ถูกต้องมาแทนที่ (Reform : Make or be Come Better by Removing or Putting Right What is Bad or Wrong)

โดยนัยแห่งความหมายของคำว่า ปฏิรูป ทั้งที่ปรากฏในภาษามคธ และภาษาอังกฤษจึงมีความหมายสอดคล้องกันคือ การเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น

ดังนั้น การปฏิรูปการเมืองจะต้องดำเนินการก่อนเลือกตั้ง ถ้าต้องให้การเมืองดีขึ้น และการเมืองจะดีขึ้นได้ต้องปฏิรูปองค์ประกอบหลักของการเมือง 3 ประการคือ

1. นักการเมือง ซึ่งหมายถึงบุคคลที่ต้องการลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อเป็นผู้แทนของปวงชน จะต้องเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถในด้านต่างๆ มากพอที่จะรับใช้ปวงชนในการทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติและบริหาร ทั้งจะต้องมีคุณธรรมและจริยธรรมคอยกำกับและควบคุมพฤติกรรมในการใช้ความรู้ และความสามารถให้อยู่ในครรลองที่ควรจะเป็น โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวมเป็นที่ตั้ง

2. ระบบการเมืองที่ควรจะมี และควรจะเป็นตามระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

3. กฎหมายข้อบังคับ ระเบียบ และมาตรการต่างๆ อันเกี่ยวข้องกับการที่จะได้มาซึ่งปัจจัยในข้อ 1 และข้อ 2

ทั้ง 3 ประการดังกล่าวข้างต้น ผู้ที่จะทำการปฏิรูปจะต้องหาวิธีการเพื่อให้ได้มาโดยครบถ้วนสมบูรณ์ ถ้าจะให้การปฏิรูปการเมืองบังเกิดผลอย่างจริงจัง

ส่วนจะหาวิธีการนี้มาได้อย่างไรนั้น จะต้องปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลเฉพาะกิจ และสภาเฉพาะกาลดำเนินการไปอย่างอิสระปราศจากการครอบงำ และชี้นำจากฝ่ายการเมือง ทั้งในรูปขององค์กรคือพรรคการเมือง และตัวนักการเมืองอันเป็นปัจเจก เฉพาะอย่างยิ่ง นายทุนพรรคการเมือง ดังที่พรรคเพื่อไทยเป็นอยู่ในขณะนี้

ส่วนประเด็นว่า ทำไมต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง คำตอบหาได้ไม่ยากเพียงแต่ย้อนไปดูการเมืองในระยะ 10 กว่าปีที่ผ่านมา นับจากที่การเมืองในระบอบทักษิณได้เกิดขึ้นพร้อมกับการนำวิธีการซื้อนักการเมืองเข้าพรรคเป็นรายบุคคลและยกเข่ง รวมไปถึงการนำนโยบายประชานิยมแบบสุดโต่งเข้ามาเป็นเครื่องมือในการหาคะแนนนิยมทางการเมืองในลักษณะซื้อเสียงล่วงหน้าเข้าข่ายผิดกฎหมายในข้อสัญญาว่าจะให้ โดยที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.ไม่ดำเนินการใดๆ

ดังนั้น ถ้าจะให้การเมืองไทยโปร่งใสปราศจากธุรกิจการเมืองดังที่เป็นอยู่ สิ่งแรกที่จะต้องแก้ไขภายใต้แนวคิดปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้งก็คือ การแก้กฎหมายเลือกตั้ง ห้ามมิให้พรรคการเมืองนำนโยบายในทำนองสัญญาว่าจะให้เข้ามาเป็นเครื่องมือในการหาเสียง และถ้าพรรคใดขืนทำให้มีการลงโทษถึงขั้นยุบพรรค และผู้กระทำมีโทษทางอาญาถึงขั้นติดคุก และห้ามเล่นการเมืองตลอดชีวิตหรืออย่างน้อย 10 ปีหลังพ้นโทษออกมาจึงลงสมัครรับเลือกตั้งได้

ด้วยเหตุนี้เอง จึงต้องทำการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เพราะถ้าให้เลือกตั้งภายใต้กฎหมายเดิมก็จะได้นักการเมืองแบบเดิมๆ และจะทำสิ่งเลวร้ายแบบเดิมไม่มีวันจบสิ้น และในที่สุดประเทศก็ล่มจม

ส่วนข้อดีของการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งมีนัยตรงกันข้ามคือ ถ้ามีการแก้ไขปรับปรุงกติกาให้รอบคอบรัดกุมจนทำให้เชื่อได้ว่าสามารถป้องกันมิให้คนเลวเข้ามาสู่อำนาจ โดยผ่านทางเส้นทางการเลือกตั้งได้แล้ว จัดการเลือกตั้งนักการเมืองก็คงจะดีขึ้น และเมื่อได้นักการเมือดีระบบการเมืองก็จะได้รับการแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามหลักแห่งตรรกะที่ว่าคนดีถึงแม้จะเกิดขึ้นในระบบที่เลว ก็จะทำให้ระบบดีขึ้น ตรงกันข้าม คนเลวถึงแม้จะเกิดขึ้นในระบบที่ดีก็จะไม่ดีขึ้นตามระบบ ตรงกันข้าม จะทำให้ระบบเลวตามเพื่อสนองความต้องการเลวๆ ของตนเอง

ดังจะเห็นได้ในกรณีของการแก้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเองในหลายๆ ประเด็นในยุคของรัฐบาลระบอบทักษิณทุกยุค แม้กระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญในยุคของรัฐบาลชุดนี้ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง.
กำลังโหลดความคิดเห็น