xs
xsm
sm
md
lg

บทเรียนปี 53 ที่จะซ้ำรอยในปี 57!

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

คัมภีร์พิชัยสงครามบทว่าด้วยนานาวิการนั้น สอนให้หมั่นสังเกตในเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งที่เป็นธรรมชาติและที่มนุษย์เสกสร้างหรือก่อให้เกิดขึ้น เพราะในบางเรื่องบางราวนั้น สิ่งที่เป็นนานาวิการก็จะเป็นเครื่องบอกเหตุที่จะเป็นประโยชน์ในการศึกสงคราม

อย่างเช่น เมื่อหอยโข่งขึ้นไข่ในที่สูงเพียงใด ก็เป็นเครื่องบอกเหตุว่าน้ำจะหลากมาท่วมสูงถึงระดับไข่หอยโข่งที่ไข่เกาะไว้นั้น

หรือเมื่อมดขนไข่จากพื้นดินขึ้นสู่ที่สูง ก็เป็นสัญญาณบอกเหตุว่าน้ำจะหลากมา และท่วมขังเป็นพื้นที่กว้าง

หรือเมื่อราวป่าเงียบสงบ ก็อาจบอกเหตุว่ามีข้าศึกซุ่มอยู่

บทว่าด้วยนานาวิการจึงสอนให้ไม่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทอย่างหนึ่ง และสอนให้สังเกตอ่านเหตุการณ์ที่จะบังเกิดหรือกำลังจะเกิดขึ้น เพื่อจะได้เตรียมรับมือได้ทันท่วงทีอีกประการหนึ่ง

จะได้ไม่เพลี่ยงพล้ำให้อับอายขายหน้าเหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์ปี 2553 ที่ฝ่ายการเมืองสั่งการให้ฝ่ายทหารไปป้องกันเหตุการณ์ที่ย่านราชดำเนินและอีกหลายพื้นที่ โดยไม่ให้พกพาอาวุธ ให้ไปแต่มือเปล่าๆ กลายเป็นว่าสั่งให้ทหารซึ่งมีขีดความสามารถในการป้องกันตนและในการกำราบปราบปรามความรุนแรงต่างๆ ต้องกลายเป็นแมวหรือเป็นยักษ์ที่ไม่มีกระบอง

และในที่สุดก็เกิดความเสียหายใหญ่หลวง ทหารเสือพระราชินีถูกฆ่าและทำร้ายบาดเจ็บล้มตายร่วม 300 คน ประชาชนบาดเจ็บล้มตายร่วม 200 คน และกรุงเทพฯ ถูกเผาเป็นจุณมหาจุณ

นั่นอย่าว่าแต่ไม่สังเกตนานาวิการเลย แต่เป็นการตั้งอยู่ในความประมาทและความไม่รับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง ปล่อยให้มีการซ่องสุมกำลังอาวุธและฝึกใช้กำลังอาวุธกลางท้องสนามหลวงเป็นเวลานานนับปี ปล่อยให้มีการปลุกระดมเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยโจ๋งครึ่ม ทั้งทางโทรทัศน์และกลางท้องสนามหลวงเป็นปีๆ ทั้งที่ผิดกฎหมายร้ายแรง

ในที่สุดนอกจากจะเสียหายยับเยินสุดคณานับเป็นประวัติศาสตร์แล้ว ฝ่ายการเมืองก็ถูกดำเนินคดีฐานฆ่าคนตาย ในขณะที่ฝ่ายทหารหลายคนก็ถูกไต่สวนในคดีวิสามัญฆาตกรรม ส่วนพวกผู้ก่อการร้ายที่เผาบ้านเผาเมืองกลับลอยนวล นั่งเง่หมึงเป็นรัฐมนตรี และเสพสุขบนความพินาศวายวอดของบ้านเมืองจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

มาถึงวันนี้รัฐบาลรักษาการ พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล และมวลชนเสื้อแดง ตลอดจนกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งเป็นกลุ่มพวกเดียวกันเหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์ปี 2553 ก็ได้ประกาศตนแสดงตัวอย่างเปิดเผย ทั้งโดยทางโทรทัศน์ วิทยุ และโดยการจัดชุมนุมหลายครั้งหลายหน เปิดตัวชัดเจนที่จะยึดบ้านยึดเมือง และไม่ได้เกรงกลัวใดๆ อีกต่อไปแล้ว

มีการประกาศตั้งกองกำลังอาวุธ ประกาศฝึกอาวุธ ประกาศระดมบุคคลเข้าสังกัดกองกำลังอาวุธ ประกาศจะปิดศาลทั่วประเทศ ประกาศจะปิดองค์กรอิสระทั้งหมด ประกาศเตรียมตัวตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น และถึงขนาดประกาศแยกแผ่นดินเป็น สปป.ล้านนา อันเป็นการประกาศตนเป็นอริราชศัตรู เป็นขบวนกบฏอั้งยี่ที่กำลังก่อกบฏในแผ่นดินอย่างชัดเจนที่สุด

มีการประกาศไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยตัดสินใดๆ ขององค์กรอิสระ และประกาศที่จะใช้ความรุนแรงโดยกองกำลังติดอาวุธเพื่อค้ำจุนให้นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ ทั้งสิ้น

นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ประจักษ์ชัด ไม่ต้องตีความกันแต่ประการใด แต่ที่เรียกว่าเป็นนานาวิการนั้นก็คือการประกาศบนเวทีการชุมนุมว่า ในวันที่ ป.ป.ช.ชี้มูลให้นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จะมีเหตุการณ์ระเบิดกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ พร้อมกันทั่วประเทศ

คำประกาศอย่างนี้จะคิดแต่เพียงว่าเป็นคำคุยโวโอ้อวดก็ได้ หรือจะคิดว่าเป็นคำขู่เพื่อไม่ให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดของนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้ แต่ถ้าจะมองแบบนานาวิการอันคัมภีร์พิชัยสงครามได้บัญญัติไว้ เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งบอกเหตุที่มีความแจ่มชัดดังต่อไปนี้

ประการแรก จะเกิดเหตุร้ายแรงโดยขบวนการกบฏอั้งยี่ที่ประกอบด้วยนักการเมือง พรรคการเมือง มวลชน และกองกำลังอาวุธ ชุดที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้แถลงไว้ถึงสองครั้งสองหนว่า เป็นคนชุดเดียวกันกับผู้ก่อเหตุเผาบ้านเผาเมืองเมื่อครั้งปี พ.ศ. 2553

ประการที่สอง เหตุร้ายแรงดังกล่าวนั้นจะเกิดขึ้นในวันที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเรื่องทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังวันที่ 31 มีนาคม 2557 และน่าจะก่อนวันสงกรานต์ หรือหลังวันสงกรานต์ไม่มากนัก โดยเหตุร้ายแรงที่สำคัญนั้นก็คือการวางระเบิดทั่วทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่

ถ้ามองอย่างนี้ก็เรียกว่ามองอย่างนานาวิการตามที่คัมภีร์พิชัยสงครามได้บัญญัติไว้ ก็จะทำให้ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท จากนั้นก็มาประมาณสถานการณ์ทั้งปวงว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหนเพียงใด และลองมองกันให้ดีๆ ก็จะพบว่า

ข้อแรก ขบวนการกบฏอั้งยี่ได้อ่านสถานการณ์ว่า การทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวนั้น แม้ ป.ป.ช.จะได้อนุญาตให้นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ขยายเวลาชี้แจงข้อกล่าวหามาแล้ว และแม้จะได้มีการยิงระเบิด ตลอดจนการคุกคามหลายครั้ง คงยังไม่ได้ผล จึงคาดหมายว่า ป.ป.ช. จะชี้มูลความผิดอันจะมีผลให้นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ถึงแม้นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จะทำหน้าที่แทนต่อไปก็คงไม่เป็นที่พอใจเหมือนกับนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในช่วงก่อนหลังสงกรานต์ไม่มากนัก

ข้อสอง มีการปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงอย่างกว้างขวาง แม้จะได้ผลไม่มากนักและมีคนมาเข้าร่วมไม่มากนัก เพราะคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ตาสว่าง ตื่นตัว รู้เท่าทันเสียแล้ว แม้จะระดมผู้คนได้ไม่ถึงเรือนแสน แต่แค่ระดับหมื่นคนก็เพียงพอต่อการสร้างสถานการณ์รุนแรงได้แล้ว

ข้อสาม มีการปลุกระดมให้เตรียมอาวุธและเปิดรับสมัครอาสาสมัครเพื่อฝึกซ้อมอาวุธ และติดอาวุธ เพื่อจะต่อสู้กับกองทัพไทยและทหารไทยอย่างคึกคักครึกโครม รวมทั้งจะมีการดึงเอาตำรวจจำนวนหนึ่งเข้ามาร่วมก่อการด้วย

ข้อสี่ จากการให้สัมภาษณ์สองครั้งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ว่าขบวนการที่ก่อความรุนแรงในครั้งนี้เป็นขบวนการเดียวกันกับเมื่อครั้งปี 2553 ซึ่งหมายถึงเป็นกองกำลังติดอาวุธทั้งกองกำลังติดอาวุธของต่างชาติและกองกำลังติดอาวุธในประเทศ มีอาวุธสงครามร้ายแรงที่พร้อมต่อสู้กับกองทัพไทยและทหารไทย ดังที่เคยก่อความเสียหายใหญ่หลวงให้ประจักษ์มาแล้ว

ข้อห้า นอกจากกองกำลังชุดเดียวกันซึ่งอาจจะเพิ่มจำนวนมากกว่าปี 2553 แล้ว ในปี พ.ศ. 2557 นี้ยังมีกองกำลังเพิ่มมาอีกสองขบวน คือ

ขบวนแรก เป็นกองกำลังอาสาสมัคร ที่แม้ภายนอกจะดูเหมือนว่าเป็นคนไทย แต่ก็มีรายงานข่าวว่ามีการว่าจ้างต่างชาติและชนกลุ่มน้อยมาร่วมก่อการด้วย

ขบวนที่สอง เป็นกองกำลังก่อการร้ายโดยตรงจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะทำหน้าที่วางระเบิดและได้ปฏิบัติการมาหลายครั้งแล้ว ดังเช่นการเตรียมคาร์บอมบ์เพื่อวางระเบิดที่ชุมนุมของ คปท. แต่ถูกจับได้ก่อน และล่าสุดการวางระเบิดขนาด 15 กิโลกรัม ที่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด

ทั้งสองขบวนนี้แหละที่เป็นปรากฏการณ์ที่จะเชื่อมโยงกับสิ่งที่เรียกว่านานาวิการ คือคำขู่ว่าจะระเบิดกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในวันที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ก็คอยดูกันว่ากองทัพไทยและผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยและหนักหน่วงกว่าปี 2553 หรือไม่?
กำลังโหลดความคิดเห็น