ก่อนหน้านี้ ใครๆ ก็เรียกเธอว่า นายกฯ นกแก้ว นายกฯหุ่นเชิด นายกฯ สมองกลวง และ อีโง่ อันเป็นสมญานามที่สะท้อนบุคลิกลักษณะ และพฤติกรรมของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย
หลังเหตุการณ์ ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. สั่งการให้ กองกำลังติดอาวุธของตำรวจ เข้าสลายการชุมุนมของ เครือข่ายกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ หรือ กปท.ที่ สะพานผ่านฟ้า ถนนราชดำเนินกลาง เมื่อเช้าวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 4 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 คน และบาดเจ็บรวม 66 คน ยิ่งลักษ์ ชินวัตร ก็ก้าวเข้าสู่ทำเนียบทรราช ด้วยมือที่เปื้อนเลือดของประชาชนผู้บริสุทธิอย่างสมบูรณ์แบบ
การชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ โค่นล้มระบอบทักษิณ ซึ่งเริม่ขึ้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตแล้ว 16 คน บาดเจ็บ 689 คน จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ผุ้ชุมนุมถูกลอบทำร้าย นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 30 พฤศิจกายน เหตุการณ์ที่สนามกีฬา ไทย-ญี่ปุ่น การทำร้ายรถขบวนของ คปท.ที่บริเวณวัดศรีเอี่ยม จนหนึ่งในแกนนำ เสียชีวิต การปาระเบิดใส่ ขบวน กปปส.ที่ถนนบรรทัดทอง
เหตุการณ์ความรุนแรงเหล่านี้ รัฐบาลจะกล่าวอ้างได้ว่า เกิดจากกองกำลังติดอาวุธ ที่ไม่ปรากฏตัว ไม่รู้ว่ามาจากไหน ไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาล แต่การสลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้า เมื่อเช้าวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ภาพกองกำลังตำรวจ ติดอาวุธสงครามเต็มที่ คลุมหน้าคลุมตัว เป็นไอ้โม่ง ราวกับจะไปรบทัพจับศึกกับอริราชศัตรู หรือผู้ก่อการร้าย ที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นหลักฐานที่ไม่อาจะปฏิเสธได้เลยว่า ความรุนแรงเกิดจากอำนาจรัฐ โดยคำสั่งของ ศรส.
ในขณะที่ผู้ชุมนุมซึ่งมีอยู่บางตาในเช้าวันนั้น นั่งลงสวดอิติปิโส ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ก็ตั้งแถว เดินหน้าแกว่งกระบองเข้าฟาดฟันใส่ผู้ชุมนุม โดยมีกองกำลังติดอาวุธยิงปืนเอ็ม 16 กดหัวข่มขู่ผุ้ชุมนุมไม่ให้ขัดขวาง หากปราศจากกองกำลังทราบฝ่ายที่คอยคุ้มกันผุ้ชุมนุม ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “กองทัพป๊อปคอร์น” ยิงสกัดการรุกคืบของตำรวจติดอาวุธแล้ว เลือดคงนองถนนราชดำเนินมากกว่านี้
เพียงเพราะต้องการอวดศักดา ใช้อำนาจเอาชนะ ศรส.ถึงกับ สั่งการให้ตำรวจฆ่าประชาชนที่มีแต่สองมือเปล่า เพื่อยึดทำเนียบรัฐบาลคืนมาให้ยิ่งลักษณ์ เป็นคำสั่งฆ่าของฆาตกร แม้ว่ายิ่งลํกษณ์ จะไม่ใช่ผู้อำนวยการ ศรส. แต่ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อันเป็นที่มาของ ศรส. ไม่มีทางที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ ไม่รู้ไม่เห็นได้
มันก็เหมือนกับ โครงการจำนำข้าวนั่นแหละที่ยิ่งลักษณ์ พยายามลอยตัว หนีความรับผิดชอบ อ้างว่า ได้มอบหมายให้ผู้อื่นรับผิดชอบโครงการไปแล้ว แต่สุดท้ายแล้ว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ก็ตั้งข้อหา ว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งๆ ที่มีคนเตือนแล้วว่า ให้ยุติโครงการเสีย เพราะมีการโกงกันทุกขั้นตอน แต่ก็ไม่ฟัง
เราจะมีนายกรัฐมนตรีแบบนี้ไปทำไม นายกรัฐมนตรีที่ไม่รับผิดชอบอะไร ถามอะไรก็เอาแต่อ้างว่า ได้มอบหมายให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบไปดำเนินการแล้ว
การระดมกำลังตำรวจทั่วประเทศ 25,000 คน บางส่วนติดอาวุธสงคราม พกอาวุธปืนสั้นประจำตัว คนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สนใจไถ่ถามเลยหรือว่า เอามาทำอะไร และหลังจากสถาการณ์ เหตุการณ์ผ่านไปแล้วหลายวัน นายกรัฐมนตรี ทำเหมือนไม่มีอะไรเลยเกิดขึ้น ไม่พูด ไม่แสดงความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น เอาแต่หลบหนีซ่อนตัวจากการไล่ล่าของมวลชน กปปส.
จนถึงวันนี้ รัฐบาลไม่กล้าสั่งการให้มีการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตทั้งตำรวจและประชาชนว่า เกิดจากกระสุนปืนแบบไหน ยิงมาจากทิศทางใด ทั้งๆ ที่เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญที่สุดของกระบวนการยุติธรรม หากรัฐบาลต้องการจะโต้แย้งว่าความรุนแรงไม่ได้เกิดจากตำรวจในวันนั้น
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตอบได้ไหมว่า ประชาชนที่เสียชีวิตไปเมื่อเช้าวันนั้น 4 คน บาดเจ็บอีก 60 กว่าคน เขาทำผิดอะไร เพียงแค่พวกเขาใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญต่อต้านรัฐบาลที่พวกเขาไม่ยอมรับ ถึงกับต้องสั่งฆ่าเลยหรือ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คงไม่รู้ตัวหรอกว่า เธอคือ ฆาตรกรที่รู้เห็นเป็นใจกับการสังหารประชาชนที่มีแต่มือเปล่า 4 คน บนถนราชดำเนินเมื่อเช้าวันที่ 18 กุมภาพันธ์